ไต้หวัน 2016

ทริปส่งท้ายสำหรับปี 2016 กับไต้หวัน 5 วัน 4 คืน … ขอเล่าแบบคร่าวๆละกัน เพราะว่าข้อมูลรีวิวแบบละเอียดๆหาเยอะเลย ต้องออกตัวก่อนว่าจะเขียนชื่อเมืองกับชื่อสถานที่เป็นภาษาอังกฤษนะ เพราะว่าชื่อ(แม่ง)อ่านออกมาแล้วไม่ตรงกับการออกเสียงของชาวไต้หวันนีสเลย เวลาไปถามเค้านี่งงๆกันเป็นแถว ชื่อจีนอ่านจากอังกฤษนี่ยอมเลย

อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค

เริ่มที่ตั๋วเครื่องบิน เลือกช่วงเวลาที่ไม่ชนกับวันหยุดยาว แล้วก็ไปกลับวันธรรมดาเพราะว่าจะได้หลีกหนีความวุ่นวาย … แต่ก็เจอว่า Nok Scoot ขาไปขึ้นจากดอนเมือง เปิดช่องเช็คอินแค่ไม่กี่ช่อง ใช้เวลาในการเข้าแถวเช็คอินนานมากกก ไฟล์ขาไปออกตีสองกว่าๆ ถึงเจ็ดโมงเช้า เที่ยวต่อได้เลย ขากลับเลือก Tiger Air เพราะเวลาดีหน่อย ออกบ่ายสามกว่าถึงไทยเกือบๆทุ่ม เพิ่มเติมของ Nokscoot เครื่องบินจะเป็นลำใหญ่หน่อย Boeing 777 จะรู้สึกมั่นคงปลอดภัยมากกว่า

 

ถัดมาเป็นที่พัก … ตั้งงบไว้ที่ไม่เกิน 1,000 ต่อคนต่อคืน ก็เหมือนจะทำได้ตามนั้น เราพักกันสามเมือง คือ Taichung, Taipei และ Jiufen ยกเว้นคืนสุดท้ายที่เจ๊เจ้าของที่พักใน Jiufen ให้ดูห้องแบบใหม่แล้วตกลงใจ upgrade ไปจบที่สองห้องรวม 4000 TWD ที่พักใน Taipei รอบนี้ใช้ Airbnb ที่มีเครดิตค้างอยู่พันกว่าบาท ก็เลยถูกลงไปอีก อยู่ตรงสถานี MRT Songjiang Nanjing ใครสนใจลองดูที่นี่ Taipei-Cozy-room-1 MRT 捷運陽光舒適小屋

วิวจากที่พักในไทเป ขออนุญาติเซนเซอร์เพื่อนนิดนึง

ทริปนี้ไปกันแบบเตรียมตัวไม่เยอะมาก ชิลขนาดที่ว่าจะไปไหนบ้างค่อยไปคิดกันเอาที่นู่น หลักๆแต่จองตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมไว้ เดินเที่ยวกันแบบงงๆ มีถูกบ้างผิดบ้างก็ฮากันไป การท่องเที่ยวส่วนใหญ่เน้นกินมากกว่า มีที่เด่นๆที่ไปอยู่บ้างเช่น Chiangkaishek memorial hall ที่ดูอลังการงานสร้างสมกับเป็นจีน ที่เหลือก็ไม่ได้ตื่นเต้นไรมากนัก

 

… อ้อ มีที่ Gaomei ที่ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นชายฝั่งติดทะเลที่ลมแรง มีการติดตั้งกังหันผลิตไฟฟ้าด้วย แต่คือลมแรงมากจนรู้สึกได้ว่าถ้ายืนไม่ดีนี่โดนพัดปลิวได้เลย อีกที่ที่ประทับใจคือ ตลาดปลาที่สามารถบริหารจัดการได้ดีจนดู Premium แล้วก็ของสด ถูก อร่อย ถึงแม้ว่าที่กินจะแออัดไปนิด แต่โดยรวมก็ยังประทับใจ

