ย่าติง – จีน 2018 – ตอนที่ 2

มาต่อกันตอนที่สอง เที่ยวสิบวัน ใช้เวลาเขียนบล็อกไปสามเดือน – -” … อ่านตอนแรกที่ได้ที่นี่

แชงกรีลา (Shangri-la)

4-5 ชั่วโมงหลังจากนั่งรถบัสมาจากลี่เจียง เราก็มาถึงแชงกรีลากัน ลงรถที่สถานีขนส่งเช่นกัน …. ก่อนออกจากจสถานีขนส่งเราก็จัดแจงซื้อตั๋วรถบัสที่ต้องเดินทางไปเมือง Daocheng ในวันรุ่งขึ้น รถบัสเที่ยวนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะมีแค่เที่ยวละวัน แล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม. ถ้าพลาดนี่จะมีปัญาตามมาเยอะเลย

ที่แชงกรีล่านี่เราก็มีปัญหากับพิกัดตำแหน่งกับ Google Maps อีกเช่นกัน คือตามพิกัดที่ดูมา รร.จะอยู่ห่างสถานีขนส่งประมาณกิโลกว่าๆ เราก็เลือกเดินกันชิลๆไป เพราะอากาศก็เย็นๆล่ะ เดินไปถึงจุดที่ควรจะเป็นรร. ก็พบว่ามันไม่มี !! ไม่มีอะไรบ่งชี้ได้เลยว่าตรงนี้ควรจะเป็นโรงแรมงี้ คือเดินมาถึงเป็นตรอกเล็กๆคล้ายๆตลาดที่มีแต่คนจีน 

จนเพื่อนเปิด Apple maps ก็พบว่ามันอยู่คนละที่เลย ชนิดที่ว่าเดินไปไม่ได้ด้วยซ้ำ สุดท้ายต่อรถเมล์ไปแล้วเดินต่ออีกหน่อย กว่าจะถึง … รถเมล์ที่แชงกรีลานี่เหมือนจะแพงกว่าที่อื่น จำไม่ได้ว่า 5 หยวนมั้ง (ที่คุณหมิงหยวนเดียว) หลังจากเข้าที่พัก เราก็ออกไปเที่ยวกัน เพราะอยู่แชงกรีลาแค่คืนเดียวเอง 

ที่แรกที่ไปคือ พระราชวัง (หรือวัดนะ) แบบทิเบต (Songzanlin Lamasery) … ที่อยู่นอกเมืองออกไปหน่อย ตอนไปก็เรียกแท็กซี่ไป ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับอยู่บ้านเรา ก็คือ ต้องเหมาจ้า .. ไม่เปิดมิเตอร์ใดๆ เรียกมา 10 หยวนมั้ง ก็เออๆออๆไป เพราะมันใกล้จะปิดแล้ว ไม่มีทางเลือก ได้แค่รีบๆไป .. ส่วนขากลับนั้นก็อยู่นอกเวลารถเมล์แล้ว ก็เลยต้องเหมาเอา เราไปแวะวัด ที่คนไทยชอบแวะกัน

ก่อนกลับเราแวะไปที่วัดที่คนไทยชอบไปกัน จำชื่อไม่ได้เป็นวัดที่มีกงล้อ มีคนออกมาเต้นรำกันด้วย น่ารักดี เสียดายว่าส่วนที่เป็นกงล้อที่เค้าว่ากันว่ามันหมุนไม่เคยหยุด .. นั้นหยุดสนิทเพราเค้าปิดซ่อม… เศร้าไป

มื้อเย็นเรากินชาบูเนื้อ Yak (จามรี) กัน ร้านไร้ซึ่งภาษาอังกฤษใดๆ สั่งแบบมั่วๆงงก็พอกินได้อยู่นะ ถ้าไม่นับว่าปวดฟันนะ ><

ส่วนที่พักคืนนี้มีเรื่องให้แปลกใจเล็กน้อย คือเริ่มออกนอกเมืองใหญ่ แล้วที่พักคืนนี้ก็ไม่ค่อยแพงมาก พอไม่อยู่ห้อง ไฟในห้องก็จะดับ พอเรากลับมา กำลังจะอาบน้ำก็พบว่า เครื่องทำน้ำร้อนในห้องเป็นแบบหม้อต้มไฟฟ้า พอไม่มีไฟมันก็ไม่ทำงาน สุดท้ายก็นั่งรอไปชั่วโมงกว่าๆเพื่อให้น้ำร้อนพอจะอาบน้ำ อุณหภูมิตอนนั้นก็แค่ประมาณ -2 เอ๊ง …

