Review: NAPLAB

วันนี้มีธุระแถวๆสามย่าน ไปไหนไกลไม่ได้ เลยได้มาลอง Co working space เจ้านึงแถวนี้ .. ชื่อว่า NAPLAB อยู่ที่จุฬาฯ ซอย 6

รีวิวทั่วๆไปสามารถหาได้เยอะมาก มีทั้งคนทั่วไปรีวิวรวมถึงโฆษณา

อันนี้คือความเห็นของผมหลังจากใช้บริการ

ราคา 

คนทั่วไป (ที่ไม่ใช่นักเรียน นักศึกษา) เริ่มที่ 150 บาท ต่อ 4 ชั่วโมง .. ในค่าบริการนี้รวม WiFi และปลั๊กไฟเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าแพงเลยทีเดียว สำหรับค่าใช้สถานที่อย่างเดียว นักศึกษาจะเหลือ 100 บาทสำหรับ 4 ชั่วโมง ก็ดีขึ้นมานิดนึง

ที่นี่เข้าออกกี่ครั้งก็ได้ จะได้กระดาษพร้อม QR code สำหรับเข้าออก มีเวลาหมดอายุบอกพร้อมรหัสไวไฟ

ชาเย็นแก้วละ 50 บาท เครื่องดื่มส่วนใหญ่ก็ราคาไม่ได้แรง รสชาติดีกว่า too fast too sleep เยอะ มีพวกมาม่าขายด้วย

นอกจากค่าเข้าแล้ว อันนึงที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาคือ ค่าจอดรถ ถ้าจอดของโครงการเอง เริ่มที่ ชม.ละ 20 บาท เกิน 4 ชม. ขึ้นเป็นชม.ละ 50 นี่มันขัดกับการเป็น co working space มากๆ เค้าก็แนะนำให้ไปจอดที่ซอยจุฬาฯ 8 เห็นว่าเหมาจ่ายวันละ 15 บาท แต่ไม่รู้ว่าที่จอดหน้าตาเป็นแบบไหนนะ

 

สถานที่ 

ถือว่าโอเคนะ สะอาดระดับนึง (ไม่นับว่าเจอทิชชูใช้แล้ววางอยู่) …  มีที่โต๊ะทำงานให้เลือกได้หลายระดับ ตั้งแต่นอนเอกเขนก โต๊ะเตี้ยเหมือนโต๊ะญี่ปุ่น ไปจนถึงโต๊ะนั่งทำงานระดับปกติ มีหมอนวางอยู่ทั่วไป แต่ดูแล้วไม่ค่อยกล้าใช้

มีร้านขายขนมเครื่องดื่มข้างใน แต่สามารถเอาอาหาร(น่าจะหมายถึงขนม)มาทานจากข้างนอกได้

ที่ชอบคือที่เอกเขนกเอนนอนได้นี่แหล่ะ เพราะปกตินั่งทำงานข้างนอกนนานๆจะเจอปัญหาว่าโต๊ะไม่ได้ระดับ ปวดหลัง อยากเอนพักซักห้านาทีสิบนาทีไรงี้

พื้นที่ส่วนใหญ่ให้ถอดรองเท้า  แต่ก็งงๆว่าเห็นบางคนก็ใส่แตะมา เลยไม่รู้ว่าอะไรคือข้อควรปฎิบัติ (หรือจริงๆไม่ต้องถอดฟะ)

บรรยากาศ

มีการเปิดเพลงบรรเลงคลอเบาๆ คนไม่พลุกพล่านมากนัก

แต่ก็มีสิ่งขัดใจอยู่บ้างคือ

มีผู้ใช้บริการรายเดือน ที่เหมือนจะส่งเสียงโห่ เฮฮาเป็นระยะๆ อาจจะมาจากการประชุม ทำเอาเสียสมาธิเหมือนกัน

มีเสียงเครื่องบดกาแฟเป็นระยะตามที่คนสั่ง

มีเสียงคนตีปิงปอง – -”

มีเสียงคนตื้ดประตูเข้าออกดังเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้แก้ปัญหาได้โดยย้ายไปขึ้นชั้นบน ก็จะสงบสุขกว่าหน่อย

