วีซ่าเมกา

เพิ่งจะไปทำวีซ่าอเมริกามา (aka. เมกา) เอาไว้ไปเยี่ยมหลาน เลยขอจดไว้นิดนึง …

คำเตือน คำถามที่ใช้สัมภาษณ์ของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ไม่แนะนำให้คาดว่าจะเจอคำถามน้อยแบบนี้

 

เอกสาร

กรอกใบสมัคร (DS-160)… คำถามส่วนใหญ่ สั้น กระชับ ตอบง่ายกว่าเมื่อเทียบกับ UK รูปถ่ายต้องเตรียมไฟล์ Digital ไว้ด้วยเพื่ออัพโหลดไปที่ใบสมัคร เอาสะดวกก็ไปถ่ายที่ร้านแล้วก็ขอไฟล์เค้า (แน่นอนว่าจ่ายตังเพิ่ม)

…  เมกานี่ตรงที่ ให้เตรียมเอกสารที่คิดว่าจำเป็นที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองจะกลับมาไทยมาให้ดู … มันยากตรงนี้แหล่ะ คือไม่ระบุชัดว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ส่วนตัวเตรียมดังนี้

  • ใบรับรองการทำงาน + ระบุเงินเดือน + ระบุวันลา จะดีมากถ้ามาประโยคอย่างเช่น หลังจากครบกำหนดแล้วจะกลับมาทำงานตามปกติ
  • Bank guarantee + Bank statement
  • สลิปเงินเดือน 3 เดือนย้อนหลัง
  • ทะเบียนบ้าน (ไม่รู้เอาไปทำไมเหมือนกัน 55+)
  • สำเนาพาสปอร์ตของคนที่เราจะไปเยี่ยม
  • พาสปอร์ตทุกเล่มที่มี
  • รูปถ่าย 2×2 นิ้ว

 

เมื่อกรอกใบสมัครเสร็จ ก็ทำเรื่องจ่ายเงิน .. ตัวเองไปจ่ายด้วยเงินสดที่แบงค์กรุงศรีฯ หลังเที่ยงวันถัดไปจะสามารถทำการนัดสัมภาษณ์ได้

 

วันสัมภาษณ์

นัดสัมภาษณ์รอบ 7.30 ซึ่งเดินชิลๆไปถึงสถานที่ก่อน 7 โมง ซึ่งก็พบว่ามีคิวยาวพอสมควร (20 คน++) สำหรับรอผ่าน Security เข้าไป จากที่สังเกตุก็พบว่า คนรอบ 8 โมงก็มาต่อแถวกันพอสมควร เลยทำให้แถวยาวเกินความจำเป็น กว่าจะผ่านแถว Security เข้าไปได้ก็กินเวลาเกือบ 20 นาที ข้างในมีกาแฟดอยดุงขาย แต่ว่าเสียเวลากับฝ่าด่านความปลอดภัยนาน พอเข้าไปเค้าก็แทบจะเรียกคิวทันที

  • กระเป๋าใบเล็กๆเค้ายอมให้เอาเข้าไปได้
  • โทรศัพท์มือถือห้ามเอาเข้า และยอมให้ฝากได้แค่คนละเครื่องเท่านั้น
  • กระเป๋าตังค์และกุญแจรถเอาเข้าไปได้
  • ควรมีปากกาเข้าไปจดรหัส EMS ที่เอาไว้ Track status ด้วย

..ด้วยความที่ชิลเกิน คือตัวเองไม่ได้เอาปากกาไป เลยต้องนั่งท่องเลข EMS เพราะหลังจากเสร็จกระบวนการ เราจะไม่ได้เห็นเลขนั้นอีก 555+ ดีว่าเลขสวยเลยจำไม่ยาก

พอเรียกคิวตามรอบแล้ว จะมี 3 ขั้นตอน คือ

  1. จนท. คนไทยเรียกดู passport กับใบนัด โดยจะแยกออกมาใส่แฟ้มตังหาก
  2. เข้าไปในอาคาร ต่อคิวเพื่อตรวจเอกสาร ยื่นแฟ้มจากข้อ 1 ตรวจสอบชื่อสกุล เช็คประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ
  3. ต่อคิวสัมภาษณ์ ยื่นแฟ้มจากข้อ 1 ถ้าเค้าขอเอกสารเพิ่มเติมค่อยให้ดูในขั้นตอนนี้

กระบวนการทั้งหมดกินเวลาประมาณ 1 ชม.