ปลาดิบที่ตลาดปลาคือดีมาก

ของกิน … นี่ถือเป็นจุดเด่นของไต้หวันเลย เดินๆชิลๆ อากาศเย็นๆ กินอะไรไปเรื่อยเปื่อย นอกจากตลาดปลาที่พูดถึงไปด้านบนแล้ว อย่างอื่นที่ลองก็มี

  • อันนี้ชื่ออะไรก็ไม่รู้ อยู่ใน Taichung เดินเข้าไปชี้ๆเอา คนขายพูดอังกฤษไม่ได้ ไม่มีรูป ไม่มีเมนูอังกฤษ ยิ้มกันไปมา ก็ได้มากิน

    อาหารไต้หวัน
  • ชานมไข่มุกในตำนาน เจ้าแรก .. แต่ไม่ใช่สาขาแรก … ซึ่งพบว่ามันเป็นร้านชาที่หรูเลยทีเดียว

    ชานมไข่มุก
  • เต้าหู้เหม็น อันนี้ลองเจ้าที่เหม็นน้อยที่สุดล่ะ กะว่ารสชาติน่าจะไม่เหมือนกลิ่น … แต่สุดท้ายแล้วพอกินไป จากที่เหม็นทางจมูก ก็ไปเหม็นในปากต่อ – -“
  • ชาอู่หลง อันนี้เป็นร้านในตำนานที่ Jiufen …. วิธีชงคือ ชาหนึ่งกำมือเนื่ย ชงได้ห้าน้ำ รอบแรกเริ่มที่ใส่น้ำร้อนแล้วรอ 20 วิ ถึงจะรินเสิร์ฟ รอบถัดไปให้เพิ่มเวลาอีกรอบละ 10 วิ ร้านจะให้ชามาชงได้ทั้งหมด 4 รอบ รวมๆก็ประมาณ 4 * 5 = 20 จอก/คน เฉพาะเวลาชงใช้ไปทั้งหมด ((20 + 30 + 40 + 50 + 60) * 4) = 800 วินาที  .. ก็ตาค้างกันไปคืนนั้น ปล. สุดท้ายชงไม่ครบตามนั้นนะ กินฉี่กินฉี่ จนไม่ไหวละ มื้อนี่คนละ 300 TWD มีขนมเครื่องเคียงให้ 4 อย่าง

    ร้านชาในตำนาน (ตำนานแม่งเริ่มเยอะนะ)
  • ไก่ Hotstar ที่มาเปิดในบ้านเราแล้วไม่ค่อยมีคนกิน … แต่นี่นู้นนี่ต่อแถวกันยาวมากกกก รถชาติก็เหมือนๆกับ Hotstar บ้านเรานะ
  • ผัดใบเฟิร์นรังนก … เป็นผัดผักสั่งในร้านข้างทาง รสชาติอร่อยแปลกๆดี จนมารู้ทีหลังว่า .. มันคือเฟิร์นข้าหลวงที่ขึ้นในบ้านเราเพียบเลย !! ปล. ขอบคุณข้อมูลโดยเสี่ยเบิร์ด
    กุ้งคั่วพริกเกลือ ผัดใบเฟิร์ดรังนก ไข่เจียวกุ้ง แล้วก็ต้มเลือดหมูแบบไต้หวัน ข้าวเปล่าตักเองฟรี อันลิมิต

     

  • ไข่พะโล้อะไรซักอย่าง อันนี้ได้ลองจากโรงแรมคืนสุดท้ายพอดี เสิร์ฟเป็นอาหารเช้า อันนี้คือมีขายใน 7-11 ด้วยนะ … ไม่นับว่ามีคนในทริปพยายามจะซื้ออันที่ยังต้มไม่สุดด้วยนะ จนจนท.ถึงกับต้องเอาป้าย(ที่มีภาษาไทย)มาแปะ ว่าอันนี้แม่งยังไม่สุกนะ กินไม่ได้ ไอเราก็นึกว่ามีสองแบบ แบบพะโล้กับแบบสีขาว .. ฮากันไป

    ไข่ในร้านสะดวกซื้อ .. ถึงกะต้องบอกว่าอันนี้กินไม่ได้นะ !!

