ย่าติง – จีน 2018 – ตอนที่ 1

ได้มีเวลาเขียนซักที หลังจากวุ่นๆอยู่หลายวัน ยิ่งทิ้งไว้ยิ่งไม่มีแววว่าจะเขียนเสร็จ 

ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปโหดที่สุดทริปนึงก็ว่าได้ … ไปจีนแบบไม่มีใครพูดภาษาจีนได้ แถมคนที่นู่นก็ไม่ค่อยจะพูดอังกฤษกัน โรงแรมหลายๆที่ก็ไม่ได้จองไว้ รถบัสบางเที่ยวก็จองตั๋วล่วงหน้าไม่ได้

ก่อนเดินทาง

เราวางแผนกันคร่าวๆว่าจะไปให้ถึงอุทยานแห่งชาติย่าติง (Yading National Reserve) ในประเทศจีน ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 4,000 เมตร โดยค่อยๆเดินทางไปทีละเมืองๆ เริ่มจากเมืองคุณหมิง (Khunming) ต่อที่ลี่เจียง (Lijiang) แวะแชงกรีล่า (Shangri-la) ก่อนจะไปจบที่ย่าติง (Yading) ก่อนเดินทาง เรามีของในมือดังนี้

  • ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ-คุณหมิง
  • ตัวรถไฟแบบนอน (Soft Sleep) จากคุณหมิงไปเมืองลี่เจียง
  • จองที่พักในเมืองที่จองได้ และคาดว่าจะไปถึงทันเวลา เช่น ลี่เจียง แชงกรีล่า และริว่า (Riwa) 
  • ตั๋วเครื่องบินในประเทศจีน จากเมืองแชงกรีล่ากลับมาคุณหมิง 

ขอเล่าเรื่องการจองตั๋วเล็กน้อย

ตั๋วรถไฟเราจองได้จากเว็บ Trip.com ซึ่งจะจองได้ก่อนเดินทางแค่ระยะเวลานึงเท่านั้น น่าจะประมาณ 30 วันมั้ง ตั๋วรถไฟเราเลือกได้แค่ประเภทเท่านั้น เลือกที่นั่งเองไม่ได้ ตอนที่ซื้อคือเลือกแบบ Soft sleep ซึ่งจะเป็นแบบห้องที่มีสี่เตียงปิดประตูได้ เป็นเตียงสองชั้นสองฝั่ง ถ้าเป็นแบบ Hard sleep นี่จะเป็นห้องละ 6 เตียง คือเตียงสามชั้นสองฝั่ง !!! ถ้าจองผิดนี่คงสนุกไม่ใช่น้อย

ส่วนตั๋วเครื่องบินในประเทศ เนื่องจากว่าขาไปเนี่ยเราเที่ยวไปทีละเมืองพักเมืองละคืนสองคืน แต่พอขากลับเราต้องเดินทางรวดเดียวเพื่อมาชึ้นเครื่องกลับไทยที่คุณหมิง ซึ่งมันยาวนานมาก เลยขอร่นระยะเวลาด้วยการขึ้นเครื่องในประเทศแทน … เราพบว่าการพยายามจองตั๋วสายการบิน China Eastern Airline จากเว็บไซต์ของสายการบินเองนั้นไม่สำเร็จ เค้าต้องการเบอร์โทรศัพท์ในประเทศจีนเป็นการยืนยันตัวตน สุดท้ายก็ต้องกลับมาจองจาก Trip.com อีกเช่นกัน 

หลังจากนั้นเพิ่งรู้ว่าเว็บ trip.com หรือ ctrip.com เนี่ยเป็นของจีน สามารถซื้อตั๋วรถไฟ จองโรงแรม เครื่องบินได้จากต่างประเทศ แถมโรงแรมในจีนเองก็มีเยอะกว่าพวก agoda หรือ booking.com อีกนะ

ก่อนเดินทาง มีความกังวลเล็กๆเรื่องการเดินทางจากเมือง Shangri-la ไปยังเมือง Daocheng ซึ่งเป็นรถบัสที่มีเที่ยวเดียวต่อวัน ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชม. มีข้อมูลว่าไม่สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ ซึื้อได้เพียงหนึ่งวันก่อนหน้าเท่านั้น

