Trang

กลับมาอีกแล้ววว พร้อมกับสีผิวที่เข้มขึ้นอีกเล็กน้อย (หึหึ) …
 
ก่อนจะเล่าเรื่อง ทริปที่ไปตรังมา มีเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นก่อนจะไปเที่ยว นั่นก็คือ เมื่อวันจันทร์หลังจากกลับมาจากเสม็ดกับเพื่อนๆ วันอังคารก็ได้มีนัดสัมภาษณ์โครงการโปรแกรมเมอร์อะไรซักอย่างนี่แหล่ะ (ชื่อยาวโครตๆ) วันนั้นก็ได้ตื่นเช้า เตรียมตัวไปสัมภาษณ์ครับ ออกจากบ้านเกือบๆเจ็ดโมง ออกมาได้ห้านาทีก็เหิดเหตการณ์ไม่คาดฝันขึ้น นั่นก็คือขณะที่ขับรถเข้าทางลัดจะไปออกดอนเมือง มีโค้งหักสอกอยู่ ก็เลี้ยวไปตาม(ที่คิดว่า)ปกติ อยู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์ พุ่งมาชนกันอย่างรวดเร็ว ตุ๊บ….ตุ๊บ….. เงียบ หลังจากอึ้งอยู่ประมาณ วิครึ่ง ก็ได้ ลงไปช่วยเค้าพยุงเค้าขึ้นมา พร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์เค้า แล้วก็ไปเลื่อนรถเราให้หลบออกจากถนน ในระหว่างนั้นห็เหลือไปเห็น.. "กรรม ยางหน้าตูแตกซะงั้น.." แล้วก็เรียกประกันมา เคลียร์ ประกันก็บอกว่าเราผิดก็จ่ายทุกอย่างไป (โชคดีที่ทำชั้น 1 ไว้) แล้วก็เปลี่ยนยาง สุดท้ายก็เอารถไปซ่อม (ต้องไปตั้งสองถึงสามที่) และแล้วเราก็หมดกำลังใจที่จะไปสัมภาษณ์ ทั้งๆที่ยังมีเวลาเหลือพอที่จะไปทัน …
             
 
เซ็งครับ….
เซ็งกับความประมาทของตัวเอง…
เซ็งกับการที่ต้องทำให้คนอื่นบาดเจ็บ ถ้าเค้าเป็นอะไรไป เราจะทำไงเนี่ย…
เซ็งกับการที่ต้องทำให้แม่เป็นห่วง… 
เซ็งกับการไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ… 
เซ็งกับความงี่เง่าของตัวเองที่ไม่ยอมตรวจสอบอู่ที่จะซ่อมให้เรียบร้อย….
แต่ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เป็นห่วง… วันนั้นรู้สึกดีมากๆ เพราะทำให้เรารู้ว่าคนที่เราอยากให้เป็นห่วงเค้าไม่ได้สนใจเราเรย เหอะๆ แต่เพื่อนๆเรากลับเป็นห่วงเรามากกว่าเยอะ ^_^
แล้วก็ขอบคุณ + ขอโทษ คุณลุงคนนั้น ที่อยู่ๆไปชนเค้า แล้วเค้าก็ยังใจดี ไม่เรียกร้อง + ว่ากล่าวใดๆ
 
และมันก็เป็นประสบการณ์อีกครั้งนึงของชีวิต …
 
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
 
พอแล้ว สำหรับความรู้สึกแย่ๆ แน่นอนคงไม่มีใครรู้สึกแย่ไปตลอด หรือ รู้สึกดีไปตลอด มันก็ต้องปนๆกันไปตามกฎของธรรมชาติ หลังจากรถชนได้หนึ่งวัน การเดินทางก็เริ่มขึ้น…
 
วันพุธที่ 10 เวลา 16.00 น. ก็ได้ออกจากที่ทำงานเนื่องจากพี่ๆที่ Office ใจดี ให้ออกมาก่อนก็มาเจอแม่ที่ lotus เอากระเป๋ากินข้าวเล็กน้อย แล้วก็ไปหาน้าที่ กรมขนส่ง (ตรงข้ามจตุจักร) …แล้วเดินทางไปขึ้นรถทัวร์ มุ่งหน้าสู่ จ.ตรัง ใช้เวลาเอินทางประมาณ 12 ชม. ถึงที่หมายเวลาประมาณ 8 โมง
 
