ADSL Modem Router : Netgear vs Buffalo

 

พอดีว่า Router ตัวเก่าเพิ่งจะเอ๋อๆ ..  เลยไปถอยตัวใหม่มา Buffalo … มา ราคา 1150 บาทที่ IT Square อันนี้เน้นถูกเพราะว่าตัวโหลดบิตมี NAS อยู่แล้ว เลยไม่ต้องการ Feature อะไรเยอะแยะ

 

เลยลองเอามาเทียบกับตัวเก่า Netgear ดู

Netgear คือ รุ่น DG834G (version 5)

Buffalo คือ WBMR-HP-GNV2

ขอออกตัวล้อฟรีไว้ก่อนว่าทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวจากการใช้งานจริงของตัวเองนะคร๊าบบ 🙂

 

สิ่งที่ทั้งสองตัวทำได้

– ต่อ ADSL (แน่นอน เพราะมันเป็น Modem ทั้งคุ่ O_o)

– Lan 1 Gbps  x 4 port

– รองรับ WiFi Security WPA2 TKIP/AES

– WPS (ไม่ได้ใช้หรอก)

– มีเสาแยก

– Forward port (Virtual Server)

– Remote Management ( Config Router จาก Internet)

– Dynamic Domain (ex. Dyndns)

– Log

– Qos

– UPnP

 

 

Netgear DG834Gv5

ข้อดี : 

รูปร่างหน้าตา ขาวมุมมนๆสวยงาม เอาไว้โชว์ได้ เสาเล็กๆน่ารักๆ

ระบบ Access List / MAC Filtering ใช้งานง่ายกว่ามาก ตอน Add เข้า List สามารถใส่รายละเอียดได้ว่า MAC ไหนเป็นเครื่องไหน

ระบบ Log ถึงแม้ว่าจะแยกรายละเอียดได้ไม่เยอะเท่าอีกตัว แต่สามารถตั้ง Schedule ให้ส่งเมลได้ อันนี้เจ๋งมากสำหรับบ้านพักทั่วไป แล้วก็ log จะไม่หายไปจนกว่าจะ Restart Router

มี Domain ให้เข้าไป Config ด้วย คือ http://www.routerlogin.com ไม่ต้องเข้าด้วย IP Address

 

ข้อเสีย : 

เวลาเน็ตหลุดชอบทำให้เวลาของ router เพี้ยนไปด้วย ทำให้ดู log ไม่รู้เรื่อง

มีปัญหากับ อุปกรณ์ของ Apple บางตัวที่มองว่ามี package Dos จาก อุปกรณ์ยี่ห้อนั้น

 

 

 

 

 

 

 


 

 

Buffalo WBMR-HP-GNV2

ข้อดี : 

มีระบบ Eco ตั้ง Schedule ให้ปิดหรือทำงานแค่บางส่วน เพื่อประหยัดไฟ สั่งให้ปิดไฟ LED ได้

ระบบ Log สามารถตั้งให้ส่งไฟ Syslog server ได้

สามารถมีได้หลาย SSID / ใช้ AOSS ได้

Wireless n @ 150 Mbps

มี Dynamic Domain ให้เลือกมากกว่า (1 อัน)

 

ข้อเสีย :

Log เปิดดูแล้วบางทีก็หายไปเลย ถ้าอยากเก็บไว้ดูต้อง save ลงเครื่องมาเก็บไว้

เสาดูต้นใหญ่ 5dB แต่ดูเหมือนสัญญาณจะสู้ Netgear ไม่ได้ (เทียบจาก Router อยู่ชั้นสองแล้วเล่นจากมุมอัพในชั้นล่าง)

ระบบ DHCP โง่ไปหน่อย ถ้ามี IP ในวงที่ตั้งค่าเองไปแล้ว แต่อยู่ในช่วงที่แจก DHCP ด้วย ตัวนี้ไม่สนใจ .. ยังแจกให้เครื่องอื่นอีก #กาก