 

สัมภาษณ์อะไรบ้าง ?

คนสัมภาษณ์ทุกคนเป็นชาวต่างชาติที่พูดไทยได้ พอถึงคิวของตัวเองเค้าถามว่า

  • ไปทำอะไร … อันนี้ตอบว่าไปเที่ยวกับไปเยี่ยมหลาน
  • ไปเมื่องไหน … ก็ตอบไป
  • เคยไปประเทศอื่นมาหรือไม่  … ก็ตอบไป พร้อมกับขอดู Passport เล่มเก่า กับถามว่าไปทำอะไรที่ประเทศนั้น ก็ตอบไป
  • จะไปอยู่เมกานานเท่าไหร่ … อันนี้ตอบ 2 weeks

เป็นอันว่าจบของตัวเอง ใช้เวลาน้อยกว่า 2 นาที ซึ่งเค้าไม่ขอดูเอกสารใดๆที่เตรียมไปเลย (อาจจะเป็นเพราะหน้าตาดี)  … ส่วนตัวคิดว่า ถ้าตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ตอบเป็นอังกฤษไปเลยจะชิวกว่าเยอะ คิดว่าที่เค้าถามน้อยๆเพราะส่วนนึงตอบเป็นภาษาอังกฤษด้วย (มั้ง)

แต่ๆ ตอนตอนที่ยืนต่อแถวรอสัมภาษณ์ก็จะได้ยินคำถามออกมาบ้างเป็นระยะๆ (ถ้าคนสัมภาษณ์เปิดเสียงดัง) พบว่า เค้าถามคืนอื่นๆดังนี้

  • ทำงานอะไร ทำมากี่ปีแล้ว
  • ใครออกค่าใช้จ่ายให้ ขอดูหลักฐานทางการเงิน
  • ไปเที่ยวเมืองไหน กับทัวร์รึเปล่า ทัวร์ชื่ออะไร
  • ถ้าไปเป็นครอบครัวก็เหมือนจะถามครบทุกคน คือให้เจ้าตัวแต่ละคนตอบเองทุกคน แล้วครอบครัวทุกกลุ่มเหมือนจะถามละเอียดมาก
  • ไปกับใคร ไปนานเท่าไหร่ มีหลักฐานทางการทำงานมั๊ย

เพราะดูเหมือนหลักฐานที่เตรียมๆไปก็อาจจะได้ใช้ ถ้าเค้าจะขอดู ส่วนใหญ่ใช้เวลากันประมาณ 5 นาที/คน

 

… จบ

ไต้หวัน 2016

ทริปส่งท้ายสำหรับปี 2016 กับไต้หวัน 5 วัน 4 คืน … ขอเล่าแบบคร่าวๆละกัน เพราะว่าข้อมูลรีวิวแบบละเอียดๆหาเยอะเลย ต้องออกตัวก่อนว่าจะเขียนชื่อเมืองกับชื่อสถานที่เป็นภาษาอังกฤษนะ เพราะว่าชื่อ(แม่ง)อ่านออกมาแล้วไม่ตรงกับการออกเสียงของชาวไต้หวันนีสเลย เวลาไปถามเค้านี่งงๆกันเป็นแถว ชื่อจีนอ่านจากอังกฤษนี่ยอมเลย

อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค

เริ่มที่ตั๋วเครื่องบิน เลือกช่วงเวลาที่ไม่ชนกับวันหยุดยาว แล้วก็ไปกลับวันธรรมดาเพราะว่าจะได้หลีกหนีความวุ่นวาย … แต่ก็เจอว่า Nok Scoot ขาไปขึ้นจากดอนเมือง เปิดช่องเช็คอินแค่ไม่กี่ช่อง ใช้เวลาในการเข้าแถวเช็คอินนานมากกก ไฟล์ขาไปออกตีสองกว่าๆ ถึงเจ็ดโมงเช้า เที่ยวต่อได้เลย ขากลับเลือก Tiger Air เพราะเวลาดีหน่อย ออกบ่ายสามกว่าถึงไทยเกือบๆทุ่ม เพิ่มเติมของ Nokscoot เครื่องบินจะเป็นลำใหญ่หน่อย Boeing 777 จะรู้สึกมั่นคงปลอดภัยมากกว่า

 