วันแรก ก็เริ่มต้นด้วยการไปเข้าถ้ำ "ถ้ำเล-เขากอบ" ก็เป็นถ้ำที่ใหญ่ใช้ได้เลย ตอนเข้าและออกนี่ต้องนั่งเรือตลอดเรย ช่วงตอนจะออกนี่ต้องนอนราบไปกับเรือด้วย เนื่องจาน้ำจะสูงใกล้ชนหลังคาถ้ำเรย ก็สนุกไปอีกแบบ พอเที่ยวถ้ำเสร็จก็ไปเล่นน้ำตกต่อ คือ "น้ำตกสายรุ้ง" ก็หมดไปหนึ่งวันแระ พอไปเล่นน้ำตกแล้วเห็นรูปนี่แหล่ะ เพิ่งรู้สึกว่าตูอ้วนมาไปแล้ว ไม่ไหวๆ ต้องฟิตหน่อยแล้ว เหอะๆ
                           
 
วันต่อมา ตื่นมาพร้อมกับสายหมอกอันงดงาม (มีบางคนเชื่อว่าอยู่เชียงใหม่ อิอิ) พร้อมกับเตรียมตัวไปเยี่ยมาติที่จ.นครศรีธรรมราช ทำบุญวันวิสาข (ไม่ได้เข้าวัดมานานมากๆ)เสร็จแล้วตอนบ่ายแวะไปวัดพระธาตุมาด้วย แล้วเดินไปแถวๆที่เค้าขายเครื่องเงิน เกิดอยากได้เลทเงินขึ้นมา ก็เลยเดินๆดูสวยดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อเนื่องจากราคาแต่ละร้านต่างกันเหลือเกินแล้วอีกอย่างเราก็ดูไม่เป็นด้วย เรยอดเรย เอิ้กๆ ไปวัดเสดก็เย็นแล้วเลยมุ่งหน้ากลับสู่ตรัง
                           
 
วันที่สาม วันนี้มีนัดไปดำน้ำดูประการัง เริ่มต้นจากไปขึ้นรถที่เค้าจัดไว้ให้ ไปส่งที่เรือ นั่งเรือต่อไปอีกประมาณ หนึ่งชม. ก็จะถึงจุดดำน้ำ ทั้งหมดมีสี่ที่ด้วยกันคือ เกาะกระดาน เข้าถ้ามรกต เกาะม้า เกาะเชือก อันที่จริงอยากเอารูปประการังสวยๆมาฝาก แต่ไม่สามารถอ่ะ เหอะๆ  สรุปว่าวันนี้ดำน้ำไปสามที่ ถึงแม้คนจะเยอะนิดหน่อย แต่การที่ได้ดำน้ำ ฟังเสียงคลื่น ดูประการัสีต่างๆ มองเห็นปลานับร้อยนับพันว่ายอยู่รอบตัว มันเป็นการเพิ่มพลังชีวิตที่ดีที่สุดวิธีนึงเรยทีเดียว แนะนำมากๆ สำหรับใครที่อยากหลบไปพักจากความวุ่นวายที่พบเจออยู่ทุกวัน แถมกับขากลับนั่งอาบแดดมาบนเรือ ดำขึ้นเป็นกอง เอิ้กๆ แต่ก็รู้สึกดีมากๆเรย
                           
 
วันสุดท้ายก็ไม่ได้ไปไหน เตรียมมาขึ้นเครื่องที่ภูเก็ตแวะกินอาหารเล็กน้อย ก่อนขึ้นเครื่องก็แวะโยนโบลประกฎว่าน้าเค้าซื้อ package ไว้ ซัดไปคนละ เจ็ดเกมส์กะน้า(เยอะสุดที่เคยโยนเรยนะเนี่ย ยังปวดแขนขาไม่หายเรย) แล้วขึ้นเครื่องกลับถึงบ้านประมาณเที่ยงคืน ทำนู่นทำนี่ ตีหนึ่งกว่าก็ได้นอน เป็นอันจบการเดินทางทริปที่สอง ก่อนเข้าสู่ช่วงพักฟื้นร่างกายเตรียมสู้กันต่อกับปีสุดท้ายของชีวิตมหาลัยที่จะมาถึง ^_^
 
ทริปนี้ได้กินอาหารแปลกๆหลายอย่าง เช่น กบทอดกระเทียม (อันนี้ไม่ค่อยแปลกแระ) เนื้อกวางผัดเผ็ด ไข่มดแดง …^^
 
สุดท้ายก็มีอะไรเล็กๆน้อยๆ ที่บังเอิญไปเจอมา (ขออภัยผู้แต่งด้วยที่ที่จำที่มาไม่ได้)
  
 "การพลัดพราก ไม่ว่าจะจากไปหรือตายจาก
รสชาตินั้นก็มิได้แตกต่างกันเลย
ในขณะที่การจากกันเป็นเรื่องแสนเศร้า
หากแต่ว่าถ้ามีความทรงจำที่ดีร่วมกันแล้ว
ในความเศร้านั้น….ก็จะยังคงมีความงดงามซ่อนอยู่
ไว้ให้เราได้คิดถึงกันอย่างเป็นสุข …"
 