แผนที่แบบคร่าวๆ

เมื่อวันเดินทางมาถึง

เรานัดเจอกันที่สนามบินดอนเมืองตีห้า เพื่อขึ้นเครื่องแปดโมงเช้า แน่นอนว่าคนที่มาช้าที่สุดก็คือคนที่พาสปอร์ตหมดอายุในทริปโบรโม่นั่นเอง 555+

บินจากดอนเมือง-คุณหมิง ใช้เวลาแค่สองชม. แต่ที่คุณหมิงเวลาเร็วกว่า หนึ่งชม. เราเลยแทบไม่เสียเวลาเลย นอกจากเวลาที่ต่างกันก็มีอุณหภูมินี่แหล่ะ คุณหมิงนี่หนาวเลย บรรยากาศประมาณยอดดอยแถวเชียงใหม่ ลงเครื่องปุ๊บต้องขุดเสื้อหนาวมาใส่ก่อนเลย

จากคุณหมิงลงเครื่องแล้วใช้เวลาผ่านขั้นตอนในสนามบินไม่นาน จะมีงงๆตอนผ่านตม.เล็กน้อย เพราะป้ายกับช่องให้เข้าเหมือนจะไม่ตรงกัน อันไหนในชาวจีน ชาวต่างชาติสลับกันไปหมด ผ่านทุกอย่างออกมาเราก็เตรียมตัวขึ้นรถบัสเข้าเมือง ก่อนหน้านั้นมีซื้อ sim card ของจีนไว้ด้วย เพราะต้อง Register Drone ในประเทศจีนซึ่งเค้าใช้เบอร์โทรเป็นการยืนยันตัวตน 

ปล. ในรูปนี่คนขายเปิดกล้องหน้าด้วย จะขำก็ไม่กล้า

การซื้อซิมการ์ดในจีน

พอลงเครื่องเสร็จออกมาข้างนอกนี่ก็งงๆเล็กน้อยว่าจะซื้อซิมการ์ดที่ไหนดี ด้วยความขี้เกียจเดินหา เลยเดินไปถาม Reception สนามบินเลย … แต่เซอร์ไพร์ตรงที่เค้าพุดอังกฤษไม่ค่อยได้ 555 งมๆแปลๆใช้มือๆไป จนเค้าเข้าใจ เค้าเลยเดินพาไปซื้อเลย เป็นเหมือนร้านซุปเปอร์เล็กๆแอบอยู่ การซื้อซิมการ์ในจีนนี่ต้องมีการลงทะเบียนด้วยนะเหมือนบ้านเราเลย แต่วิธีดูบ้านๆกว่านั้น(หรืออาจจะมีอะไรไฮเทคซ่อนอยู่) มันคือการถ่ายรูปแล้วส่ง Wechat !! … ถ่ายพาสปอร์ตเรากับซิมการ์ด ถ่ายหน้าเรากับซิมการ์ด แล้วก็ถ้าหน้าเราคู่กับพาสปอร์ต !!!

คุณหมิง

กลับมาที่การเดินทางของเรา … แผนของวันแรกคือเข้าเมืองไปรับตั๋วรถไฟที่ซื้อล่วงหน้าไว้ รวมถึงดูๆหาโรงแรมสำหรับจะพักคืนสุดท้ายไว้ด้วย เพราะไฟลท์จากแชงกรีล่ามาคุณหมิงขากลับนั้นมาถึงราวๆตีหนึ่ง เดินเล่นในเมืองชิลๆ แล้วก็ไปขึ้นรถไฟให้ทันเที่ยวสามทุ่ม

ตรงรถบัสนี่ก็มีเรื่องเล่านะ คือที่ดูไว้ก่อนมาเนี่ย เราจะขึ้นรถบัส Express สาย 2 เพื่อเข้าเมือง แต่พอถึงเวลาจริง เดินออกจากสนามบินแล้วเลี้ยวผิดทาง ไปเจอรถบัสเข้าเมืองเหมือนกัน สาย 9xx เราก็นึกว่า เออ สงสัยมันเปลี่ยนมั้ง สรุปมันคือไม่ด่วนพิเศษ เลยนั่งชิลๆไป ช้ากว่าเดิมประมาณ 15 นาที ไม่แย่เท่าไหร่ แหะๆ