เมื่อมองออกมาจากช่องบนซ้ายในรูปแรกสุด
อันนี้คือชั้นบน หลังจากหนีความวุ่นวายมา

อีกอันที่ขัดใจคือ วันที่มาใช้มีการถ่ายทำรายการไรซักอย่างด้วย แต่คือไม่มีการบอกผู้ใช้อย่างเราเลย อยู่ๆก็เอากล้องมาถ่ายๆ ไม่โอเคมากๆ จนต้องออกปากถาม แล้วย้ายที่นั่ง แต่โดยรวมก็ไม่ได้แย่มาก เจ้าของ(หรือผู้ดูแล) ก็เข้าใจประเด็นแล้วก็ขอโทษเรื่องการถ่ายทำโดยไม่บอกรวมถึงช่วยหาที่นั่งใหม่ให้

 

สรุปก็คือ พอใช้บริการได้ คนไม่เยอะจนเกินไป นั่งชั้นบนน่าจะดีกว่า ปลั๊กไฟเยอะ ไวไฟโอเค ที่จอดรถแพงมาก เอาหมอนมาเองดีกว่า

Summary Life in 2017

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เขียนบล็อกบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน (มันมีจังหวะที่เคยเขียนบ่อยด้วยหรอวะ … // ข้ามๆไป) แต่เราก็ยังคงพยายามจะเขียนโพสต์สรุปรายปีให้ได้ทุกๆปีเหมือนเดิม .. (อ่านของปีที่แล้วได้ที่นี่)

ปีนี้ลองเปลี่ยนนิดหน่อยว่าจะไม่เขียนเป็นไทม์ไลน์เป็นเดือนๆล่ะ

เริ่มต้นด้วยเรื่องของการกิน .. ปีนี้ก็ยังนัดกินข้าวกับเพื่อนแก๊งเดิมๆอยู่เรื่อยๆ สองสามอาทิตย์ครั้งเวียนๆกันไป ค่อนปีแรกยังมีความสุขกับผลไม้ตอนบ่ายสองกับ Happy Friday ทุกสองอาทิตย์อยู่ มีได้นัดกินข้าวกับเพื่อนภาคคอมข้างรหัส ที่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก ปีนี้รู้สึกได้ว่าตัวเองเมาเร็วขึ้นเยอะ กินไปกินมาสามทุ่มนี่เริ่มเมาล่ะ

เริ่มติดร้านอาหารแถวบ้านมากขึ้น บางร้านเป็นร้านที่เปิดมาเป็นสิบๆปีแล้ว แต่เราเองตังหากที่ไม่เคยแวะไปกิน เดี๋ยวจะลองรีวิวให้ดูวันหลังนะ

ตั้งใจว่าถ้าดื่มไม่ขับ คิดว่าปีนี้ทำได้ตามที่ตั้งใจไว้นะ

ที่ตึกมีสตาร์บัคส์มาเปิดใต้ตึกเลย มีแววเสียตังมากกว่าเดิม

 

ครอบครัว … ต้นปีคุณยายหกล้มเข้ารพ. โชคดีว่าที่ทำงานให้ Work from home ได้ เลยค่อยยังชั่วว่าได้อยู่ดูยายหลายวันหน่อย ตอนนี้ก็ดึขึ้นเยอะแล้ว หายเกือบสนิท แทบไม่ต้องใช้ตัวช่วยเดินแล้ว คุณตาก็หมอนัดเรื่อยๆ สลับกันไปรพ. ดีนะว่าไม่ไกลบ้าน

ปีนี้พี่กับหลานย้ายไปอยู่เมกาตั้งแต่เดือนกรกฎาฯ อะไรๆเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน จากเดิมเสาร์อาทิตย์ไปขลุกเล่นกับหลานก็เปลี่ยนไป แต่ละคนก็มีทางของตัวเอง เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของกันและกัน

 

เรื่องงาน… ปีนี้เปลี่ยนงานอีกแล้ว แต่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คือกลับมาอยู่ที่เดิม Draycir นั่นเอง … จริงๆตอนอยู่ Orion Health ก็ดีนะ แต่ด้วยข้อเสนอการกลับมาทำที่เนื้องานเปลี่ยนไป มาดูทางด้าน Design เต็มตัว ลดงาน Operation ลง แถมทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ เลยยากที่จะปฏิเสธจริงๆ ลองดูกันว่าจะเป็นอย่างที่คิดไว้หรือไม่ แล้วมาดูกันว่าจะได้สร้างอะไรของตัวเองตามที่ตั้งใจไว้แบบไหน

ตั้งใจว่าจะไป Meetup ให้ได้ซักสองครั้ง เหมือนจะทำไม่สำเร็จ ดันมาตรงกับไปเที่ยว เราก็ต้องเลือกเที่ยวเป็นธรรมดา ตอนว่างก็หัวข้อยังไม่น่าสนใจ