Trip Ko Kude

กลับมาแล้ว จากการไปทริปเกาะกูฎีคับ เหอะๆ ทริปนี้ได้อะไรมาเยอะเรย .. สนุก ฮา เมา เศร้า เหนื่อย ^_^ ก็จะเริ่มเล่าจากแรกสุดเลยละกัน
 
เช้าวันศุกร์ที่ 5 พ.ค. ครับ ตื่นมาเกือบๆตีห้า เก็บของเพิ่มอีกนิดหน่อยเพราะว่าเมื่อวานเก็บแบบขำๆ ยังไม่เรียบร้อยดี ตีห้าครึ่งก็เดินออกไปขึ้นแท๊กซี่ ซึ่งเงียบเรียกมาจากบ้าน มารับ แล้วก็ไปรับ ฝน บัว เสดแล้วก็ใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีก็มาถึงเอกมัย ประกฎว่ามาถึงกลุ่มแรกคับ ฮ่าๆ แล้วแป๊บนึงก็ตามมาด้วย เป็ด วะ ทู เปิ้ล โดม อีกแป๊บนึงตุ้มก็มาถึง ก็ได้ซื้อตั๋วรถทัวไป – กลับ บ้านเพ คนละ 297 B ทั้งหมด สิบสองคน แต่ถ้าดูดีๆจะเห็นนะว่ที่บอกชื่อไปยังไม่ครบ เพราะว่ามีสองสาวผู้ที่น่าเป็นห่วงเรื่องเวลาโครตๆ คือ แจนกะแอ๊น นัดกันอย่างดิบดีสุดท้ายกว่าพี่แกจะขึ้นแท๊กซี่ก็หกโมงครึ่ง มาถึงก่อนรถออกห้านาที เหอะๆ ทำเอาตื่นเต้นกันเล็กๆน้อยๆ เมื่อครบแล้วก็ได้ขึ้นรถ ซึ่งมุ่งหน้าสู่ อ.บ้านเพ จ.ระยอง

         

 
 
พอมาถึง อันดับแรกก็กินข้าวเรยคับมื้อนี้กินแบบธรรมดา เพราะยังอยู่ระหว่างเดินทาง กินเสร็จแล้วก็ซื้อของที่จะไปกินที่เกาะ ก็แยกย้ายกันไปซื้อ พร้อมกับโทรนัดเรือที่จองไว้ซื้อของเสร็จเหมารถสองแถวไปขึ้นเรือที่รีสอร์ทจารุวรรณอะไรซักอย่างนี่แหละ เรือที่นัดไว้เป็นสปีดโบท แต่มันลำเล็กนังได้สิบคนเอง แถมมีของด้วย ก็สองรอบคับท่าน เมื่อมาถึงเกาะ ก็รู้สึกดีคับ ทะเลๆๆๆ แต่เกาะนี้ไม่ค่อยมีหาดทรายขาวๆ เหมือนเกาะเสม็ดเลย เมื่อขนของเก็บของเข้าบ้านพัก ทำความสะอาดบ้านเล็กน้อย ก็พักผ่อน เดินเล่นถ่ายรูป มีกิจกรรม North Pole Challenge ฮ่าๆ เดี๋ยดูจากรูปก็จะเห็นคับ เสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไปด้วย เพราะกล้องที่ถืออยู่ในมือมันมีค่าเกินกว่าจะไปปีนป่ายๆ  เอิ้กๆ แล้วก็ไปเล่นน้ำกัน เล่นน้ำไปได้นิดเดียวเพื่อนเงียบก็ไม่มีอะไรทำคับ เอาเท้าไปเหยียบหอยเม่นซะงั้น หนามมันหักติดมาสองอัน เลยเลิกเล่นกันหมดเลย ตอนเย็นๆก็เริ่มก่อไฟ ปิ้ง ย่าง อาหารทะเลกัน แล้วก็ทะยอยกันอาบน้ำ แล้วก็แน่นอน มากันแบบนี้เราก็ได้แสดงผีมือ Killer กันอย่างสนุกสนาน (แต่ไมกูโดนโหวดออกบ่อยจังวะ ไม่เชื่อใจกันเร้ยยยย) พร้อมกันนั้น ก็นั่งดื่มเหล้ากันอย่างหนุกหนาน สุดท้ายก็เหลือเรากะเป็ด และ ฝน นั่งคุยกันถึงเกือบตีสาม ปรึกษาปัญหาชีวิตเล็กน้อย ขำๆ (มั้ง) แล้วหัวถึงหมอนก็หลับไป

         