หน้า Config มีปัญหากับ Adblock ทั้งหลาย เพราะมี Class ชื่อ “AD_BODY” เลยทำให้พวกนั้นนึกว่าเป็นโฆษณา – -”

 

 

 

 

 

 


 

ใครมีอะไรสงสัยก็ลองถามมาได้นะคร๊าบบ  ตอนนี้เอา Netgear ตัวเก่ามาเสียบใช้งานแทน .. ตอนแรกนึกว่าเจ๊งเห็นเน็ตหลุดๆ แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเน็ตกากนั้่นเอง … สุดท้ายเรียกช่างมาดู ได้เปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่าง ตั้งแต่กล่องขาวก่อนต่อเข้า Router / การ์ด DSLAM อะไรซักอย่างที่ชุมสาย แล้วก็สุดท้ายช่างเรียกให้อีกทีมมาเดินสายโทรศัพท์ในบ้านให้ใหม่ด้วย .. หวังว่าจะหายกากซักที 😛

 

ปล. จริงๆมี Router Linksys ตัวเมพพิมพ์นิยมอยู่อีกตัวที่เอามาลง Custom Firmware ทำเป็น Bridge อยู่ .. ไว้ว่างๆค่อยพูดถึงมันละกัน 🙂

Android App : Home Sweet WiFi Picture Sync

 

วันนี้ขอนำเสนอแอพเล็กๆตัวนึง ใช้มาประมาณสามเดือนเห็นจะได้ ประทับใจมากๆ

แอพที่ว่าคือ Home Sweet WiFi Picture Sync (ชื่อจะยาวไปไหน .. )

แอพตัวนี้ ทำงานง่ายๆเพียงอย่างเดียวคือ Sync รูปจากมือถือของเราไปเก็บยัง Computer/NAS ผ่านการ shared folder ผ่าน WiFi  แค่เนี้ย !!

วิธีอัพเกรดเฟิร์มแวร์ของ Buffalo Linkstation Duo

มีคนถามเข้ามาพอดีว่าจะอัพเกรดเฟิร์มแวร์ของ Buffalo Linkstation Duo ยังไง (ของผมเป็น LS-WXL)

กอรปกับเฟิร์มแวร์เวอร์ชันใหม่ออกพอดี ก็คือเวอร์ชัน 1.42 (ออกเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2554)

ขอเล่าตั้งแต่แรกเลยละกัน สำหรับคนที่มี firmware version 1.41 อยู่แล้วนั้น ตัวเครื่องจะมีไฟสีเหลืองติดในช่อง Infoerror (version อื่นไม่แน่ใจนะ) และถ้าเปิดตัว NAS Navigator ในคอมขึ้นมา แล้วฟ้องว่า Unknow Error หรืออะไรที่ใกล้เคียงอันนี้ แปลว่า NAS Navi  ของเรานั้นเวอร์ชันเก่าไป อ่าน Message นี้ไม่เข้าใจ ส่วนถ้าเครื่องไหนไม่เป็นก็ข้ามไปขั้นตอนอัพเกรดเฟิร์ทแวร์ได้เลยครับ

ขั้นแรกก็ขอให้อัพเกรดตัว NAS Navi ของเราก่อน เพื่อพิสูจน์ว่าไฟเหลืองอันนั้นเป็นเพราะต้องการให้อัพเกรดเฟิร์มแวร์จริงๆ ไม่ได้ error เพราะสาเหตุอื่น

NAS Navi ดาวโหลดได้ที่ http://www.buffalo-asia.com/cgi-bin/support/download.cgi?country=th&to=ls_wxl_r1 https://www.buffalotech.com/support/downloads/linkstation-duo เลือกตรง Utilities ตาม OS ของเรา โหลดเสร็จก็คลายซิปแล้ว run ตัว NASNaviInst ก็เป็นอันเสร็จ