รีว่า (Riwa)

เราออกจากที่พักตั้งแต่ยังไม่สว่าง ออกไปขึ้นแท็กซี่ไปสถานีรถ … ไปถึงก็ซื้อซาลาเปา ไข่ต้ม กินรองท้องก่อน เสร็จแล้วก็ขึ้นรถ … เพื่อจะพบว่ารถมีประมาณเกือบๆ 40 ที่นั่ง คนไทยไม่น้อยกว่าครึ่งคัน !! เรานั่นกันไปแบบงงๆไม่ค่อยรู้ว่าจะถึงเมื่อไหร่ เปิด Google Maps ดูก็พบว่าถนนที่เราวิ่งอยู่นั้นไม่มีอยู่ใน Maps เลย 555

มีจอดแวะพักหนึ่งครั้ง โชคดีที่ได้พี่คนไทยบอกว่าเค้าให้ทานอาหาร จ่ายไป 30 หยวนเลือกกับข้าวได้สามอย่าง ข้าวตักเอง .. ก็กินๆไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะได้กินอีกทีคือเมื่อไหร่

หลังจากเรานั่งมาเรื่อยๆจนประมาณบ่ายสอง ก็พบว่ามีแกนนำสองคนขึ้นมาประกาศทำนองว่า มีใครสนใจจะไป Riwa เพื่อจะไป Yading มั๊ย เพราะว่ารถบัสคันนี้จะไปยังเมือง Daocheng การไป Riwa ต้องต่อรถจาก Daocheng ไปยัง Riwa อีกที ถ้ามีคนไป Riwa เยอะพอ เค้าจะมีรถบัสมาตัดตอนรับจากกลางทางไป Riwa เลย สรุปคนก็ยกมือเกือบทั้งคัน เลยโชคดีได้ต่อไปเมือง Riwa เลยในวันเดียวกัน เสียเงินเพิ่มคนละ 50 หยวน

ตกประมาณ 4 โมง เราก็ถึงเมือง Riwa … หลังจากนั้นก็เข้าพักโรงแรม หาอาหารเย็นกิน ซื้ออ็อกซิเจนกระป๋อง เตรียมตัวนอนเพื่อออกเดินทางเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติย่าติงในวันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันเดินทางอย่างแท้จริง

ย่าติง (Yading)

ย่าติงวันที่หนึ่ง

ในที่สุดเราก็มาถึงแล้ว อุทยานแห่งชาติย่าติง เราออกจากรร.ตอนเช้า เดินงงๆมาดักรถบัสที่วิ่งมาจากสนามบิน Daocheng ไปยังอุทยานฯย่าติง ค่ารถไม่กี่หยวน เมืองถึงปากทางเข้าอุทยาน ก็ต้องจัดการซื้อตั๋ว เซ็นชื่อเข้าอุทยาน เสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัสเข้าไปยังตัวอุทยานจริงๆ

รถบัสใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงเพื่อเข้าไปในตัวอุทยานฯ แผนการของเราวันนี้คือเราลงหมู่บ้านเล็กๆระหว่างทางเข้าไปอุทยานเพื่อหาที่พัก เพราะเราจะเดินในอุทยานประมาณสองวัน

แต่แล้วแผนการก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะตอนนั่งรถบัสอยู่ๆคนขับก็ตะโกนอะไรซักอย่างมาสามสี่ประโยค ทั้งคันไม่มีใครตอบ .. แน่นอนว่าเราฟังไม่รู้เรื่อง …จนถึงจุดนึงเราก็ถึงบางอ้อว่า คนขับตะโกนถามว่าจะมีใครลงหมู่บ้านใหม่ แต่นอนว่าไม่มีใครจะลง ยกเว้นพวกเรางั๊ย !!!