 
เช้าวันต่อมา ตื่นแปดโมงซะงั้นนอนก็นอนหลังสุด ไอเป็ดกว่าจะตื่นก็สิบโมงกว่า เหอะๆ ก็ตื่นมาทำนู่นทำนี่ขำๆ ตอนเที่ยงก็ไปกินข้าวบนร้านอาหารซึ่งมีร้านเดียวบนเกาะ แล้วก็มีความเห็นกันว่าอีกคืนไปพักที่เสม็ดกันดีกว่า อันเนื่องมาจากความไม่สะดวกหลายๆอย่างบนเกาะนี้ บ่ายสามครึ่งก็ขึ้นเรือสปีดโบทลำเดิมมุ่งหน้าสู่เกาะเสม็ดคับ มาถึงเพื่อนๆดีใจกันใหญ่ เพราะสถาพที่พักที่เกาะกูฎี ไม่ค่อยน่าประทับใจ เย็นๆก็ออกไปเตะบอลคับ เหนื่อยๆแล้วก็เล่นน้ำ อ้อยังไม่ได้บอกว่าพักที่อ่าวทับทิม (ทำไมอ่าวนี้เกย์มันเยอะจังวะ เยอะโครตๆเลย เห็นแล้วอยากฆ่าคนฮ่าๆ) เล่นน้ำเสดอาบน้ำอาบท่า แล้วก็ไปกินข้าวกันใต้แสงเทียน เครียดครับ บรรยากาศแบบนี้ เห็นเพื่อนๆมากะแฟนแล้วอิจฉาโว้ยยย อิ้กๆ พอๆ เล่าต่อๆ ก็กินข้าวเสร็จก็สี่ทุ่มนิดๆ ก็เสต็ปเดิมคับ เล่นไพ่ กินเหล้า คืนนี้แอ๊น วะ เป็ด แจน มานั่งขำๆกัน แต่รู้สึกจะกึ่มกว่าเมื่อวานหน่อยนึง แถมวะถ่ายวีดีโอไว้ด้วย ฮาคับ เดี๋ยวได้มาจากตุ้มแล้วจะแจกจ่ายอีกทีนะ คนนี้ก็หลับไปซักตีสามหรือตี่สี่ได้มั้ง (ตอนนั้นไม่รู้เวลาแล้ว เอิ้กๆ)
 
วันสุดท้ายตื่นมา แปดเก้าโมงได้ก็ทะยอยอาบน้ำ เพราะต้องเช็คเอาท์ก่อนเที่ยงแล้วก็มากินข้าวกัน ถ่ายรูปๆๆๆๆ แล้วก็มีวูบนึงที่เพื่อนๆยังไม่อยากลับกัน อยากอยู่ต่ออีก แต่ก็แน่นอน งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราและแล้วเราก็ ขึ้นเรือกลับฝั่งมาประมาณบ่ายสองนิดๆ และนึกขึ้นได้ว่าพลาดไปอย่างนึง คือ ตอนมาถึงไม่ได้ไปบุคเวลาขากลับไว้ ปรากฎว่า ฮ่าๆ รอบต่อไปที่ขึ้นได้ก็คือทุ่มนึง เอิ้กๆ ก็อึ้งกันไปพักนึง แต่ทำไงได้เนอะ ก็ต้องรออยู่ดี ก็เลย ไปเตรียมของกินเล็กๆน้อยๆ ไปนั่งเล่น Killer กันริมทะเล แป๊บๆ ก็หกโมงครึ่ง กลับมาที่ท่ารถ ขึ้นรถได้จิงๆตอนทุ่มครึ่ง แล้วก็มุ่งหน้ากลับเข้าสู่กรุงเทพฯคับ ถึงเอกมัยห้าทุ่มเรียกแท๊กกลับบ้าน ทำนู่ทำนี่นิดหน่อยแล้วก็นอนคับ

         

 
Detail
วันที่ 5 – 7 พ.ค. 49
สถานที่ : เกาะกุฎี เกาะเสม็ด
จำนวน : 12 คน [แก้ว ฝน แจน แอ๊น เป็ด วะ โดม ตุ้ม ทู เปิ้ล บัว เงียบ]
ค่าใช้จ่าย : ประมาณ 1800 B
 
——————————————-
  • ภาพสวยๆจากทริปนี้ได้มารับรับความอนุเคราะห์กล้องจาก พี่หนึ่ง คับ^^
  • แอ๊นอย่าเครียดนะเว้ย
  • เดี๋ยววันที่ 11 นี้มีไปตรังอีกทริปนึงแล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกนะ
  • อัพ รูปงานบวชพูมเพิ่มแล้วนะ
  • รูปและวีดีโอ จะทยอยเอาลง Gallery ที่ http://ziithome.no-ip.org/gallery  นะ
 ——————————————-