 

อื่นๆก็จะเป็นของเดินกินในตลาดล่ะ พวกเนื้อย่าง (แบบใช้ไฟช่วยเผาเหมือนเบิร์นซูชิ) โมจิย่าง ที่ตอนแรกนึกว่ามาชเมลโล่ …. หมูสามชั้นทอด ผลไม้เคลือบน้ำตาล น้ำส้มเช้ง หอยย่าง ปลาหมึกอย่าง เสต๊กหมู ไอติมกับถั่วตัดห่อด้วยแป้งโรตีสายไหม

ไอติม ห่อด้วยแป้งโรตีสายไหม ใส่ถั่วตัด โรยผักชีด้วย .. งงกันไปเลยทีเดียว
ตรวจร่างกายกันไปแล้ว ก็จัดหมูสามชั้นสิครับ
โมจิย่าง ที่ตอนแรกนึกว่ามาชเมลโล

สุดท้ายก็ได้กินไข่ต้มนั่น

สิ่งอื่นๆ ที่ชอบในไต้หวันคงเป็นเรื่องอากาศเย็น กับความเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับเอาจีนมาอัพเกรดด้วยญี่ปุ่นกับเกาหลี … เลยไม่แปลกใจว่าทำไมเค้าอยากแยกประเทศ เพราะโดยภาพรวมแล้วคุณภาพประชากรและสภาพสังคมน่าจะนำจีนไปไกลพอสมควรแล้ว ระบบขนส่งดีเยี่ยม รถไฟใต้ดินเชื่อมกันอย่างสนิท (ต่างกับบ้านเราอย่างสิ้นเชิง) มีห้องน้ำสาธารณะในระบบรถไฟใต้ดินทั่วไป ระบบบัตรเงินสด (easycard) ใช้ได้ทุกที่ตั้งแต่รถใต้ดิน แท็กซี่ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ค่ารถเมล์ถูกมาก นั่งสิบกว่าป้ายราคา 8 TWD เอง จะติดก็คงเป็นที่คนยังไม่ค่อยพูดอังกฤษมากนัก

ที่เหลือเป็นภาพอื่นๆจิปาถะ

หินรูปเห็ดที่จิ่วเฟิ่น นั่งรถบัสออกไปจากไทเปประมาณชม.ครึ่ง
ตลาด Ximending
วัด Longshan
Gaomei ที่ซึ่งลมแรงมากกก จนเดินไปตามทางนั่นได้ไม่ถึงครึ่ง เจ้าหน้าที่ไล่กลับ
สวนดอกไม้ .. มุมสวยๆถ่ายมาแบบมีคนเลยไม่ได้ลง 555+
ปั๊มน้ำมันไต้หวัน มีน้ำมันออคเทน 98 ด้วย โหดดี
ของฝากที่ยังไม่ใช่เจ้าในตำนาน … เค้กสับปะรด

ปิดท้ายด้วยวิดีโอ … ทริปหน้าจะไปไหน แล้วจะมาเล่าใหม่นะฮาฟ

 

เชียงใหม่ Jan 2014

ขอประเดิมต้นปีด้วยทริปเชียงใหม่ … ปีหลังๆมานี่รู้สึกว่าจะไปเชียงใหม่บ่อย .. ปีหน้าขอเป็นเชียงรายละกันนะ 🙂

คราวนี้ก็คงไม่ค่อยมีอะไรให้เขียนเยอะ .. ขอลงรูปคร่าวๆละกัน เริ่มจากขึ้นเครื่องไฟลท์เชัาวันจันทร์ .. พอถึงเชียงใหม่ รับรถเช่า .. อ้อ.. เรื่องรถเช่า เพิ่งจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีเว็บขาย Voucher รถเช่าโดยเฉพาะด้วย เจ๋งดี http://www.vouchercarrental.com/store/ อันนี้ต้องยกเครดิตให้นาย diablotune แถมพอไปถึงได้อัพ level รถด้วย สบายแฮ

สรุปว่าทริปก็เริ่มต้นตามนี้ ..