ถัดมาเป็นที่พัก … ตั้งงบไว้ที่ไม่เกิน 1,000 ต่อคนต่อคืน ก็เหมือนจะทำได้ตามนั้น เราพักกันสามเมือง คือ Taichung, Taipei และ Jiufen ยกเว้นคืนสุดท้ายที่เจ๊เจ้าของที่พักใน Jiufen ให้ดูห้องแบบใหม่แล้วตกลงใจ upgrade ไปจบที่สองห้องรวม 4000 TWD ที่พักใน Taipei รอบนี้ใช้ Airbnb ที่มีเครดิตค้างอยู่พันกว่าบาท ก็เลยถูกลงไปอีก อยู่ตรงสถานี MRT Songjiang Nanjing ใครสนใจลองดูที่นี่ Taipei-Cozy-room-1 MRT 捷運陽光舒適小屋

วิวจากที่พักในไทเป ขออนุญาติเซนเซอร์เพื่อนนิดนึง

ทริปนี้ไปกันแบบเตรียมตัวไม่เยอะมาก ชิลขนาดที่ว่าจะไปไหนบ้างค่อยไปคิดกันเอาที่นู่น หลักๆแต่จองตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมไว้ เดินเที่ยวกันแบบงงๆ มีถูกบ้างผิดบ้างก็ฮากันไป การท่องเที่ยวส่วนใหญ่เน้นกินมากกว่า มีที่เด่นๆที่ไปอยู่บ้างเช่น Chiangkaishek memorial hall ที่ดูอลังการงานสร้างสมกับเป็นจีน ที่เหลือก็ไม่ได้ตื่นเต้นไรมากนัก

 

… อ้อ มีที่ Gaomei ที่ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นชายฝั่งติดทะเลที่ลมแรง มีการติดตั้งกังหันผลิตไฟฟ้าด้วย แต่คือลมแรงมากจนรู้สึกได้ว่าถ้ายืนไม่ดีนี่โดนพัดปลิวได้เลย อีกที่ที่ประทับใจคือ ตลาดปลาที่สามารถบริหารจัดการได้ดีจนดู Premium แล้วก็ของสด ถูก อร่อย ถึงแม้ว่าที่กินจะแออัดไปนิด แต่โดยรวมก็ยังประทับใจ

ปลาดิบที่ตลาดปลาคือดีมาก

ของกิน … นี่ถือเป็นจุดเด่นของไต้หวันเลย เดินๆชิลๆ อากาศเย็นๆ กินอะไรไปเรื่อยเปื่อย นอกจากตลาดปลาที่พูดถึงไปด้านบนแล้ว อย่างอื่นที่ลองก็มี

  • อันนี้ชื่ออะไรก็ไม่รู้ อยู่ใน Taichung เดินเข้าไปชี้ๆเอา คนขายพูดอังกฤษไม่ได้ ไม่มีรูป ไม่มีเมนูอังกฤษ ยิ้มกันไปมา ก็ได้มากิน

    อาหารไต้หวัน
  • ชานมไข่มุกในตำนาน เจ้าแรก .. แต่ไม่ใช่สาขาแรก … ซึ่งพบว่ามันเป็นร้านชาที่หรูเลยทีเดียว

    ชานมไข่มุก
  • เต้าหู้เหม็น อันนี้ลองเจ้าที่เหม็นน้อยที่สุดล่ะ กะว่ารสชาติน่าจะไม่เหมือนกลิ่น … แต่สุดท้ายแล้วพอกินไป จากที่เหม็นทางจมูก ก็ไปเหม็นในปากต่อ – -“
  • ชาอู่หลง อันนี้เป็นร้านในตำนานที่ Jiufen …. วิธีชงคือ ชาหนึ่งกำมือเนื่ย ชงได้ห้าน้ำ รอบแรกเริ่มที่ใส่น้ำร้อนแล้วรอ 20 วิ ถึงจะรินเสิร์ฟ รอบถัดไปให้เพิ่มเวลาอีกรอบละ 10 วิ ร้านจะให้ชามาชงได้ทั้งหมด 4 รอบ รวมๆก็ประมาณ 4 * 5 = 20 จอก/คน เฉพาะเวลาชงใช้ไปทั้งหมด ((20 + 30 + 40 + 50 + 60) * 4) = 800 วินาที  .. ก็ตาค้างกันไปคืนนั้น ปล. สุดท้ายชงไม่ครบตามนั้นนะ กินฉี่กินฉี่ จนไม่ไหวละ มื้อนี่คนละ 300 TWD มีขนมเครื่องเคียงให้ 4 อย่าง

