สลับภาษาบน Windows ด้วย Caps Lock โดย PowerToys

คราวก่อน ได้แนะนำวิธีเปลี่ยนภาษาบน Windows ด้วยปุ่ม Caps lock ให้เหมือนกับฝั่ง Mac ด้วยโปรแกรม AutoHotkey ไป

มาคราวนี้ซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ ก็เลยลองดูว่ามีท่าอื่นที่ดีกว่าเดิมมั๊ย เลยเจอที่จะเอามาแชร์ในวันนี้ ที่น่าจะดีกว่าเดิมคือใช้ Microsoft PowerToys ที่สร้างโดย Microsoft เอง

ขั้นตอนใหญ่ๆคือ

  1. ดาวโหลดและติดตั้ง Microsoft PowerToys
  2. ทำการ Remap key ของ keyboard ให้ Cap Locks = Windows key + Spacebar
  • การติดตั้ง Microsoft PowerToys ทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายกับคนส่วนใหญ่ที่สุดคือ ติดตั้งผ่าน Microsoft Store https://apps.microsoft.com/detail/xp89dcgq3k6vld กด download และ install ให้เรียบแล้ว
หน้าตา Microsoft PowerToys บน Microsoft store

สลับภาษาคีย์บอร์ดบน Windows ด้วย Caps Lock

เรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้นแล้ว … ก็คือตอนนี้ย้ายมาทำงานที่ใหม่ที่ต้องใช้ Mac เป็นหลัก

ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะส่วนใหญ่แล้วเราก็ใช้ Web based application กันหมดแล้ว (เค้ายังใช้คำนี้กันมั๊ยนะ) … ตัวแอพอื่นๆบนเครื่องก็ไม่ได้มีปัญหามากนัก เดี๋ยวจะทยอยมาเล่าเรื่องแอพที่ใช้บนแมค จากคนที่ข้ามมาจาก Windows / Surface อีกทีนึง (อีกทีตลอดๆ)

อ่ะ กลับมาเข้าเรื่อง

ปัญหาที่เจอกับตัวเองคือ บน Windows นั้น ทุกวันนี้ใช้ Alt + Shift ในการเปลี่ยนภาษา ด้วยเหตุผลหลักๆสองข้อคือ

  1. มันเป็นค่าเริ่มต้น ไปจับ Windows ไหนๆ เปลี่ยนภาษาด้วยวิธีนี้ก็น่าจะเวิร์ค (ไม่ก็ใช้ Win + Space bar แต่รู้สึกว่านิ้วพันกัน)
  2. ตัว Grave Accent ( ` ) ที่เรานิยมใช้ในสมัยก่อนนั้น ทุกวันนี้เราใช้ตัวนี้มากขึ้นมาก ในการเขียน blog/wiki ด้วยภาษา markdown

ปัญหาก็เลยเกิด เมื่อ Alt + Shift จาก Windows ไปเจอกับปุ่มเปลี่ยนภาษาบน Mac ที่ใช้ Caps Lock

ความจำกัดบน Windows คือ Windows นั้น (แม้จะเป็น Windows 11 แล้วก็ตาม) ให้เลือกปุ่มเปลี่ยนภาษาได้จำกัดมาก เลยต้องหาทางแก้ด้วยทางอื่น เมื่อตัว OS ทำไม่ได้

Review : Surface Pro 4

หลังจากรอมาประมาณสามเดือน ในที่สุดก็ได้เครื่องมาซักที รวมถึงได้เขียนบล็อกซักทีด้วย …

เข้าประเด็นเลยละกัน ..  เริ่มจากเมื่อกลางๆปีที่แล้ว มองหาคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ มาแทนเจ้า ThinkPad X201i ที่ไม่ค่อยจะทำไรได้แล้ว เนื่องจากแรมแค่ 4 GB กับ CPU ที่เป็นตัวรุ่นประหยัดไฟ เลยทำให้ทำงานหนักๆไม่ค่อยไหว

ต้องเล่าก่อนว่าตอนซื้อตัว x201i นี่โจทย์หลักๆคือต้องพกพาไปไหนสะดวก ไม่หนักจนเกินไป ซึ่งมันก็ตอบโจทย์ได้ดี

ซึ่งพอถึงเวลาที่ต้องหาเครื่องถัดมา ก็มีโจทย์เพิ่มขึ้นมาว่า พกพาได้เหมือนเดิมก็ดีนะ แต่ขอเพิ่มเติมว่า ต้องการพลัง cpu และ ram ในระดับที่สามารถทำงานเขียนโปรแกรมได้แบบลื่นๆด้วย ตัวเลือกเลยเหลือไม่เยอะ … แถมพ่วงด้วยราคากระฉูดทั้งนั้น