หลังจากเข้าเมือง ไปเอาตั๋วรถไฟ ฝากกระเป๋า เราก็ออกเดินเที่ยวกัน ระหว่างนั้นก็ดูหูฟังสำหรับใช้กับโทรศัพท์ไปด้วย เพราะดันลืมเอาไป แถม Pixel 2 ที่ใช้อยู่ก็ดันตัดพอร์ทหูฟัง 3.5mm ไปแล้วด้วย ต้องหาตัวแปลงจาก usb-c to 3.5mm หลังจากแวะร้านโทรศัพท์สามร้าน ได้มาลองอันสองอัน ไม่มีอันไหนเวิร์คเลย .. สรุปจนจบทริปก็ไม่มีหูฟังใช้แต่อย่างใด เราขึ้นรถเมล์จากสถานีรถไฟไปกลางเมือง เที่ยวย่านช้อปปิ้งคล้ายๆสยาม ไปประตูม้าประตูไก่ …

จักรยานตามคอนเซป Bike Sharing มีให้เห็นทั่วไปในคุณหมิง

ค่ารถเมล์ที่นี่ง่ายดี ใส่แบงค์หยวนเดียวตลอดสาย ไม่ต้องกังวลว่าลงไหนจะต้องจ่ายเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่ก็ใช้มือถือจ่ายกับแอพเอา พวก Wechat ส่วนเราพยายามทำล่ะ ไม่สำเร็จ เพราะมันต้องผูกกับบัญชีธนาคารในจีน ไม่สามารถผูกบัตรเครดิตได้ (คือถ้าจะใช้บัตรเครดิตก็ต้องผูกบัญชีจีนก่อน) เลยอดไป รวมถึงพวกตู้ Kiosk ต่างๆนี่ไม่รับเงินสดแล้ว Wechat/Alipay โลด .. ยังไม่นับพวกจักรยานให้เช่าทั้งหลาย ที่อดลองเพราะจ่ายเงินไม่ได้

หลังจากเที่ยวเสร็จ เราก็กลับไปเดินหารร.แถวสถานีรถไฟ หาไรกินง่ายๆแถวนั้น แล้วก็ขึ้นรถไฟนอนไปลี่เจียงต่อ .. ครั้งนี้โชคเข้าข้างตรงที่ห้องนึงมีสี่คน เรามาสามคนแถมอีกที่ไม่มีคนด้วย เลยได้ยึดทั้งห้องนอนสบายเลย ในห้องมีปลั๊กไฟด้วย บวกกับที่เพื่อนเอาปลั๊กพ่วงไป สบายแฮ … รถไฟขบวนนี้ก็น่าจะเทียบได้กลับรถไฟแอร์ชั้นสองนอนที่บ้านเรา มีห้องน้ำ อ่างล่างหน้า ประตูห้องล็อกได้ มีหมอผ้าห่มให้ ถือว่าเป็นคืนที่หลับสบายเลย

ห้องนอนบนรถไฟ ถ่ายจากด้านบน

ลี่เจียง

สถานีรถไฟลี่เจียง

รถไฟมาถึงสถานี Lijiang ตีห้ากว่า !! ยังไม่ทันจะตื่นดีเลย เก็บของเกือบไม่ทัน แต่ยังดีว่าได้ล้างหน้าแปรงฟันเล็กน้อย เพราะตื่นขึ้นมาเช็ค Google Maps อยู่เรื่อยๆว่าถึงไหนแล้ว กลัวจอดแล้วลงไม่ทันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ .. แต่เหมือนว่าทุกๆคนก็ลงที่นี่นะ 

พอลงมาถึงก็จะมาคนกรูมาเรียกขึ้นรถตุ๊กๆสี่ล้อเล็ก .. ตามคอนเซปการแบคแพคของเรา .. แน่นอนว่าไม่ขึ้นจ้า เดินไปขึ้นรถเมล์ เพื่อจะไปที่พักที่อยู่ในเขตเมืองเก่าลี่เจียง เพื่อที่จะพบว่า รถเมล์ไปไม่ถึงนะ จะเลี้ยวก่อน เจอคนจีนใจดีชี้ทางให้เรา ว่าต้องเดินไปทางไหน เราก็เดินงมๆไปตอนฟ้าเพิ่งจะสาง สนุกดี