คำแนะนำในการวางแผนวิชาเลือก

เหอะๆ วันนี้ขอวิชาการล้วนๆเลยละกัน พอดีว่าเคลียร์คอม (อีกแล้ว ) แล้วก้เจอแนวทางการเลือกภาคที่อ.ธนาเคยเขียนไว้ ดีมากๆๆ เลยอยากเอามาเผยแพร่ต่อ (ไม่รู้ว่าสายไปมั้ย) ก็ลองมาอ่านกันได้ สำหรับใครที่ไม่ได้อ่านคราวนั้น
 
คำแนะนำในการวางแผนวิชาเลือก (ฉบับ อ. ธนา)

ข้อแนะนำนี้เป็นข้อแนะนำของผม อาจไม่เหมือนคนอื่น คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้

การเลือกวิชาเลือกควรจะมองเป็น Top Down Design โดยเริ่มจาก

เราจะทำอะไรหลังจากจบแล้ว ทำงานเลย หรือ รอเรียนต่อ

เอากรณีทำงานก่อน ทำงาน จะทำงานอะไร ในตลาดแรงงานปัจจุบัน มีงานอยู่ 3 ด้านหลัก ๆ
– งานด้าน Developer หรือพวกเขียนโปรแกรม
– งานด้าน System ซึ่งได้แก่งานดูแลระบบ อาจเป็นระบบซอฟต์แวร์ หรือ ฮาร์ดแวร์ หรือ Network แต่งานในกลุ่มนี้จะไม่ต้องเขียนโปรแกรมมาก
– งานด้าน Hardware และงานอื่น ๆ

งานทางด้าน Developer
– งานในกลุ่มนี้มีตำแหน่งงานในตลาดมากที่สุด จากการคาดการณ์ของผมเอง เชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซนต์ของงานทั้งหมด ดังนั้นคนที่ตั้งเป้ามาด้านนี้ จะมีงานให้เลือกเยอะแยะ ภาษาที่นิยมใช้มากที่สุด คงจะเป็น JAVA ภาษาอื่น ๆ ก็คงจะเป็นพวกเว็บ เช่น JSP, PHP, ASP ภาษา C, C++ , VB อะไรประมาณนี้ ส่วนใหญ่งานจะเป็นงานที่ต้องติดต่อ Database บริษัทที่ทำงาน จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ บริษัทที่ทำซอฟต์แวร์ขาย คือ มี Spec ที่ออกแบบมาจากบริษัทเอง ไม่ต้องไปหา Requirement จากผู้ใช้ บริษัทประเภทนี้มักรับงานจากเมืองนอก แต่ก็เห็นหลายบริษัททำโปรแกรมขายในไทย ที่เริ่มมีมากก็คือเกม ปัจจุบันมีบริษัทเขียนเกมขายอยู่หลายบริษัทเหมือนกัน อีกประเภทหนึ่ง คือ บริษัท ที่ทำซอฟต์แวร์ประเภทสั่งทำ คือ ทำตามความต้องการของลูกค้า แต่บางบริษัทใหญ่ ๆ เขาก็มีแผนกซอฟต์แวร์เอาไว้เขียนโปรแกรมไว้ใช้ในบริษัทอย่างเดียว
ถ้าคุณต้องการทำงานด้านนี้ละก้อ มีให้เลือกไม่หวาดไม่ไหวเลย แต่หากจะทำบริษัทดี ๆ ก็อาจต้องแข่งกันหน่อย

งานทางด้าน System
– งานในกลุ่มนี้มีน้อยกว่ากลุ่ม Programmer ดังนั้นจะมีงานให้เลือกน้อยกว่า และมีการแข่งขันกันมาก ลักษณะงานจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ ดูแลระบบเฉพาะทางหรือซอฟต์แวร์เฉพาะทาง เช่น SAP ซอฟต์แวร์พวกนี้จะใหญ่ แพง จึงต้องมีคนเฉพาะทางมาดูแล พวกนี้มันมีเงินเดือนเยอะ เพราะคนเก่ง ๆ หายาก แต่เวลาย้ายงาน ก็ยากเหมือนกัน เพราะมีคนที่ใช้อยู่ไม่มาก กลุ่มที่ 2 คือ ดูแลระบบปฏิบัติการ เช่น Windows, UNIX กลุ่มนี้จะมีมากที่สุด หางานได้มากที่สุด และกลุ่มที่ 3 คือ ดูแล Network กลุ่มนี้จะมีตำแหน่งงานไม่มาก ออกไปทางน้อยด้วยซ้ำ บางที่เขาเอากลุ่ม 2-3 มารวมกัน คือ ให้ดูแล 2 อย่างเลย
นอกจากจะแบ่งตามลักษณะงาน แล้วหากแบ่งตามบริษัท แล้วจะได้เป็นบริษัทที่เป็น Implementor คือ รับติดตั้งระบบ คนที่ทำงานบริษัทพวกนี้ มักจะต้องรู้หลายอย่าง เพราะเวลาไปวางระบบ แต่ละบริษัทจะมีความต้องการไม่เหมือนกัน ทำให้ต้องอ่านหนังสือมาก และมักจะต้องทำงานช่วงกลางคืน เสาร์ อาทิตย์บ่อย ๆ เพราะเป็นช่วงที่ Down ระบบได้ อีกประเภทหนึ่ง คือบริษัท User ก็คือคนที่ดูแลงานในบริษัท มักเป็นงานดูแลรักษา แก้ปัญหาเป็นส่วนใหญ่ คนทำงานกลุ่มนี้ มักไม่รู้มากหลายด้าน แต่จะรู้ลึก เพราะทำงานใกล้ชิด และแก้ปัญหาหลายอย่าง