ลงเครื่องเสร็จแวะหาอะไรรองท้องที่ คั่วไก่นิมมาน (จริงๆแอบแวะไปร้านกาแฟมาก่อนด้วย) ก่อนที่จะไป พระตำหนักภูพิงค์  .. หลังจากที่ไปคราวก่อนไม่ได้เข้าเพราะเค้าเปิดถึงแค่บ่ายสาม คราวนี้เลยลองแวะเข้าไปดูหน่อย ว่าเป็นยังไง .. ส่วนใหญ่เป็นสวนดอกไม้ชมเพลินๆ มีน้ำพุดนตรีด้วย

ดอกไม้ในพระตำหนักภูพิงค์
Chiangmai-023
ร้านกาแฟใน Tita Gallery

ม่อนแจ่ม .. จากตัวเมืองออกมา 40 กว่าโลได้ จริงก่อนไปม่อนแจ่มนี่แวะอีกสองที่ คือ ร้านบ้านสวนแกงร้อน และ Tita Gallery  .. ม่อนแจ่มเป็นเหมือนหมูบ้านชาวเขา มีวิวมุมสูงสวยๆให้ดู มีจัดสวนกพหล่ำไว้ถ่ายรูป โดยไม่ต้องไปไกลจากตัวเมือง

Chiangmai-024
ฟ้าใสๆที่ม่อนแจ่ม
รถเลื่อน ไปม่อนแจ่มต้องลองเล่น สนุกดี
รถเลื่อน ไปม่อนแจ่มต้องลองเล่น สนุกดี

Phukradung 2013

ตอนแรกว่าจะไม่เขียนแล้ว เพราะอัพรูปขึ้น Facebook ไปแล้ว ความรู้สึกมันเลยไม่ “สด” พอที่จะเขียน

แต่พอมีเพื่อนถามเรื่องภูกระดึงเข้ามาบ้าง ก็เลยคิดว่าเขียนไว้หน่อยดีกว่า ยังไงก็น่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆบ้าง

เพราะขนาดเราเคยไปมาแล้ว .. พอจะไปอีกครั้งก็ยังต้องถามคนนู้นคนนี้อยู่เลย

ขึ้นภูกระดึงครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกเมื่อปี 2006 > เขียนไว้ที่นี่ (แต่รูปเน่าหมดแล้วง่ะ)

ครั้งนี้ไปกับเพื่อนป.โท ซึ่งชักชวนกันไว้ดิบดี .. สุดท้ายเหลือผู้รอดชีวิตไปทริปได้ 4 คน (รวมน้าเพื่อนด้วย)

เริ่มจาก

1. จองที่พัก

เข้าที่เว็บนี้ http://www.dnp.go.th/parkreserve/reservation.asp?lg=1

ถ้าจะจองเต๊น จะต้องเข้าอีกหน้านึงนะ เค้าแยกหน้าจองบ้านกับจองเต๊นท์ออกจากกัน

การจองที่พักของกรมอุทยานฯเนี่ย จะจองได้ล่วงหน้า 60 วัน (เป๊ะๆ) คือวางแผนว่าจะไป 4 ธ.ค. เพราะฉะนั้น 5 ต.ค. ก็เข้าไปจองได้แล้ว เพราะโดยปกติ ไม่ว่าอุทยานไหนๆ บ้านจะเต็มก่อน ..

ซึ่งจากการจองบ้านครั้งนี้ ได้เทคนิคมาเพิ่มหน่อยนึง คือ คนที่วางแผนจะไปเนี่ยส่วนใหญ่จะจองบ้านกันวันแรกที่เปิดเสมอๆ ที่สิ่งเกิดขึ้นคือ การจองบ้านต้องทำการจ่ายเงินใน 3 วัน เพราะฉะนั้นถ้าจองไม่ได้ หลังสามวันผ่านไปให้เข้าไปจองอีกที ส่วนใหญ่จะมีคนลืมจ่ายตังเสมอๆ .. 🙂

 

2. การเดินทาง

ภูกระดึง ถ้าไปจากกทม. เป็นที่ที่ไม่ควรเอารถไปอย่างยิ่งเนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้รถในการท่องเที่ยวเลย เดินอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าขับไปให้เหนื่อยเลย แถมตอนลงจากภูฯนี่ก็เหนื่อยระดับนึง การขับรถกลับทั้งๆที่เหนื่อยๆ ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