หาที่พัก(ให้เจอ)

พอมาถึงเขตเมืองเก่าเพื่อจะเข้าที่พัก … เราก็มีเรื่องสนุกอีกนั่นแหล่ะ เขตเมืองเก่าลี่เจียงก็อารมณ์อัมพวาบ้านเรา ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการอนุรักษ์รูปแบบวิถีดังเดิมไว้ บ้าน รร. หรือร้านค้าก็ต้องตกแต่งแบบเดียวกัน เรื่องสนุกก็คือ พิกัดแผนที่ มันคร่าวๆมาก แล้วทุกคนก็ไม่พูดอังกฤษกับเรา พิกัดใน google นี่พอมาเดินจริงมันครอบคลุมอาณาบริเวณเป็นสิบๆหลังเลย 

เราเริ่มจากเดินไปรร.นึง ที่ชื่อเหมือนกันกับที่จองมา มีป้าย Agoda ด้วย (ขอค่าโฆษณาด้วยนะ) .. หลังจากเดินเข้าไปถามคุณลุง เอาใบจองไปให้ดู เค้าก็บอกไม่ใช่ที่นี่ ให้บ้านเลขที่มาให้เดินไปอีกทีนึง … เราก็เดินไปบ้าน(หรือรร.)เลขที่เค้าให้มา ตอนแรกไม่มีคน แต่พอทำก๊อกแก๊กๆแกล้งทำเสียงดังๆ ก็มีเจ๊เดินงัวเงียออกมาจากหลัง Reception … ดูใบจองเรา แล้วก็บอกภาษาจีนสามสี่ประโยค แล้วก็กลับเข้าไปนอนต่อ .. เราก็แบบว้อท !! ยังไม่ทันจะได้เปิด(วุ้น)แอพแปลภาษาเลย ก็เลยงงๆออกมาก่อน …

หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันสามคน ไปหารร.ให้ได้ ให้เวลา 15 นาที ทุกคนก็เจอว่ามันก็คืออีบ้านหลังนั้นแหล่ะ หลังที่เจ๊งัวเงียๆออกมา เพื่อนเลยเข้าไปถามอีกที เจ๊ก็บอกไม่ใช่ๆ เราก็เข้าไปถามอีกที เจ๊ก็โวยวายๆ .. เราก็โวยวายๆ เพราะชื่อมันก็อันนี้แหล่ะ สุดท้ายเจ๊ก็ยกหูโทรศัพท์คุยสามสี่ประโยคแล้วก็เดินเข้าไปนอนต่อ … ซักพักเราก็พบว่า มีผู้ชายคนนึงเดินมารับเรา … ซึ่งก็คือคุณลุงโรงแรมแรกสุดนั่นแหล่ะ .. แซ๊ดดดดด เสียเวลาเป็นชั่วโมงเลย

สรุปก็คือเราจองรร.สาขาที่เจ๊งัวเงียนั้นไป แต่มันเจ้าของเดียวกับสาขาคุณลุง เจ้าของเลยให้ไปพักสาขาคุณลุงซึ่งใหม่กว่า (เก็บแพงกว่าด้วย) … เลยคุยกันไม่รู้เรื่องซักที เจ๊คงพยายามจะบอกเราให้ไปอันนู้น .. ส่วนอีคุณลุงนี่ก็งงแท้ เล่าแล้วยังเหนื่อยเลย

หลังจากเข้าที่พัก ล้างหน้าล้างตาอาบน้ำ ก่อนออกไปเที่ยวเมืองเก่า ได้เจอกับ(น่าจะ)เจ้าของที่พัก … เจ๊ลินดา … ถือว่าเป็นคนแรกเลยมั้งที่คุยภาษาอังกฤษได้อย่างฉะฉาน เจ๊ช่วยเราได้เยอะมาก ทั้งแนะนำที่เที่ยวในเขตเมืองเก่า จองทัวร์เพื่อจะไปเที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก แนะนำโชว์ ไรงี้ แอด Wechat เจ๊ไว้ช่วยชีวิตได้หลายครา เพราะ Google Maps ในจีนคือว่างเปล่ามาก แต่ Wechat maps นี่ละเอียดยิบ เจ๊ส่งพิกัดร้านอาหาร พิกัดที่ขึ้นรถบัสไปอีกเมืองให้เสร็จสรรพ สบายเลย