ปีนี้ได้ Contribute code เข้า opensource บน GitHub ด้วย ถึงแม้จะเป็นโปรเจคเล็กๆแต่ทำครั้งเดียวผ่าน ก็โอเคละ ภูมิใจในตัวเองหน่อยนึง 555+

 

มาที่เรื่องเที่ยว ปีนี้เหมือนจะเที่ยวเยอะหน่อย ปีใหม่ไม่ได้อยู่เชียงใหม่เหมือนปีก่อนๆแล้ว …

กุมภาฯเราก็ยังมีทริปกาญจนบุรีกับแก๊งเดิม ที่ไปจังหวัดเดิม เวลาเดิมติดกันมาสามสี่ปีละ ปีนี้ไปถึงเหมืองปิล็อก สนุกดี ถึงแม้ว่าทางจะคดเคี้ยวไปนิด กินไวน์ไปคนละขวด หลับสบาย …

ตอนเมษามีทริปไปญี่ปุ่น เป็นการไปญี่ปุ่นครั้งแรกด้วย เลยเก็บพวกแลนมาร์คไปก่อน ไว้ค่อยไปตามใจตัวเองอีกที

ถัดมาอีกนิดมีทริปไปอินโด โบรโม่ อิเจี้่ยน ต่อด้วยบาหลี ได้เล่น Surf ครั้งแรก สนุก อยากไปเล่นอีก อ่านต่อได้ที่นี่

ถัดมาปลายปีมีไปหาพี่กับหลานที่เมกาฯ ไปฮูสตัน ต่อด้วยทริปเนิร์ดๆไป Silicon valley กับซานฟรานฯ โชคดีได้เพื่อนพาเข้าชมออฟฟิศ Facebook กับ Google แค่นี้ก็คุ้มค่าเครื่องบินละ แต่ไปตรงกับช่วง Black Friday พอดี เจ็บตัวหนักมากกกก ไว้ถ้าไม่อีดซะก่อน อาจจะเขียยบล็อกเรื่องนี้อีกที

นี่ยังไม่นับ ทริปสุรินทร์ ภูเก็ต เชียงใหม่ บางแสน สั้นๆคั่นกลางระหว่างปี 🙂

อ้อ ไปเชียงใหม่ได้เล่น Zipline ด้วยระยะ 800 เมตร … เสียวนะ แต่ชอบ คาดว่าน่าจะเล่นอีกเร็วๆนี้ แต่ต้องหาที่ที่วิวสวยๆด้วย

Golden gate

 

ช้อปปิ้ง … ต่อเนื่องจากทริปเมกา ที่ไปตรงกับช่วง Black Friday ปีนี้ได้เริ่มโครงการ Home automation เริ่มจากสอย Google Home Mini มา (ถูกมาก) แล้วเพื่อนให้มาอีกอันนึง เดี๋ยวปีหน้าจะลองเริ่มต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆแล้วจะโม้ให้ฟังอีกทีนึง ปีนี้ได้โดรนแล้ว หลังจากอยากได้มาหลายปี

มือถือเครื่องเดิม Huawei P9+ จอแตก ตอนนี้สอย Pixel 2 มาล่ะใช้ไปปีเดียวเอง รู้สึกแพงชะมัด

Surface Pro ที่ใช้ยังดีอยู่ แต่ก็อยากได้เครื่องไว้เล่นเกมส์อีกอันเหมือนกันนะ 😛

ปีนี้เปลี่ยนเน็ตเป็น AIS Fibre ยกเลิก อินเตอร์เน็ตทรู ทรูวิชัน แล้วสมัครสมาชิก Netflix กับ Spotify สองอย่างหลังนี่ใช้งานกับ Google home ได้เนียนมาก

ปีนี้ซื้อเตียงใหม่ หลังจากใช้เตียงสามฟุตครึ่งมาเป็นสิบปี ซื้อเตียงใหญ่นอนสบายขึ้นเยอะเลย

 

ปีนี้เล่น Social น้อยลง คิดมากขึ้น (อีกหรอวะ) … ทวิตเตอร์เล่นน้อยลงไปเยอะเลย เกรียนน้อยลงเยอะเช่นกัน แต่คนอื่นๆก็ยังดูเกรียนเหมือนเดิม … ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี

สุขภาพ … ออกกำลังกาย …. ปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะวิ่งทั้งปีให้ได้ 300 km. วิ่งได้มาเรื่อยๆอาทิตย์ละสองครั้งมาตลอด จนมาเปลี่ยนงานนี่แหล่ะ แทบจะไม่ได้วิ่งต่อเลย จบปีอยู่ที่ 239.7 km ปีหน้าต้องวางแผนกันใหม่ว่าจะทำไงให้ได้