สุดท้ายเลยมาจบที่ Surface Pro 4 ตัว Core i7 มาพร้อมกับแรม 16 GB และ SSD 256 (ที่ดูเหมือนจะน้อยไปนิด) พ่วงด้วย Type Cover แบบมี Finger print และ Docking ที่จะใช้กับ หน้าจอ Dell 23″ ที่ซื้อมารอไว้(และอีกอันที่ยังไม่ได้ซื้อ) … เป็นอันว่าจบเรื่องคอมไปอีกอย่างน้อยก็สามสี่ปี

จริงๆตัว Surface ตัวนี้มีจุดที่ไม่ค่อยชอบสองอย่าง คือ ไม่มี WWAN (หรือ 3G) ที่ตัว x201i สามารถใส่ซิมการ์ดในตัวเครื่องแล้วใช้งาน 3G ได้เลย ยุคนี้มันควรจะมีได้แล้ว อีกเรื่องคือ port ที่ต่อออกจอเป็ร Mini DisplayPort ที่ทำเอายุ่งขึ้นเล็กน้อย ตรงที่ไม่แถมสายมาให้ และก็ไม่มีหน้าจอยี่ห้อไหนแถมสายแบบนี้มีให้ เรื่องที่สามที่ขอแอบพ่วงมาคือ ราคา … ตัว SSD 512 นี่แพงเกิ๊น ทำใจไม่ได้

SurfacePro4Review-001

มาดูกัน …

Windows: Screen Recording Tool

เขียนแต่ Android ติดกันมานาน วันนี้เลยกลับมาที่ Windows ซะหน่อย พอดีว่าเพิ่งส่งเมลแนะนำเครื่องจับภาพหน้าจอเป็นวิดีโอตัวนี้ให้ทีมที่ทำงานไป ไหนๆเขียนแล้วก็เลยขอเอามาลงบล็อกด้วยเลยละกัน

 

พอทำงานไป หลายๆครั้งจะพบว่าแค่จับภาพนิ่งบนหน้าจอมันไม่พอ ส่วนถ้าเป็นวิดีโอตัวดีๆหน่อยก็แพง (เช่น Camtasia) จนมาเจอตัวนี้นี่แหล่ะ Microsoft Expression Encoder 4 ซึ่งตัวฟรีสามารถบันทึกหน้าจอได้สูงสุดที่ 10 นาที (ซึ่งก็เกินพอแล้ว) ..

 

ลองมาดูวิธีการคร่าวๆกันซักหน่อย พอบางหน้าจอมันดูซับซ้อนอยู่พอสมควร

อันดับแรกก็โหลดโปรแกรมมาติดตัวกันก่อน โดยโหลดได้ที่นี่ http://www.microsoft.com/en-us/download/confirmation.aspx?id=27870 ซึ่งจะรวม SP2 เข้าไปด้วย

พอลงโปรแกรมเสร็จก็ทำตามนี้

– เริ่มจากเปิดโปรแกรม Microsoft Expression Encoder 4 Screen Capture ขึ้นมา

– เลือกฟังก์ชันเสริมได้ เช่น อันเสียงไปด้วย หรือว่าเพิ่มภาพจากเว็บแคม ..

– เริ่มอัดโดยกดปุ่มอัด (จุดแดงๆ) โดยหลังบางครั้งถ้าเรา Capture ทั้งหน้าจอ ตัว Toolbar จะหายไป อาจจะต้องใช้ Shortcut ช่วยแทน คือ กด Ctrl + Shift + F11 เพื่อหยุดชั่วคราว และ กด Ctrl + Shift + F12 เพื่อเสร็จสิ้นการจับภาพหน้าจอ

– เมื่อจับวิดีโอหน้าจอจนหนำแก่ใจแล้ว จะได้ไฟล์นามสกุล .xesc มาหนึ่งไฟล์ .. ซึ่งยังใช้งานไม่ได้

– สิ่งที่ต้องทำคือ เลือกไฟล์ที่เพิ่งได้มา แล้วกดปุ่ม Send to Encoder

– โปรแกรม Microsoft Expression Encoder จะเปิดขึ้นมา .. หน้าตาซับซ้อนพอสมควร แต่ไม่ต้องสนใจอะไรมาก

– กดปุ่ม encode ด้านล่าง แล้วมันจะเริ่มทำการ Encode เป็นวิดีโอ

– โดยเมือเสร็จแล้ว จะได้ไฟล์วิดีโอมาอยู่ที่ C:\Users\{User name}\Documents\Expression\Expression Encoder\Output

 

อย่างที่บอกว่า เวอร์ชันฟรี จับหน้าจอได้สูงสุด 10 นาที รวมทั้งไฟล์ที่ได้ยังเป็นแบบ wma เท่านั้น ถ้าต้องการ Video format อื่นๆอาจจะต้องจ่ายเงินซื้อ

 

จริงๆตัว Expression Encoder มันทำอะไรได้หลายอย่างเลยนะ เหมือนจะทำ Live Broadcast ได้ด้วย ใครลองเล่นแล้วมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะ

 

Scroll to top