เลยต้องปรับแผนเป็นฝากกระเป๋าที่อุทยานแล้วเดินเที่ยวก่อน แล้วตอนเย็นค่อยออกเร็วหน่อยเพื่อไปหมู่บ้านแล้วหาที่พัก

ที่ย่าติงจะมีหลักๆสองระยะให้เดิน คือรอบเล็กกิโลกว่าๆ กับรอบใหญ่ที่เดินนานหน่อย วันนี้เราเลยเดินรอบเล็กกัน มีวัดแบบทิเบตและทะเลสาบเล็กๆ ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ สวยคุ้มค่ากับการเดินทางมาก

เราพบด้วยว่าชาวจีนที่มาเที่ยวที่นี่ใจดีมาก มีทั้งแบ่งปันขนมของกิน … ผมทำถุงมือหล่นในวัด พอเดินกลับมาหา พระก็ช่วยๆชี้บอกว่าหล่นตรงนู้นๆ ถือว่าประทับใจมากเลย

เราออกจากตัวอุทยานเร็วหน่อย เข้าไปหมู่บ้านเพื่อหาที่พัก .. ขาออกมาดีหน่อยตรงที่เค้าแยกช่องไว้ว่าคนจะมาหมู่บ้านขึ้นรถช่องนึง คนจะออกไปปากทางอุทยานขึ้นรถอีกช่องนึง ได้ความช่วยเหลือจากคนบนรถก็ทำให้เราลงป้ายหมู่บ้านได้ไม่ยากนัก

ปัญหาถัดมาของเราคือที่พัก เนื่องจากเราไม่ได้จองมาก่อนหน้า เราเลยต้องเดินหาๆเอา ช็อตนี้บอกเลยว่าขอบคุณเพื่อนทั้งสองมาก คือตอนเช้าตอนนั่งรถเข้ามาเนี่ยเหมือนจะเมารถ แล้วทำให้ทั้งวันอาการไม่ค่อยดี พอบวกกับอากาศเบาบางเพราะอยู่ที่สูง เลยสภาพแย่มาก ได้เพื่อนสองคนเดินไปหาที่พักให้เรานั่งรอเฝ้ากระเป๋า บอกเลยว่าซึ้งมาก แล้วที่พักก็มีน้อยมาก สุดท้ายเราได้ห้องนอนแบบมีห้องน้ำในตัวกับเตียงใหญ่เตียงเดียว นอนกันอบอุ่นเลยทีเดียว แถมห้องนี้เราก็ได้คืนเดียวด้วยนะ อีกคืนมีคนจองแล้ว

หลังจากได้ที่พัก เราก็งีบๆกันหน่อยนึง ก่อนลงมาหาอะไรกิน ความยากเพิ่มขึ้นอีกเพราะไม่ค่อยมีแรง แถมร้านอาหารก็ไม่ค่อยมี ภาษาจีนก็พูดไม่ได้ สุดท้ายเลยกินอะไรที่มองเห็นเป็นไม้ๆปิ้งกับหมาล่า หยิบๆมาสี่ห้าไม้กินประทังชีวิตก่อนกลับขึ้นไปนอนต่อ เราตกลงกันว่า พรุ่งนี้เย็นเรากลับไปนอนที่เมือง RIWA กันดีกว่า น่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้

ย่าติงวันที่สอง

เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแต่เช้า เพื่อเข้าไปอุทยาน วันนี้ออกเร็วเพราะต้องเดินรอบใหญ่ของอุทยานที่ค่อนข้างโหดกว่าเมื่อวาน … แต่เราก็ต้องพบกับอุปสรรคเล็กน้อย เพราะที่รับฝากกระเป๋ายังไม่เปิด ต้องยืนรออยู่ประมาณชม.กว่าๆ ถึงจะฝากกระเป๋าได้ ครั้นจะเอากระเป๋าไปด้วยก็ไม่น่ารอดเพราะทางเดินรอบใหญ่โหดมาก

หลังจากฝากกระเป๋าเราก็นั่งรถเข้าไปอีก เพื่อถึงจุดที่เริ่มเดินรอบใหญ่ วันนี้เราตั้งใจจะไปทะเลสอบสองอันคือทะเลสาบไข่มุก (Pearl lake) กับทะเลสาบห้าสี เราเตรียมพร้อมตั้งแต่เมื่อคืนโดยการซื้อออกซิเจนกระป๋อง กับอาหารกลางวันไว้ อาหารกลางวันก็เป็นแบบไฮเทคด้วยนะ คือมีน้ำกับซองสารเคมีให้ พอฉีกผสมกันน้ำก็จะเดือดอุ่นอาหารให้ร้อนพร้อมทาน เจ๋งดี

วันนี้เราเดินกันโหดมาก จริงๆความชันคล้ายๆภูกระดึง เผลอๆอาจจะไม่ชันเท่า แต่ด้วยความที่อากาศเบาบางมาก หนาวมาก แล้วก็ลมแรงมาก เลยทำให้มันยาก เดินๆไปต้องพักเรื่อยๆเลย บางช่วงนี่เดินได้ 3-40 เมตรก็ต้องพักแล้ว (หรืออาจจะแก่ด้วยนะ) … ถึงจุดๆนึงเราก็เกิดคำถามในใจนะ (จริงๆพูดออกมาด้วยซ้ำ) ว่า เรามาทำอะไรที่นี่วะ .. คือมันก็สวย แต่มันก็เหนื่อย แล้วเมื่อเทียบกับเมื่อวาน ที่เดินรอบเล็ก เมื่อวานเหมือนจะสวยกว่ายังไงชอบกล ..