    ร้านชาในตำนาน (ตำนานแม่งเริ่มเยอะนะ)
  • ไก่ Hotstar ที่มาเปิดในบ้านเราแล้วไม่ค่อยมีคนกิน … แต่นี่นู้นนี่ต่อแถวกันยาวมากกกก รถชาติก็เหมือนๆกับ Hotstar บ้านเรานะ
  • ผัดใบเฟิร์นรังนก … เป็นผัดผักสั่งในร้านข้างทาง รสชาติอร่อยแปลกๆดี จนมารู้ทีหลังว่า .. มันคือเฟิร์นข้าหลวงที่ขึ้นในบ้านเราเพียบเลย !! ปล. ขอบคุณข้อมูลโดยเสี่ยเบิร์ด
    กุ้งคั่วพริกเกลือ ผัดใบเฟิร์ดรังนก ไข่เจียวกุ้ง แล้วก็ต้มเลือดหมูแบบไต้หวัน ข้าวเปล่าตักเองฟรี อันลิมิต

     

  • ไข่พะโล้อะไรซักอย่าง อันนี้ได้ลองจากโรงแรมคืนสุดท้ายพอดี เสิร์ฟเป็นอาหารเช้า อันนี้คือมีขายใน 7-11 ด้วยนะ … ไม่นับว่ามีคนในทริปพยายามจะซื้ออันที่ยังต้มไม่สุดด้วยนะ จนจนท.ถึงกับต้องเอาป้าย(ที่มีภาษาไทย)มาแปะ ว่าอันนี้แม่งยังไม่สุกนะ กินไม่ได้ ไอเราก็นึกว่ามีสองแบบ แบบพะโล้กับแบบสีขาว .. ฮากันไป

    ไข่ในร้านสะดวกซื้อ .. ถึงกะต้องบอกว่าอันนี้กินไม่ได้นะ !!

 

อื่นๆก็จะเป็นของเดินกินในตลาดล่ะ พวกเนื้อย่าง (แบบใช้ไฟช่วยเผาเหมือนเบิร์นซูชิ) โมจิย่าง ที่ตอนแรกนึกว่ามาชเมลโล่ …. หมูสามชั้นทอด ผลไม้เคลือบน้ำตาล น้ำส้มเช้ง หอยย่าง ปลาหมึกอย่าง เสต๊กหมู ไอติมกับถั่วตัดห่อด้วยแป้งโรตีสายไหม

ไอติม ห่อด้วยแป้งโรตีสายไหม ใส่ถั่วตัด โรยผักชีด้วย .. งงกันไปเลยทีเดียว
ตรวจร่างกายกันไปแล้ว ก็จัดหมูสามชั้นสิครับ
โมจิย่าง ที่ตอนแรกนึกว่ามาชเมลโล

สุดท้ายก็ได้กินไข่ต้มนั่น

สิ่งอื่นๆ ที่ชอบในไต้หวันคงเป็นเรื่องอากาศเย็น กับความเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับเอาจีนมาอัพเกรดด้วยญี่ปุ่นกับเกาหลี … เลยไม่แปลกใจว่าทำไมเค้าอยากแยกประเทศ เพราะโดยภาพรวมแล้วคุณภาพประชากรและสภาพสังคมน่าจะนำจีนไปไกลพอสมควรแล้ว ระบบขนส่งดีเยี่ยม รถไฟใต้ดินเชื่อมกันอย่างสนิท (ต่างกับบ้านเราอย่างสิ้นเชิง) มีห้องน้ำสาธารณะในระบบรถไฟใต้ดินทั่วไป ระบบบัตรเงินสด (easycard) ใช้ได้ทุกที่ตั้งแต่รถใต้ดิน แท็กซี่ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ค่ารถเมล์ถูกมาก นั่งสิบกว่าป้ายราคา 8 TWD เอง จะติดก็คงเป็นที่คนยังไม่ค่อยพูดอังกฤษมากนัก

ที่เหลือเป็นภาพอื่นๆจิปาถะ

หินรูปเห็ดที่จิ่วเฟิ่น นั่งรถบัสออกไปจากไทเปประมาณชม.ครึ่ง
ตลาด Ximending
วัด Longshan
Gaomei ที่ซึ่งลมแรงมากกก จนเดินไปตามทางนั่นได้ไม่ถึงครึ่ง เจ้าหน้าที่ไล่กลับ
สวนดอกไม้ .. มุมสวยๆถ่ายมาแบบมีคนเลยไม่ได้ลง 555+
ปั๊มน้ำมันไต้หวัน มีน้ำมันออคเทน 98 ด้วย โหดดี
ของฝากที่ยังไม่ใช่เจ้าในตำนาน … เค้กสับปะรด

