ตอนแรกว่าจะไม่เขียนแล้ว เพราะอัพรูปขึ้น Facebook ไปแล้ว ความรู้สึกมันเลยไม่ “สด” พอที่จะเขียน
แต่พอมีเพื่อนถามเรื่องภูกระดึงเข้ามาบ้าง ก็เลยคิดว่าเขียนไว้หน่อยดีกว่า ยังไงก็น่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆบ้าง
เพราะขนาดเราเคยไปมาแล้ว .. พอจะไปอีกครั้งก็ยังต้องถามคนนู้นคนนี้อยู่เลย
ขึ้นภูกระดึงครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกเมื่อปี 2006 > เขียนไว้ที่นี่ (แต่รูปเน่าหมดแล้วง่ะ)
ครั้งนี้ไปกับเพื่อนป.โท ซึ่งชักชวนกันไว้ดิบดี .. สุดท้ายเหลือผู้รอดชีวิตไปทริปได้ 4 คน (รวมน้าเพื่อนด้วย)
เริ่มจาก
1. จองที่พัก
เข้าที่เว็บนี้ http://www.dnp.go.th/parkreserve/reservation.asp?lg=1
ถ้าจะจองเต๊น จะต้องเข้าอีกหน้านึงนะ เค้าแยกหน้าจองบ้านกับจองเต๊นท์ออกจากกัน
การจองที่พักของกรมอุทยานฯเนี่ย จะจองได้ล่วงหน้า 60 วัน (เป๊ะๆ) คือวางแผนว่าจะไป 4 ธ.ค. เพราะฉะนั้น 5 ต.ค. ก็เข้าไปจองได้แล้ว เพราะโดยปกติ ไม่ว่าอุทยานไหนๆ บ้านจะเต็มก่อน ..
ซึ่งจากการจองบ้านครั้งนี้ ได้เทคนิคมาเพิ่มหน่อยนึง คือ คนที่วางแผนจะไปเนี่ยส่วนใหญ่จะจองบ้านกันวันแรกที่เปิดเสมอๆ ที่สิ่งเกิดขึ้นคือ การจองบ้านต้องทำการจ่ายเงินใน 3 วัน เพราะฉะนั้นถ้าจองไม่ได้ หลังสามวันผ่านไปให้เข้าไปจองอีกที ส่วนใหญ่จะมีคนลืมจ่ายตังเสมอๆ .. 🙂
2. การเดินทาง
ภูกระดึง ถ้าไปจากกทม. เป็นที่ที่ไม่ควรเอารถไปอย่างยิ่งเนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้รถในการท่องเที่ยวเลย เดินอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าขับไปให้เหนื่อยเลย แถมตอนลงจากภูฯนี่ก็เหนื่อยระดับนึง การขับรถกลับทั้งๆที่เหนื่อยๆ ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่
เมื่อไม่ขับรถ .. ทางที่ดีที่สุดคือรถทัวร์ .. รอบนี้ที่ไป ไปรถของ บขส. รอบ 22.00 ถึง จุดลงผานกเค้าตอน 04.00 วันรุ่งขึ้น .. จริงๆรอบ สี่ทุ่มนี่จะมีรถ VIP ด้วย แต่จองไม่ทันเต็มซะก่อน .. ตอนซื้อตั๋วให้บอกว่าลง “วังสะพุง” แล้วค่อยบอกจนท.บนรถว่าจะลง “ผานกเค้า” หรือบอกว่าไปภูกระดึงเค้าก็น่าจะรู้ .. ถ้าให้ชัวร์ก็ซื้อรถที่ปลายทางเป็นเชียงคาน จะผ่านชัวร์ ..
หรือถ้าไม่ไปบขส.ก็ไปรถของ บ.แอร์เมืองเลย ก็ได้ .. เพราะขากลับเราก็กลับของเจ้านี้ รถบขส.ไม่ได้จอดรับที่ผานกเค้า
สำหรับคนที่ไม่เคยไป ตรงผานกเค้าจะมีร้านค้าที่ชื่อว่า “เจ๊กิม” เป็นร้านที่เกิดมาเพื่อการขึ้นภูกระดึงโดยเฉพาะ หลังลงรถทัวร์ตอนตีสี่ .. ที่ร้านเปิดเรียบร้อยแล้ว มีที่ให้นั่งพักผ่อน ล้างหน้าล้างตา ชาร์ตโทรศัพท์ กินข้าวกินปลา เตรียมตัวขึ้นสองแถว (คนละ 30 , เหมา 300) ไปขึ้นภูฯ ที่เปิดให้ขึ้นตอนเจ็ดโมง (มั้ง) ต่อไป
3. การเตรียมตัว
สิ่งของก็ส่วนใหญ่เป็นการไปค้างอุทยานฯทั่วๆไป ถ้าพักบ้านก็จะมีผ้าเช็ดตัวให้ด้วย ถ้าเต๊นท์ก็เอาไปเองหมด ข้างบนมีเบาะรองนอนกะผ้าห่มให้เช่า ส่วนบ้านมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วย ชิลเลย แต่ถึงแม้ว่าจะพักบ้านก็ไม่มีที่ชาร์ตโทรศัพท์อยู่ดีนะ ต้องชาร์ตที่ร้านค้า ไม่ก็ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ดี (ร้านค้าฟรี ศูนย์บริการคิดเงิน แต่ชาร์ตได้ตลอดทั้งวัน)
สิ่งที่ต้องเตรียมเพิ่มเติม ก็คือ ..