งานฮาร์ดแวร์และงานอื่น ๆ
– งานฮาร์ดแวร์ใครว่าไม่มี อันที่จริงแล้วมีแต่มีน้อย คนที่ทำก็ต้องใจรักหน่อย งานด้านอื่น ๆ ก็คือ งานวิจัย หลาย ๆ ที่เขาก็มีการรับนักวิจัย อีกด้านที่จัดเป็นงานอื่น ๆ ด้วยก็คือเป็นอาจารย์ไงครับ

เอาละ เมื่อยมือแล้ว ขอจบภาคแรกก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยมาเขียนต่อภาค 2

 
คราวนี้ก็มาดูลักษณะงานเทียบกับวิชาเลือกที่ควรจะลง

เอากลุ่ม System ก่อนก็แล้วกัน เพราะเป็นกลุ่มที่ผมเกี่ยวข้องมากหน่อย และมีข้อมูลที่เขารับสมัครงานกันมากที่สุด

ในกลุ่ม System นี้จะแบ่งเป็น 3 สายตามที่ได้กล่าวมาแล้ว

สำหรับสายที่ 1 ที่เป็นการดูแลซอฟต์แวร์เฉพาะจะไม่พูดถึง เพราะหายาก และจบใหม่ ไม่มีโอกาสอยู่แล้ว

สำหรับสายที่ 2 คือ ดูแลระบบนั้น จะแบ่งเป็น 2 ด้าน คือ Windows และ UNIX ซึ่งโดยทั่วไปกลุ่มคนที่ไป 2 ด้านนี้เขามักจะไปในแนวทางของตัวเอง คือ คนที่ไปทาง Windows เขาก็มักจะไปทาง Windows ไม่ค่อยเปลี่ยนมาเป็น UNIX คนที่ไปทาง UNIX ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไป Windows คนที่ทำงานกลุ่มนี้ ควรจะมีความกระตือรือร้น เพราะมักมีการเปลี่ยนแปลงของซอฟต์แวร์ตลอดเวลา ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และหนังสือที่ต้องอ่านก็มีปริมาณค่อนข้างมาก นอกจากนั้นต้องชอบแก้ปัญหา เพราะมักจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ่อย ๆ คนที่ทำงานในกลุ่มนี้ จะไม่สามารถควบคุมเวลาของตนเองได้ เพราะหากมีปัญหาก็จะต้องไปทำให้เสร็จ หากงานไม่เสร็จบางทีก็จะไม่ได้กลับบ้าน ดังนั้นหากคุณมีแฟนที่ต้องการเวลาที่แน่นอนจากคุณ อาชีพนี้อาจไม่เหมาะ

การทำงานในสายนี้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้ความรู้ที่เรียนมามากสักเท่าไร โดยเฉพาะวิชาเลือก เพราะมันเฉพาะทางมากเกินไป อย่าง Windows คงจะสอนไม่ได้หรอกว่าจะ Config อย่างไร เพราะเฉพาะตัว Windows 2000/2003 ถ้าจะเรียนกันจนเก่ง ก็คงต้องใช้เวลาเป็นเทอมแล้วละ แล้วยังมีซอฟต์แวร์อย่าง Exchange ที่เป็น Mail, SQL Server ที่เป็น Database Server และอื่น ๆ อีกเยอะ นอกจากนั้นยังมีซอฟต์แวร์ของ Third Party ที่จำเป็นต้องรู้อีกเช่น Antivirus, Firewall เรียกได้ว่าสามารถเทียบกับการเรียนปริญญาตรีได้ 1-2 ปีเลยทีเดียว สำหรับ UNIX ก็ไม่ต่างกันเท่าไร คือ มีเรื่องที่ต้องรู้เยอะ

ดังนั้นความรู้ส่วนใหญ่ที่ใช้ จะเป็นความรู้ที่เรียนรู้ระหว่างการทำงาน งานจึงหนักไงครับ โดยทั่วไปคนที่อยู่สายนี้เขาจะวัดความรู้กันที่ Certificate หรือใบประกาศที่แต่ละค่ายเขามีให้ไปสอบวัดความรู้ แต่ไม่ได้วัดทั้งหมดนะ คือ เขาจะดูใบ Cert ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเขาจะสัมภาษณ์เอา เดี๋ยวนี้บางมหาลัย ก็เลยให้เด็กสอบในระหว่างเรียนเลย