ปิดท้ายด้วยวิดีโอ … ทริปหน้าจะไปไหน แล้วจะมาเล่าใหม่นะฮาฟ

 

เชียงใหม่ Jan 2014

ขอประเดิมต้นปีด้วยทริปเชียงใหม่ … ปีหลังๆมานี่รู้สึกว่าจะไปเชียงใหม่บ่อย .. ปีหน้าขอเป็นเชียงรายละกันนะ 🙂

คราวนี้ก็คงไม่ค่อยมีอะไรให้เขียนเยอะ .. ขอลงรูปคร่าวๆละกัน เริ่มจากขึ้นเครื่องไฟลท์เชัาวันจันทร์ .. พอถึงเชียงใหม่ รับรถเช่า .. อ้อ.. เรื่องรถเช่า เพิ่งจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีเว็บขาย Voucher รถเช่าโดยเฉพาะด้วย เจ๋งดี http://www.vouchercarrental.com/store/ อันนี้ต้องยกเครดิตให้นาย diablotune แถมพอไปถึงได้อัพ level รถด้วย สบายแฮ

สรุปว่าทริปก็เริ่มต้นตามนี้ ..

ลงเครื่องเสร็จแวะหาอะไรรองท้องที่ คั่วไก่นิมมาน (จริงๆแอบแวะไปร้านกาแฟมาก่อนด้วย) ก่อนที่จะไป พระตำหนักภูพิงค์  .. หลังจากที่ไปคราวก่อนไม่ได้เข้าเพราะเค้าเปิดถึงแค่บ่ายสาม คราวนี้เลยลองแวะเข้าไปดูหน่อย ว่าเป็นยังไง .. ส่วนใหญ่เป็นสวนดอกไม้ชมเพลินๆ มีน้ำพุดนตรีด้วย

ดอกไม้ในพระตำหนักภูพิงค์
Chiangmai-023
ร้านกาแฟใน Tita Gallery

ม่อนแจ่ม .. จากตัวเมืองออกมา 40 กว่าโลได้ จริงก่อนไปม่อนแจ่มนี่แวะอีกสองที่ คือ ร้านบ้านสวนแกงร้อน และ Tita Gallery  .. ม่อนแจ่มเป็นเหมือนหมูบ้านชาวเขา มีวิวมุมสูงสวยๆให้ดู มีจัดสวนกพหล่ำไว้ถ่ายรูป โดยไม่ต้องไปไกลจากตัวเมือง

Chiangmai-024
ฟ้าใสๆที่ม่อนแจ่ม
รถเลื่อน ไปม่อนแจ่มต้องลองเล่น สนุกดี
รถเลื่อน ไปม่อนแจ่มต้องลองเล่น สนุกดี

Phukradung 2013

ตอนแรกว่าจะไม่เขียนแล้ว เพราะอัพรูปขึ้น Facebook ไปแล้ว ความรู้สึกมันเลยไม่ “สด” พอที่จะเขียน

แต่พอมีเพื่อนถามเรื่องภูกระดึงเข้ามาบ้าง ก็เลยคิดว่าเขียนไว้หน่อยดีกว่า ยังไงก็น่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆบ้าง

เพราะขนาดเราเคยไปมาแล้ว .. พอจะไปอีกครั้งก็ยังต้องถามคนนู้นคนนี้อยู่เลย

ขึ้นภูกระดึงครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกเมื่อปี 2006 > เขียนไว้ที่นี่ (แต่รูปเน่าหมดแล้วง่ะ)

ครั้งนี้ไปกับเพื่อนป.โท ซึ่งชักชวนกันไว้ดิบดี .. สุดท้ายเหลือผู้รอดชีวิตไปทริปได้ 4 คน (รวมน้าเพื่อนด้วย)

เริ่มจาก

1. จองที่พัก

เข้าที่เว็บนี้ http://www.dnp.go.th/parkreserve/reservation.asp?lg=1

ถ้าจะจองเต๊น จะต้องเข้าอีกหน้านึงนะ เค้าแยกหน้าจองบ้านกับจองเต๊นท์ออกจากกัน

การจองที่พักของกรมอุทยานฯเนี่ย จะจองได้ล่วงหน้า 60 วัน (เป๊ะๆ) คือวางแผนว่าจะไป 4 ธ.ค. เพราะฉะนั้น 5 ต.ค. ก็เข้าไปจองได้แล้ว เพราะโดยปกติ ไม่ว่าอุทยานไหนๆ บ้านจะเต็มก่อน ..