“ไฟฉาย” นอกจากใช้ตอนเดินไปมาในแคมป์แล้ว .. วันที่เดินไปดูพระอาทิตย์ที่ผาหล่มสัก จะต้องเดินกลับเป็นระยะทางประมาณ 9 กม. ซึ่งมันจะมืดแล้ว ควรมีไฟฉายอย่างน้อยๆ 2 คน อันนึงน่าจะดี จะได้เห็นทางชัดๆ ไม่สะดุดหัวคะมำตกเหวไปซะก่อน
“ยาคลายกล้ามเนื้อ” อันนี้ค่อนข้างจำเป็น เพื่อให้ไม่เกิดอาหารปวดเมื่อย เดี๋ยวจะไม่สามารถเดินข้างบนได้ หลังจากขึ้นไปถึงแล้ว
4. เดินขึ้น
ก่อนจะเดินขึ้นต้องเอาของไปฝากให้ลูกหาบ หาบขึ้นให้เรา เค้าคิดกิโลฯละ 30 บาท มีค่าธรรมเนียมตามจำนวนชิ้นอีกนิดหน่อย แนะนำให้ฝากลูกหาบให้หมด ถือแค่กล้องก็พอแล้ว
ตอนเดินขึ้นไม่มีอะไรมาก เดินไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ไปถึงปากทางขึ้นให้เร็วๆ เพื่อเดินขึ้นเป็นกลุ่มแรกๆ เดินชิลๆไม่ต้องรีบ ระยะทางชันประมาณ 5.5 กิโล ใน 5.5 โลนี้จะมีทางชันเวอร์ๆๆๆๆๆ ประมาณซัก 2.5 โล คือในช่วงแรกสุด และช่วงหลังสุด ..
หลังจาก 5.5 โล ก็เดินอีก 3.8 โล (มั้ง) เป็นทางราบๆไปถึงที่พัก .. จำได้ว่าครั้งแรกเดินขึ้นกันเร็วมาก แต่ครั้งนี้แก่ขึ้น เดินนานกว่าเดิมพอสมควรเลย
ไปถึงวันแรกก็พักผ่อน อาจจะเดินเล่นใกล้ๆ แวะไปไว้พระพุทธเมตตา ไรงี่้ (คราวนี้ไม่ได้แวะ)
5. เดินเที่ยว
หลังจากผ่านคืนแรก วันที่สองจะเป็นเสต็ปเหมือนๆกัน ตื่นเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น แล้วก็เดินรอบภูฯ .. ถ้าจำไม่ผิด ระยะทางทั้งหมดทีเดินวันที่สอง .. ประมาณ 22 กม. ซึ่งอย่างที่บอกว่า 9 กม.สุดท้ายจะมืดดด้วย ที่เที่ยวหลักๆก็ น้ำตกสามสี่อัน สระน้ำ หน้าผา .. ประมาณนั้น
.. ลืมบอกไปว่า ให้กินยาคลายกล้ามเนื้อก่อนนอนทุกคืน กันไว้ก่อนเลย
6. คลานลง
วันกลับก็ตื่นเช้าหาอะไรกิน … เริ่มเดินลงซัก 10 โมง จะได้พอมีเวลาลากสังขารลงมาได้ .. รอบนี้กลับรถเที่ยวบ่ายสาม ถึงเฉียดฉิวพอดี ตั๋วรถขากลับจะมาซื้อที่ร้านเจ๊กิมก็ได้ หรือถ้าให้ชัวร์ก็ซื้อมาจากกทม.เลยก็ดี แต่รู้สึกว่าขากลับรถจะไม่ค่อยดี รถ VIP ก็มีเที่ยวดึกเลย .. แต่ก็นั่งหลับๆมา ไม่ค่อยรู้สึกอะไรหรอก ถึงกทม. 5 ทุ่ม สลบ ….
รวมระยะเวลา 3 วัน 2 คืน
ค่าใช้จ่าย ..
– รอบนี้พักบ้าน คืนละ 2400 มั้ง ลดอีกนิดหน่อย 2 คืนก็สี่พันกว่า (บ้านพักได้ 8 คน แต่ไปกัน 4 นอนสบายมาก)
– ค่าลูกหาบ .. โลละ 30 (แพงกว่าปี 2006 สองเท่า)
– ค่าอาหาร .. ข้างบนมีทุกอย่างให้กิน ในราคาค่อนข้างสูง ของกินฮอตฮิตคือ หมูกระทะ (ชุดละ 500) กับ จิ้มจุ่ม ที่ใช้หมูกับน้ำจิ้มอันเดัยวกัน – -”
– ค่าชาร์ตโทรศัพท์ .. ของอุทยานฯ คิดค่าชาร์ตโทรศัพท์ 20 บาท Tablet 40 Battery Bank 40
– ค่าน้ำ .. สิ่งห์ขวดกลาง ตกประมาณ 60 น้ำแข็ง แก้วละ 10 บาท (ก็ยังจะกินกัน)
รวมๆประมาณนี้ .. ไม่รู้ว่่าจะได้ไปอีกทีเมื่อไหร่ …
December 19, 2013
แหงะ สรุปจิงๆ สั้นไปนะ นึกว่าจะมีเรื่องฮาๆ ระหว่างทางด้วย อิอิอิ
December 19, 2013
RT @iKaew: http://t.co/V7aNe1iZX0: Phukradung 2013 http://t.co/d4LfMvQav5
September 11, 2015
Kudos to you! I hadn’t thgohut of that!