ตรวจสุขภาพ ยูริคก็ยังสูงเกินเกณฑ์นิดหน่อยอยู่ ตอนกลางปีนี่ควบคุมปริมาณไก่ทอดด้วย สุดท้ายก็ไม่ได้ผล เลิกคุมแม่งเลย 555+

ยังบริจาคเลือดอยู่เรื่อยๆตามที่โอกาสจะเอื้ออำนวย

 

ก่อนสิ้นปีรถเสีย … ได้ความว่าคอล์ยจุดระเบิดไม่ทำงานหนึ่งตัว อาการคือ เครื่องสั่นมาก รอบเบานี่ดับได้ แล้วเวลาเร่งเครื่องเหมือนเกียร์สูงตลอดเวลา รถวิ่งไม่ค่อยไป เข้าศูนย์หมดไปสี่พันกว่าบาท สบายไป

 

ตัวบล็อกเอง ต้นปีได้ย้ายออกมาจากโฮสต์ของพูมแล้ว หลังจากเกาะอยู่นานหลายปี ย้ายมาลองสร้างเครื่องอยู่บน Digital Ocean ของตัวเอง ลองผิดลองถูกหลายอย่างเลย มีครั้งนึงเขียนเรื่อง Starbucks login ไม่มี SSL โดนแชร์ไปจนบล็อกล่มไปเลย ได้สมบอยมาช่วยจูนค่อยดีขึ้นหน่อย ก่อนสิ้นปีนี่ก็ได้เปิด SSL เว็บตัวเองเป็น default แล้ว ได้ลองเล่น Let’s encrypt หลังจากที่อยากลองมานาน ตอนนี้ลองทำ crosspost ไปที่ medium ด้วยเผื่อว่าวันนึงบล็อกตาย หรือจะย้ายไป

หลังๆมานี้เหมือนจะชอบเขียนเรื่อง Security รู้สึกดีที่ให้คนทั่วๆไปได้ระวังตัวมากขึ้นจากการที่คนดูแลบริการไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าที่ควร

 

– อื่นๆ

Candy crush ถึงด่าน 2969 (+832)

สถิติบล็อกเรื่อยๆ มีพีคอยู่ตอนเขียนเรื่องสตาร์บัคส์

 

สวัสดีปีใหม่

 

รูปนี้แถม …

Pier 39

อย่าพึ่งลงทะเบียนรับของขวัญปีใหม่จาก Starbucks

As of 16:45 BKK Time, เหมือนว่าทาง Starbucks Thailand ได้แก้ไขให้ redirect ไปยังหน้าที่มี SSL เรียบร้อยแล้ว


ช่วงนี้หลายๆคนที่เป็นสมาชิกสตาร์บัคส์น่าจะเริ่มได้รับเมล ให้ลงทะเบียนเพื่อรับของขวัญปีใหม่ 2018 ตามภาพข้างล่าง (สมาชิกแบบโกลด์น่าจะได้เมลหน้าตาต่างไปอีกนิด)

ความน่าเศร้าก็คือ เมื่อคลิกลิงค์เพื่อเลือกสาขาที่จะรับของรางวัลนั้น มันจะเปิดหน้าใหม่ไปที่ http://newyear.starbuckscard.in.th/greenth หรือ /gold ก็ว่าไป แล้วให้กรอก username/password

ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า URL ที่เปิดมานั้นไม่ได้เป็น https ซึ่งมันไม่ปลอดภัยที่จะกรอกรหัสใดๆลงไปเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Starbucks Thailand ไม่ได้สนใจเรื่องความปลอดภัยขนาดนี้ ทั้งๆที่บริการ Cash card แบบนี้ควรจะต้องถูกดูแลอย่างเข้มงวด ไม่ใช่ทำๆส่งๆไปแบบนี้

 

 

วิธีทางแก้แบบขอไปที คือ แก้ URL เพิ่ม https:// เข้าไปด้วยตัวเอง แลัวจะมีการแจ้งเตือนเพราะว่า Certificates ที่มีนั้นไม่ตรงกับ domain ก็คงทำได้แค่เพียงกด Advance แล้วคลิก Proceed to newyear.starbuckscard.in.th (unsafe) ต่อไป เพื่อยอมให้ใช้ SSL certificate อันนี้ แต่อย่างน้อยก็เข้ารหัส username/password ของเราไว้ เพื่อไม่ให้คนดูแลระบบที่ทำงานหรือระหว่างทางสามารถเห็นรหัสผ่านของเราได้