เมื่อไม่ขับรถ .. ทางที่ดีที่สุดคือรถทัวร์ .. รอบนี้ที่ไป ไปรถของ บขส. รอบ 22.00 ถึง จุดลงผานกเค้าตอน 04.00 วันรุ่งขึ้น .. จริงๆรอบ สี่ทุ่มนี่จะมีรถ VIP ด้วย แต่จองไม่ทันเต็มซะก่อน .. ตอนซื้อตั๋วให้บอกว่าลง “วังสะพุง” แล้วค่อยบอกจนท.บนรถว่าจะลง “ผานกเค้า” หรือบอกว่าไปภูกระดึงเค้าก็น่าจะรู้ .. ถ้าให้ชัวร์ก็ซื้อรถที่ปลายทางเป็นเชียงคาน จะผ่านชัวร์ ..

Phukradung-2013-014
ผานกเค้า

หรือถ้าไม่ไปบขส.ก็ไปรถของ บ.แอร์เมืองเลย ก็ได้ .. เพราะขากลับเราก็กลับของเจ้านี้ รถบขส.ไม่ได้จอดรับที่ผานกเค้า

สำหรับคนที่ไม่เคยไป ตรงผานกเค้าจะมีร้านค้าที่ชื่อว่า “เจ๊กิม” เป็นร้านที่เกิดมาเพื่อการขึ้นภูกระดึงโดยเฉพาะ หลังลงรถทัวร์ตอนตีสี่ .. ที่ร้านเปิดเรียบร้อยแล้ว มีที่ให้นั่งพักผ่อน ล้างหน้าล้างตา ชาร์ตโทรศัพท์ กินข้าวกินปลา เตรียมตัวขึ้นสองแถว (คนละ 30 , เหมา 300) ไปขึ้นภูฯ ที่เปิดให้ขึ้นตอนเจ็ดโมง (มั้ง) ต่อไป

Phukradung-2013-015
ร้านเจ๊กิม

เกาะมันนอก

ไม่ได้เที่ยวทะเลมานาน .. พอมีโอกาสก็เลยต้องขอเที่ยวกันบ้าง

คงไม่มีบรรยายอะไรมาก .. เพราะไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมากมาย

แค่ได้หลบไปจากความวุ่นวาย … ก็ดีที่สุดแล้ว 🙂

นี่แหล่ะ .. เกาะมันนอก

ข้อมูลคร่าวๆคือ เกาะมันนอกอยู่ อ.แกลง จ.ระยอง ใช้เวลาสามชม.นิดๆ .. เลยบ้านเพไปพักนึง

บนเกาะจะมี Resort ที่เดียว ซึ่งได้สัมปทานเกาะนี้ทั้งเกาะ  .. จบสาระแต่เพียงเท่านี้

ที่เหลือก็ดูรูปเพลินๆแล้วกันนะ 🙂

Hello … London

แฮ่ … กลับมาแล้ว หลังจากเหนื่อยล้าจากการไปเที่ยวลอนดอนในเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา

ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณบริษัทอย่างมากที่ออกค่าใช้จ่ายค่ารถไฟค่าโรงแรมในทริปนี้ให้ทั้งหมด วะฮ่าๆๆๆ

งั้นก็เริ่มเลยละกัน

ตั๋วรถไฟ

เริ่มจากเช้าวันเสาร์ที่ 10 นั่งรถไฟเที่ยวเกือบๆแปดโมงจาก Leicester ไปลอนดอน

สถานีรถไฟ Leicester

ถึงสถานี St. Pancras International (จำชื่อนี้ไว้ให้ดีนะ ตอนหลังมีฮาด้วย – -“) .. เราก็ต่อรถไฟใต้ดินไปแถวที่พัก

ที่ทำงานก็ซื้อตัววันให้ ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดินกะรถเมล์เลย …

ที่พักก็โครตจะอยู่กลางแหล่งท่องเที่ยวเลย อยู่ที่ Country Hall ติด London Eye .. กะข้ามถนนไปก็ถึง Big ben