เราใช้เวลาเกือบทั้งวันในการเดินรอบใหญ่ เนื่องจากที่พักในหมู่บ้านกับร้านอาหารไม่ค่อยประทับใจนัก เราเลยตกลงกันว่าจะออกจากย่าติงกันเลย … พอนั่งรถบัสออกมาถึงปากทางอุทยาน ก็มีคนมีถามๆเราว่าไปไหนมั๊ย สรุปก็ได้แท็กซี่แชร์เข้าเมือง Daocheng เลย คนละ 50 หยวนได้มั้ง ใช้เวลาประมาณ สองชม. เราก็ถึงค่ำๆ เดิน Walk-in หารร.เสร็จกินมาม่าก็พร้อมนอน

ก่อนนอนเราก็ต้องเริ่มวางแผนกลับกันนิดนึง เพราะเราต้องไปขึ้นเครื่องบินกลับคุณหมิงจากแชงกรีลา แล้วรถบัสจาก Daocheng ไปแชงกรีลาก็เหมือนเดิมคือมีวันละเที่ยวเท่านั้น แถมถ้าเราจะไปวันพรุ่งนี้เราต้องไปลุ้นตั๋วเอาตอนเช้าด้วย รถออกประมาณหกโมงเช้า ถ้าเราจะไปคือเราต้องดื่นเช้ามาก สุดท้ายเราตกลงกันว่าเวลายังพอมี เราจะนอนพักร่างกันที่ Daocheng สองคืน ค่อยกลับอีกวันนึง

Daocheng

เมื่อเราตัดสินใจว่านอนเล่นเมือง daocheng กัน (จำไม่ได้ละอ่าอันออกเสียงว่าไง เราอ่านว่าเต้าเฉิงมั้ง) .. เราก็มีหนึ่งวันเต็มๆเพื่อจะเดินเล่นในเมืองนี้ เมืองนี้คือเล็กมากกกกกก ส่วนใหญ่เป็นแค่ทางผ่านสำหรับคนที่จะไปย่าติงแค่นั้น เนื่องจากเป็นการพักร่าง เราจึงทำอะไรชิลๆกัน

เริ่มจากตื่นสายๆ ออกมาหาอะไรกินกัน ตอนนั้นมีร้านอาหารให้เลือกสองร้าน ร้านอาหารโลคอลกับร้านออกแนว junk food .. แน่นอนว่ามาถึงวันนี้ เราก็ต้องเลือก junk food สิคับ เบอร์เกอร์ไก่กรอบมั้งถ้าจำไม่ผิด … หลังจากเสร็จมื้อเช้า เราก็ไปต่อกันที่ร้านกาแฟ ซึ่งค่ากาแฟนี่แพงกว่าค่าข้าวสองเท่าได้ คือส่วนใหญ่นี่นักท่องเที่ยวทั้งนั้น คนแถวนี้เค้าไม่ค่อยกินกาแฟกันมั้ง … นั่งชิลที่ร้านกาแซักพัก เพื่อนก็มีคุยกับเจ้าของร้านบ้างว่าไปเที่ยวไหนดี กับลอง search Google บ้างว่าเค้าไปเที่ยวไหนกัน … เราก็ได้จุดชมวิว Landscape มาอันนึง เห็นรูปตัวอย่างจาก Google สวยมาก ถ้าได้ไปบินโดรนคงเจ๋ง แถมไม่ไกลเกินไปด้วย