Review : Buffalo LinkStation Duo

ก่อนจะได้เจ้าตัวนี้มาครอบครอง เรื่องมันมีอยู่ว่า

เคยเจออาการที่เรียกว่า “อารยธรรมล่มสลาย” กันมั๊ยครับ .. อาการที่ว่ามักจะมาพร้อมกับการเปิดเครื่องแล้วเข้าวินโดว์ไม่ได้ ดิสก์พังท้ายที่สุดก็ต้องซื้อฮาร์ดดิสก์ใหม่ .. แต่นั่นก็ยังไม่ช้ำใจเท่ากับ “แล้วข้อมูลเก่าของตูล่ะ ??” ไฟล์ต่างๆ โปรแกรมต่างๆ ที่สั่งสมมายาวนานหายไปไหรพริบตา Bookmark เว็บที่เคยเข้า, ไฟล์ Password, Script ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิต .. หายเกลี้ยง หมดกัน Y_Y

แล้วเคยเจออาการที่แบบว่า เฮ่ยๆหนังเรื่องนี้เจ๋งอ่ะ เอามาดูมั่งๆ …  พอมาถึงเครื่อง … ลบอะไรดีหว่า พื้นที่มันไม่พอ !!

ยิ่งช่วงหลังๆถ่ายรูปเยอะจัดๆ พื้นที่ก็หายไปเป็นเงาตามตัว สิ่งที่ช่วยได้ก็คือหาอะไรมาเก็บข้อมูลเพิ่มรวมทั้งไว้แบคอัพไล์จากคอมนั่นเอง

เมื่อเหตุผลเพียงพอก็ถึงเวลาที่จะจัดหา External Storage ซักตัวเพื่อเอาไว้เก็บข้อมูลรูปถ่าย เพลง ไฟล์สำคัญต่างๆ

หลังจากนำเรื่องการซื้อเจ้า External Storage เข้าสู่ที่ประชุม ที่ประชุมก็อนุมัติให้ซื้อได้ (ก็ตูนี่แหละ ประชุมอยู่คนเดียว) เลยได้กำหนด Spec คร่าวๆดังนี้

  • มีทั้งพอร์ท Lan และ USB ซึ่งด้วยเงื่อนไขอันนี้แหล่ะทำให้มันแพง ถ้าธรรมดามีเฉพาะ USB หรือมี Firewire ราคาจะไม่แพงเท่านี้ แต่ข้อเสียมันก็คือ มันจะ Access ได้ทีละเครื่องเท่านั้น จะต่อ PC ก็ต้องมาเสียบที โน๊ตบุคก็ต้องเสียบอีกที สู้ต่อ Lan เข้า Router ไปเลยทีเดียวจบ
  • ขนาดไม่ควรต่ำกว่า 1 TB (อ่านว่า เทราไบต์ และ 1 TB = 1000 GB)
  • รูปร่างหน้าตาควรจะไปวัดไปวาได้บ้าง ขนาดเล็กได้ยิ่งดี (อันนี้วัดความพึงพอใจล้วนๆ)

หลังจากนั้นจึงได้วิเคราะห์ออกมาแล้วว ว่าเป็นเจ้า LINKSTATION PRO 1.5TB ของ Buffalo (หวังว่าใช้แล้วจะไม่ได้รู้สึกตามชื่อมันนะ)

แต่ๆๆๆ พอไปซื้อเดินซื้อที่ IT Square ก็พบว่ารุ่นนี้ไม่มีขายแล้ว แล้วเค้าก็ไม่ได้นำเข้ามาแล้ว Y_Y (ไม่รู้จริงๅหรือว่าหลอกอ่ะเนอะ) สุดท้ายแล้วเลยกัดฟันกัดเหงือกกัดลิ้นกัดคอถอยเจ้า Buffalo LinkStation Duo ขนาด 2 TB มาแทนเสียเงินเยอะกว่าเดิมเยอะเลย Y_Y

Spec ก็ตามนี้เลย (ต้นฉบับ) รุ่น LS-WX2.0TL/R1

มาลองแกะกล่องดูกัน

Scroll to top