 

จะได้ตามภาพด้านล่าง แล้วจึงค่อยกรอก username/password ต่อไป

 

ไม่แน่ใจว่ามีใครรู้จักคนดูแลระบบของ Starbucks Thailand หรือไม่ ฝากแจ้งหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก

 

… ถ้าจะบอกว่าเหมือนให้เด็กฝึกงานทำก็คงไม่ผิด

อินโดนีเซีย 2017

ตอนแรกก็ขี้เกียจเขียน ว่าจะแค่อัพรูปนิดหน่อยพอ ..  แต่ยิ่งใกล้วันเดินทางยิ่งมีเรื่องตื่นเต้นขึ้นทุกที จนไม่ไหวล่ะ ขอเขียนละกัน

เริ่มจากทริปนี้วางแผนง่อยๆว่าจะไป 4 คน …จนตอนหลังเหลือไป 3 คน แถมยังมีแววว่าจะเหลือน้อยกว่านั้นอีก

 

เริ่มจาก .. อีกสองวันก่อนเดินทาง

เมื่อเสี่ยเบิร์ดไปแลกเงินรูเปีย (IDR) .. ก็พบว่าร้านที่ไปแลกไม่มีเงินอินโดนีเซีย …

ข้าพเจ้าก็โทรไปร้านที่แลกประจำตรงนานา ร้านก็บอกว่ามีอยู่ประมาณ 8000 กว่าบาทไทย (ค่าทัวร์โบรโมต่อคนก็จะ 7000 บาทอยู่แล้ว) สรุปว่าไม่พอ ก็เลยไม่ไปแลก

ดีที่เสียเบิร์ดหาร้านแลกได้อีกร้าน เป็น Super Rich ไม่แน่ใจว่าสีอะไร เลยรอดตัวไป … สรุปได้ว่าเงินอินโดไม่ได้หาง่ายๆนะ ถ้าแย่จริงๆอาจจะต้องแลก USD ไปแล้วไปแลกที่นู่นอีกที

#เงินรูปีเป็นของอินเดียแต่ถ้าเงินรูเปียนี่เป็นอินโดฯนะ … อย่าสับสน

เมื่อเราจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเกินกว่าปกติ

เรื่องของเรื่องคือ ปีที่แล้วได้ย้ายงาน … และในการย้ายงานครั้งนี้แปลกว่าครั้งก่อนๆของตัวเองคือ หยุดงานในที่เก่า และมาเริ่มที่ทำงานใหม่ ในเดือนเดียวกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทั้งที่ทำงานเก่า และที่ทำงานใหม่ ล้วนจ่ายเงินเดือนเราตอนสิ้นเดือน รวมถึงหักเงินเพื่อส่งประกันสังคมเช่นเดียวกัน

ปีที่แล้วทั้งปี เราเลยจ่ายเงินค่าประกันสังคมทั้งสิ้น 13 เดือน … แทนที่จะเป็น 12 เดือนตามปกติ

ตอนกรอกภาษีรายได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีที่แล้ว ก็จะพบว่า เราสามารถหักค่าลดหย่อนสำหรับประกันสังคมได้สูงสุดแค่ 12 เดือน (คุณ 750 บาท)

 

… ผ่านไปครึ่งปี ผมก็ได้รับจดหมายจากกองทุนประกันสังคม แจ้งว่าเราจ่ายเงินไว้เกิน ให้รับคืนได้ … ถือว่าน่าชื่นชมที่มีจดหมายมาแจ้ง เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

จดหมายแจ้งรับเงินที่จ่ายไว้เกิน

ในการรับเงินคืน มีเอกสารที่ต้องใช้ คือ

1. เอกสารคำร้อง ซึ่งแนบมาด้วยกับจดหมาย

2. รายละเอียดเงินสมทบเกิน ก็แนบมาด้วยเช่นกัน

3. สำเนาบัตรประชาชน

4. สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร

 

แต่ๆๆๆ เราต้องส่งเอกสารทั้งกลับไปภายในเดือนกันยายน ซึ่งหมายความว่า เรามีเวลาประมาณ 90 วันในการจัดกันกับเรื่องนี้ … ที่ดูจะน้อยไปนิด เมื่อเทียบกับเวลาที่ผ่านไปครึ่งปี

 

เดี๋ยวจะลองทำตามขั้นตอน หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย

Scroll to top