Big Ben

มาถึงรร.ก็เอาของฝากไว้ก่อน แล้วไปเดินเล่น Big ben … กินอาหารเช้า .. แล้วเดินเล่นไปที่ National Gallery

ตึกอะไรซักอย่าง เยื้องๆ Big Ben
Panorama หน้า National Gallery

แน่นอน.. ว่าหน้าตาอย่างเราก็ดูภาพใน Gallery ไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว .. พยายามภาพจากคนดังๆอย่างแวนโก๊ะ … เจอแล้วก็ไม่เคยเห็นอยู่ดี

มองออกมาจากตึก National Gallery

เสร็จจาก National Gallery ก็ไปต่อกันที่ Science Museum กันต่อ (โครตจะมีสาระอะ) …

Science Museum
คอมพิวเตอร์สมัยก่อน
อันนี้เด็ดมาก .. เครื่องที่ใช้ช่วยเหลือคนงานเหมืองถล่มในชิลี

หลังจากนั้นไปกินอาหารสเปนกัน .. (เป็นหนึ่งในเมื้อที่แพงที่สุดเลยทีเดียว) …

ร้านที่กินคือร้าน CASA อะไรซักอย่างสีส้มๆด้านขวา .. เน้น Street View (แพงโครต)

หลังจากนั้นกลับไปแถวที่พัก .. ขึ้น London Eye … โชคดีมากที่ได้รอบประมาณห้าโมงครึ่ง มันใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกพอดี

ในแคปซูล London Eye
เมื่อยู่ใต้ London Eye

ดังจะเห็นได้จากวิดีโอ (Time Lapse) ด้านล่าง 🙂

 

เสร็จแล้วก็เช็คอินเข้าที่พัก .. เอนหลังประมาณชม.นึง ก็ออกไปเที่ยวกันต่อที่ Tower of London กะ Tower Bridge

Tower of London
Tower of London
London Bridge

กินอาหารเย็นง่ายๆ แล้วก็ขึ้นรถเมล์กลับที่พัก … นอน

วันถัดมาก็ตื่นเช้า กินอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้วไปเดินเล่นที่ตลาดชื่อไรซักอย่างแถว Nothing Hill ..

แล้วก็ไปชอปปิ้งแถว Oxford Street .. ที่โครตจะรวมทุกๆแบนด์ทั้งโลกมาไว้ที่นี่กันเลยทีเดียว

Oxford Street

เจอคนไทยเยอะเหมือนกัน .. เสร็จแล้วก็ไปต่อกันที่ Harrods … เจอกระเป๋าถือบ้าอะไร ใบละตั้งเกือบแสน – -“

Harrods

ต่อมาไป Convent Garden เหมือนกับจตุจักรบ้านเรา แต่เคนเยอะกว่ามั้ง .. มีของแบรนด์พอสมควร มีพวก Street Show เยอะเลย

ไหนตั๋วก็ขึ้นได้ทุกอย่าง เลยลองรถเมล์ชั้นบนดูบ้าง

หลังจากนั้นก็กลับที่พักไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่รร. แล้วกลับไปขึ้นรถไฟกลับ Leicester

แต่มันมีอะไรเยอะกว่านั้น คือ ไปไม่ทันรถไฟรอบทุ่มนึงที่เค้าจองที่นั่งไว้ให้ T_T แถมยังไปผิดสถานีอีก ดันไปสถานี King cross ที่อยู่ติดๆกัน

รถไฟใต้ดิน (ที่นี่เรียก Tube)

ยังดีที่ตั๋วมันใช้ขึ้นรถเที่ยวถัดไปได้ .. แต่ต้องหาที่นั่งที่ไม่ได้จองไว้เอาเอง … เกือบไปแล้วมั๊ยล่ะ

ทั้งหมดก็ประมาณนี้  … กลับมาแล้วหลับเป็นตาย เดินเยอะมากๆๆๆๆ ปวดขาสุดๆไปเลย

Big Ben at night

ขอปิดท้ายด้วย Big Ben ยามค่ำคืน

Scroll to top