จบจากอวยเจ๊ก็มาดูที่เที่ยวกัน เริ่มจากเดินเล่นในเขตเมืองเก่า อากาศดีมากถึงมากที่สุด ดอกไม้สวยงาม คนส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนเอง ต่างชาติมีไม่มาก ร้านค้าคละๆกันไปแต่พอเดินเยอะๆร้านก็เริ่มซ้ำ ห้องน้ำนี่ดีมาก ติดแอร์ด้วย ให้บริการฟรี แถมมีหน้าจอบอกด้วยว่าห้องในว่างไม่ว่างยังไง เราเดินไปดูกังหันน้ำที่ได้รับการประกาศเป็นมรกดโลก … เดินไปสระมังกรดำ ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ เราพยายามขึ้นไปบนเนินเขาในตอนเย็นเพื่อดูพระอาทิตย์ตกโดยมีฉากหน้าเป็นหลังคาในเขตเมืองเก่าลี่เจียง เป็นอันจบวันแรกในลี่เจียง

วันที่สองในลี่เจียงเราไปขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกกัน (ชื่อยาวเวอร์) .. แต่ว่าช่วงที่ไปเคเบิลคาร์อันใหญ่มันปิดซ่อมพอดี เจ๊ลินดาเลยแนะนำให้ไปอันเล็กแทน จะไม่ได้ขึ้นไปตรงหิมะ แต่อยู่ล่างลงมาหน่อยแทน เที่ยวทะเลสาบ ก่อนจะลงมาดูโชว์ตอนเย็น 

บนภูเขาหิมะเราก็เดินเล่นใกล้ๆตีนเขา นั่งรถไฟฟ้าวนไปตามจุดเรื่อยๆ จนแวะลงมาที่ทะเลสอบที่ลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ สวยมากเลย เราก็หอบหิ้วโดรนไปด้วย แต่ลองแย๊บๆถามเจ้าหน้าที่ดู เค้ารีบบอกใหญ่เลยว่าบินไม่ได้ๆ ก็เลยอดไป อ้อ ลืมเล่าเลย ทริปภูเขาหิมะนี่เราโชคดีด้วย คือเป็น join ทัวร์ มีสาวจีนอีกสามคนไปด้วยกันด้วย ถือว่าโชคดีเลย เพราะคนอื่นไม่มีใครพยายามพูดอังกฤษกับเราเลย สามคนนี้ก็ Google translate กันไปมา ช่วยบอกเราได้ว่าเราต้องไปตรงไหนบ้างไรงี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆ 

วันถัดมา เราตื่นเช้าออกจากที่พักเพื่อมาขึ้นรถบัสที่สถานีขนส่งของลี่เจียงเพื่อเดินทางไปแชงกรีลา เดินงงๆตามแผนที่ที่เจ๊ลินดาปักไว้ให้ใน wechat .. ใช้เวลาเดินจากเขตเมืองเก่าประมาณ 15 นาที ซื้อตั๋วรถบัสก็ต้องใช้พาสปอร์ต ด้วยนะ เหมือนว่าเค้าจะดูได้หมดเลยว่าเราไปไหนอยู่ที่ไหนบ้าง แถมที่ขนส่งก็แอบมีระบบดีนะ คือคนที่จะออกไปขึ้นรถบัสได้ จะต้องมีตั๋วที่แสกน QR code ผ่านเข้าไป ถึงจะไปถึงตัวรถได้ คนอื่นๆก็จะไปถึงตัวรถไม่ได้ (ถึงแม้ว่าในทางปฎิบัติจะมีแสกนติดบ้างไม่ติดบ้างก็ตาม) จากลี่เจียงไปแชงกรีลาใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม.

มีต่อตอนที่ 2 นะครับ

1 Comment

  1. DavidRaw
    October 1, 2021

    Hello guys. And Bye.

    neversurrenderboys 😉

Comments are closed.

Scroll to top