คนที่มุ่งมั่นจะไปสายนี้ ควรจะมีความเชี่ยวชาญในสายที่ตัวเองต้องการจะไป เช่น หากเป็น UNIX ก็น่าจะ Admin ระบบได้ หรือหากเป็น Windows 2000/2003 ก็ควรใช้งานในระดับ Admin ได้ ปัจจุบันมีตำราภาษาไทยอยู่เยอะ ลองหามาอ่าน ในการรับเข้าทำงานสายนี้ เขาจะไม่ดูเกรดมาก เพราะความเก่งของสายนี้มันไม่ขึ้นกะเกรดสักเท่าไร แต่ให้มากกว่า 2.5 ไว้เป็นดี เขาจะใช้วิธีสัมภาษณ์เพื่อวัดความรู้ และนิสัย ดังนั้นหากตอนนี้เราสามารถโชว์ความสามารถของเราออกไปได้ เราจะได้เปรียบค่อนข้างมาก ในการรับสมัครส่วนใหญ่เขาจะเข้มงวดพอสมควร เพราะส่วนใหญ่จะรับครั้งละไม่มาก ทีละแค่ไม่กี่คน จึงพยายามเลือกให้ดีที่สุด

คนที่ไปสายนี้ควรมี Skill ทางด้าน Programming เล็กน้อย ไม่ต้องมาก เพราะอาจจะมีการเขียนพวกสคริปต์ โดยเฉพาะ UNIX นี่ต้องใช้เยอะเลยนะครับ

วิชาที่ต้องเรียนในสายที่ 2 นี้ คือ จำเป็นต้องใช้
TCP/IP Networks เพราะต้อง Config ด้านนี้มาก ความรู้ด้านนี้ขาดไม่ได้เลย
Computer Security เพราะใช้ในการป้องกันระบบ
Network Security เพราะใช้ในการป้องกันระบบ
UNIX Programming สำหรับคนที่จะไปสาย UNIX

วิชาที่เสริมอาชีพในสายนี้
Introduction to Local and Wide Area Networks
Campus Network Design
Wide Area Network Design
Telecommunication Networks
Advanced Database Systems

คนที่จะไปสายอาชีพนี้ อาจมีวิชาเรียนที่สามารถนำไปใช้ไม่มากนัก ทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลที่ได้กล่าวมา ดังนั้นจะวิชาอื่น ๆ ก็เลือกได้ตามความชอบ แต่อย่าลืมฝึกฝีมือเอาไว้บ้าง

กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่ม Network นั้น ในทางปฏิบัติแล้ว มักหางานที่เป็น Network Pure ได้ยาก เพราะมันใช้คนน้อย เช่น บริษัทแห่งหน

Unload Nokia PC Suite

 
วันนี้มี Tip & Trick มานำเสนออีกแล้ว สำหรับคนใช้โทรศัพท์มือถือ Nokia แล้วใช้สาย Datalink หรือ Bluetooth ทำการเชื่อมต่อกะคอมโดยใช้ Nokia PC Suite ซึ่งมันจะเปิดตัวเองทุกครั้งที่เราเปิดเครื่อง (เครื่องยิ่งช้าๆอยู่อืดเข้าไปใหญ่) พอดีว่าวันนี้เคลียร์พื้นที่ Desktop แล้วเจอ Textfile บอกวิธีปิดการทำงานของ PC Suite คือไม่ต้องให้มัน run ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง ช่วยทำให้ windows start เร็วขึ้น
 
ขั้นแรกก็ต้องเข้าไปที่ Regedit โดยไปที่ Start >> Run แล้วพิม Regedit
 
เสดแล้วเข้าไปตาม Path ต่อไปนี้
registry HKEY_LOCAL_MACHINE
 \SOFTWARE
  \Microsoft
   \Windowss
    \CurrentVersion
      \run
 
ทำการแก้ไข ค่า ตามค่าต่อไปนี้ (เพิ่ม Disable เข้าไปนั่นเอง)
Name: PCSuiteTrayApplication
Type: REG_SZ
Value: DISABLED C:\Programme\Nokia\Nokia PC Suite 6\Launch Application 2.exe -onlytray
 
Name: DataLayer
Type: REG_SZ
Value: DISABLED C:\PROGRA~1\GEMEIN~1\PCSuite\DATALA~1\DATALA~1.EXE
 