คิดได้ดังนั้นเราก็เช่าจักรยานกันครึ่งวัน แวะไปซื้อตั๋วรถบัสขากลับสำหรับวันรุ่งขึ้น แล้วขี่จักยานไปเที่ยวจุดที่ว่า ใช้เวลา 30 นาทีก็ถึง (จริงๆคือขี่ลงเนินด้วย ขากลับนี่แทบลากเลือด) … แต่คือกลายเป็นดินแดงล้วนๆ แทนที่จะเป็นแนวไม้เขียวขจีริมแม่น้า … เป็นการยืนยันว่า Google Maps ในจีนนี่ไม่เวิร์คจริงๆ หลังจากขี่กลับมา เราก็ชิลๆอยู่ที่พัก ซื้อของฝากจำพวกพุทราแห้ง กินมื้อเย็น แล้วก็เข้านอน ช่างเป็นวันพักผ่อนจริงๆ (นี่ภาพที่ควาดหวัง … ส่วนความจริงดูด้านล่างเลย)

เช้าวันถัดมาเราก็เช็คเอาท์ออกจากรร.ตั้งแต่ราวๆตีห้า เดินเท้าประมาณกิโลกว่าๆจะถึงสถานีรถบัส … แต่ก็มีเรื่องให้ประหลาดใจเมื่อเดินๆอยู่ก็มีคุณลุงขับรถกระบะมาแวะรับกลางทาง ก็คุยกันไม่รู้เรื่องนะ แต่จังหวะนั้นคือลุงคนเดียว เราสามคน ยังไงก็สู้วะ … สรุปคือลุงขับไปส่งหน้าประตูสถานีขนส่งอย่างงาม … ถือเป็นอีกเรื่องดีๆที่น่าประทับใจ

ขากลับ !!!

เนื่องจากขาไปนี่เราแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ เมืองละคืนสองคืน … พอขากลับนี่เลยเดินทางกันยาวๆเลย

เริ่มจากรถบัส 6-7 ชั่วโมง จากเมือง Daocheng กลับมายังเมืองแชงกรีลา แวะกินอาหารบ่ายๆ นั่งชิลร้านกาแฟ แล้วไปต่อเครื่องบินในประเทศจากสนามบิน Shangri-la ไปเมืองคุณหมิง ตอนแรกที่ไทย เราก็กลัว่าจะพลาดไฟลท์ เพราะเกิดไม่ได้ตั๋วรถบัส เราอาจจะต้องต่อรถหลายต่ออาจจะมาไม่ทันได้ เลยจองตัวไฟลท์ดึกไว้ … แต่ว่าเรามาถึงเร็ว ไปสนามบินตั้งแต่ห้าหกโมงเย็น .. เพื่อจะพบว่า แม่งไม่มีอะไรเลย !!!! ทั้งสนามบินมีร้านอาหารอยู่ร้านเดียว Heater ก็แทบไม่มี หนาวมากมาย สุดท้ายก็ต้องเข้าไปนั่งจิบชา หาอะไรกินฆ่าเวลา …

หลังจากขึ้นเครืองมาถึงคุณหมิง เราก็เข้ารร.ในคุณหมิงที่จองไว้วันก่อน ถึงรร.ราวๆตีสองได้

คุณหมิงวันสุดท้าย เราใช้เวลาทั้งวันขึ้นรถไฟใต้ดินไปเที่ยวเขาซีซาน … ก่อนจะขึ้นเครื่องกลับไทยไฟลท์ดึกอีกเช่นกัน

ตอนขึ้นเครื่องกลับไทยนี่ก็ยังไม่วาย มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว …. ตอนผ่าน security check ขาออกของสนามบินคุณหมิง โดนจนท.ยึด Powerbank … ด้วยเหตุผลที่ว่า ตัวเลขมันเลือน บอกไม่ได้ว่ามีขนาดน้อยกว่า 20000 mAh !!! บอกเลยว่าโกรธมากกก … คือบินมาถึง บินในประเทศก็แล้ว แล้วนี่กำลังจะกลับแล้วแท้ๆ ยังจะมายึดของเราอีก ฮือออออ Powerbank อันนั้นรักมากด้วย ฮึ่ยยยย

สรุป

ทริปนี้เหมือนจะเป็นทริปลำบากที่ต่างประเทศทริปแรก ทริปที่ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาหลัก ทริปที่ Google ช่วยอะไรได้น้อยมาก .. ทริปที่มีอารมณ์ท้อถอยแต่ก็ผ่านมาได้ ทริปที่เห็นอีกด้านของเมืองจีน

มีความทรงจำมากมายเหลือเกินในทริปนี้ ขอบคุณเพื่อนทั้งสองคนที่ช่วยให้ผ่านมาได้ทั้งในทริปและหลังจากทริป ไว้ไปเจอกันทริปหน้านะ

Scroll to top