ซึ่งจากการจองบ้านครั้งนี้ ได้เทคนิคมาเพิ่มหน่อยนึง คือ คนที่วางแผนจะไปเนี่ยส่วนใหญ่จะจองบ้านกันวันแรกที่เปิดเสมอๆ ที่สิ่งเกิดขึ้นคือ การจองบ้านต้องทำการจ่ายเงินใน 3 วัน เพราะฉะนั้นถ้าจองไม่ได้ หลังสามวันผ่านไปให้เข้าไปจองอีกที ส่วนใหญ่จะมีคนลืมจ่ายตังเสมอๆ .. 🙂

 

2. การเดินทาง

ภูกระดึง ถ้าไปจากกทม. เป็นที่ที่ไม่ควรเอารถไปอย่างยิ่งเนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้รถในการท่องเที่ยวเลย เดินอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าขับไปให้เหนื่อยเลย แถมตอนลงจากภูฯนี่ก็เหนื่อยระดับนึง การขับรถกลับทั้งๆที่เหนื่อยๆ ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

เมื่อไม่ขับรถ .. ทางที่ดีที่สุดคือรถทัวร์ .. รอบนี้ที่ไป ไปรถของ บขส. รอบ 22.00 ถึง จุดลงผานกเค้าตอน 04.00 วันรุ่งขึ้น .. จริงๆรอบ สี่ทุ่มนี่จะมีรถ VIP ด้วย แต่จองไม่ทันเต็มซะก่อน .. ตอนซื้อตั๋วให้บอกว่าลง “วังสะพุง” แล้วค่อยบอกจนท.บนรถว่าจะลง “ผานกเค้า” หรือบอกว่าไปภูกระดึงเค้าก็น่าจะรู้ .. ถ้าให้ชัวร์ก็ซื้อรถที่ปลายทางเป็นเชียงคาน จะผ่านชัวร์ ..

Phukradung-2013-014
ผานกเค้า

หรือถ้าไม่ไปบขส.ก็ไปรถของ บ.แอร์เมืองเลย ก็ได้ .. เพราะขากลับเราก็กลับของเจ้านี้ รถบขส.ไม่ได้จอดรับที่ผานกเค้า

สำหรับคนที่ไม่เคยไป ตรงผานกเค้าจะมีร้านค้าที่ชื่อว่า “เจ๊กิม” เป็นร้านที่เกิดมาเพื่อการขึ้นภูกระดึงโดยเฉพาะ หลังลงรถทัวร์ตอนตีสี่ .. ที่ร้านเปิดเรียบร้อยแล้ว มีที่ให้นั่งพักผ่อน ล้างหน้าล้างตา ชาร์ตโทรศัพท์ กินข้าวกินปลา เตรียมตัวขึ้นสองแถว (คนละ 30 , เหมา 300) ไปขึ้นภูฯ ที่เปิดให้ขึ้นตอนเจ็ดโมง (มั้ง) ต่อไป

Phukradung-2013-015
ร้านเจ๊กิม

เกาะมันนอก

ไม่ได้เที่ยวทะเลมานาน .. พอมีโอกาสก็เลยต้องขอเที่ยวกันบ้าง

คงไม่มีบรรยายอะไรมาก .. เพราะไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมากมาย

แค่ได้หลบไปจากความวุ่นวาย … ก็ดีที่สุดแล้ว 🙂

นี่แหล่ะ .. เกาะมันนอก

ข้อมูลคร่าวๆคือ เกาะมันนอกอยู่ อ.แกลง จ.ระยอง ใช้เวลาสามชม.นิดๆ .. เลยบ้านเพไปพักนึง

บนเกาะจะมี Resort ที่เดียว ซึ่งได้สัมปทานเกาะนี้ทั้งเกาะ  .. จบสาระแต่เพียงเท่านี้

ที่เหลือก็ดูรูปเพลินๆแล้วกันนะ 🙂

Scroll to top