– ข้างล่างเป็นรูปตัวอย่างของ Registry ที่ทำการแก้เสร็จแล้ว
 

A p r i l ‘ 0 6

หลังจากครั้งที่แล้วที่อัพนี่สาระล้วนๆ ยังไม่ได้พล่ามเลยรู้สึกหงุดหงิด เหอะๆ คราวนี้เลยมาบ่นซะหน่อยให้หายเครียด

ผ่านไปสองอาทิตย์แล้วสำหรับการฝึกงาน เร็วเหมือนกันเนอะ การฝึกงานนี่ก็ทำให้เราได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ความ

อดทน ตื่นเช้า (กว่าตอนไปเรียนอีก) ความรับผิดชอบด้วย แต่ที่สำคัญก็คือ มันทำให้เราเห็นคุณค่าของวันเสาร์อาทิตย์

มากขึ้น อารมณ์ประมาณเบียร์เชียร์เลยอ่ะ ซึ้งๆ เหอๆ

 

 

เริ่มเล่าเรื่องอะไรก่อนดีล่ะ วันก่อนไปฝึกงานแล้วหัวหน้าแผนกเค้าพาไปเลี้ยงข้าวด้วย ไปกันทั้งแผนกเรย (ประมาณ

9 คน ) ถ้าจะไม่ผิดเป็นร้านเดียวกะตอนที่พ่อด๋อยพาไปเลี้ยงตอนทำเรือกันที่บ้านโดม (ม. 3 เลยนะนั่นน่ะ) ก็อิ่มไปอีก

หนึ่งวัน แล้ววันก่อนสงกรานต์นะ ก็มี ผู้ลงสมัครสว.มาหาเสียงด้วย รู้สึกว่าเค้าจะเป็นที่ปรึกษาของ samart เลยล่ะ มา

ไซโคให้พนักงานเลือก เอิ้กๆ เค้าเอาใบแนะนำตัวมาให้เราด้วย แบบมองหน้าแถวถามว่า "น้องก็เลือกได้แล้วใช่มั้ย

คะ ?" เอ่อ … ขอบคุณนะ ที่เดาถูก หึหึ เสดวันนั้นยังไม่หมด พอตอนบ่ายครับ ก็เห็นผู้ชายคนนึง เดือนเข้ามา ถือปืนฉีด

น้ำมาด้วย เสดแล้วเค้าก็ยิงเลยคับ ทั้งชั้นเลย ยิงไปทั่วเลย พร้อมกับบอกสุขสันวันสงกรานต์ เรานี่แทบเอาตัวบังโน๊ต

บุคไม่ทันเรย เอิ้กๆ แต่ก็เห็นทำไมพนักงานยิ้มกันใหญ่ หันไปถามพี่ พี่เค้าบอกว่านั่นน่ะ เจ้าของ samart เลยนะ เอิ้กๆ

รู้งี้ปล่อยให้เค้ายิงโน๊ตบุคก็ดี จะได้ให้ซื้อให้ใหม่เลย ฮ่าๆๆ

 

 

อื้อ มีอีกเรื่องนึง สำหรับใครที่อยู่แถวระแวกบ้านเรา ก็ขอดีใจด้วยเพราะตอนนนี้ The Avenue ตรงแจ้งวัฒนะ (ติดกับ

Big C อ่ะ ) เปิดแล้ว แม้จะยังเปิดไม่หมดทุกส่วน แต่วันก่อนแอบไปเซอร์เวย์มาแล้ว เหอะๆ ของกินเยอะดี เท่าที่ดู

คร่าวๆ เน้นว่าคร่าวๆนะ ก็มี Fuji , KFC , The pizza , Swensen , Starbuck , Burgerking , Sisler, แล้วก็มีร้านอาหาร

ไทยอีกนิดหน่อยจำชื่อไม่ได้ ใครว่างๆ ก็ลองแวะไปได้นะ ^^ มีรูปถ่ายด้วยมารูปนึง

 

 

วันก่อนไปงานสัปดาห์หนังสือมา ได้นิยายมาสามเล่ม เหอะๆ เป็นนืยายสืบสวนน่ะ  ชุดเดียวกันด้วย คือมีพระเอกคน

เดียวกันหมดทั้งสามเล่ม แต่เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกัน ปรากฎว่า สามเล่มอาทิตย์เดียวจบครับ รู้สึกว่าไม่คุ้มเลย ที่ว่าไม่คุ้ม

นี่นึกว่าน่าจะอ่านจบซักตอนเปิดเทอม ใครอยากอ่านมายืมได้นะ ^_^ มีหน้าปกมาให้ดูด้วย 3 เล่มคือ หลง , กลลวง ,

เล่ห์ เป็นไง ชื่อเท่มะ เหอะๆ

 

ปล. สงกรานต์ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างอ่ะ เอาของฝากมาเลย เราอยู่บ้านอีกแล้วปีนี้ เอิ้กๆ….

Scroll to top