Thailand Flood : อัพเดท เขตดอนเมือง #2

หลังจากอัพเดทไปเมื่อเช้า บ่ายโมงกว่าๆขออัพเดทอีกที

 

ย้ำอีกทีว่ารูปทั้งหมดถ่ายจากบริเวณนี้

 

[mappress mapid=”8″]

 

ปล. ขออัพลงบล็อกจะได้ไม่ต้องไปโพสต์ URL เดียวไปเลย รูปเยอะ

 

เกือบเที่ยง น้ำเริ่มเอ่อมาจากคูระบายน้ำ
มุมสูง ข้างนอกนนั้นเกือบๆเข่า
เดินมาหน้าหมู่บ้าน ตกใจ ยามให้น้ำเข้ามาได้ไง
วัดระดับน้ำ
เดินมาดูคลองประปาอีกที (ลองเทียบกับโพสต์ที่แล้วดูนะ)
ที่เห็นนั้นไม่ใช่เข้าหน้าที่ .. เป็นคนหาปลา
ไปดูรูปเมื่อเช้านะ
ตัวนี้แหล่ะ ที่เค้ามาหาๆกัน ปลาก็เยอะ
นอกกำแพงหมู่บ้าน
วัดระดับน้ำ ให้เห็นความแตกต่าง
จุดนี้แหล่ะ ที่น้ำไหลออกมาจากทุ่ง
ปิดท้ายด้วยรูปสนง.เขตดอนเมือง มาถึงตอนบ่ายกว่าๆ

Thailand Flood : อัพเดท เขตดอนเมือง #1

ไม่รู้จะเอารูปไว้ที่ไหนเลยลงนี่ละกันง่ายดี ..

 

รูปทั้งหมดถ่ายจากบริเวณนี้

 

[mappress mapid=”7″]

 

ที่เห็นไกลๆลิบนั้นคลองประปา น้ำเริ่มมาถึงกำแพงหมู่บ้านตอนเก้าโมงกว่า
ซอยที่เห็นจากภาพบน ข้างนอกหมู่บ้าน
คลองประปา หันหน้าไปถ.แจ้งวัฒนะ ล้นมาทางดอนเมือง
หันหลังให้คลองประปา น้ำในทุ่งเยอะมากจนน่ากลัว
เลียบคลองประปาแทบวิ่งไม่ได้
จุดที่ล้นเข้าทางดอนเมือง หลังหมู่บ้านเศรณี

Thailand Flood : มาห่อรถด้วยกันมั๊ย

 

ตอนแรกก็ว่านิ่งๆ ไม่สะทกสะท้านกับข่าวน้ำท่วม …

กระสอบทรายแถวตึก .. หลอนเกิ๊นน สองกว่าถนนร่วมสองเมตร

แต่อยู่ๆไป ก็ทนไม่ไหว โดนไซโคเยอะเกิ๊น สุดท้ายเลยโรคจิตจนได้ ได้เสียตังค์ ไปซื้อพลาสติกมาห่อให้หายจิดตก

 

พลาสติกอันนี้ เห็นครั้งแรกที่เว็บ http://www.iurban.in.th/highlight/water-away-capsule/

 

ที่ตัดสินใจซื้อ  มาสาเหตุมาจาก

– รถเพิ่งซื้อ เพิ่งจะห้าหกเดือนเอง

– ยังต้องใช้รถอยู่ไปๆกลับๆ (ตราบใดที่มันยังไม่ท่วม)

– ที่จอดรถตามตึกเต็มหมดแล้ว แล้วก็ยังไงจอดในบ้านก็น่าจะปลอดภัยสุด

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ไปซื้อกัน ที่งาน Homepro expo ที่เมืองทอง (ร้านอยู่ Hall  7) สนนราคา 3900 บาท !!! (แพงเกิ๊น)

 

ใครสนใจติดต่อบริษัท ดิจิตอลเซิร์ฟ  โทร 027190120 หรือติดต่อ K.Tong เซลในงาน Homepro Expo ที่เมืองทอง โทร 0858020122

บรรจุภัณฑ์ หนักประมาณ 10 กิโลกรัม

ซื้อมาแล้ววันแรก ต้องใช้สามคนในการห่อรถ

วันนี้เลยเอาใหม่เพื่อให้เข้าออกได้ง่ายๆเลยไปซื้อท่อ PVC มาทำเสา … แล้วมัดกับเสาบ้าน

 

แต่กลัวท่อทำพลาสติกขาด … เลยถอดเสาออก แล้วก็มัดกับเสาบ้าน จะได้เข้าออกง่ายๆ

 

ผลที่ได้ก็เป็นดังนี้

กางเป็นมุ้งเลย
ข้างใน มัดปลายด้านนึงไว้แล้ว
เอารถเข้าจอด
อีกมุม

พอเอารถเข้าเสร็จก็เปิดตูดทิ้งไว้ซักพักให้มันหายใจ แล้วค่อยมัดข้างหลัง (แต่วันนี้ขี้เกียจมัด รอให้น้ำมาแล้วค่อยมัดก็ยังทัน)

 

แนะนำให้จอดรอให้รถเย็นก่อนแล้วค่อยเอาเข้า เพราะความร้อนอาจมีผลต่อพลาสติกได้

 

คนขายบอกว่าเป็น PET .. ได้คุยกับคนยกของมาส่งเค้าบอก ปกติเอาไว้ใช้กับกระชังปลา .. เรื่องน้ำซึมคงไม่มี ถ้าไม่ขาดหรือมัดไม่ดี

 

ที่เหลือก็แค่รอให้น้ำท่วม .. แค่นั้น (ท่วมเห๊ออ ซื้อมาแพง…)

Android App : Locale ตั้งค่าเครื่องตามสภาพแวดล้อม

ได้เวลาเสียตังค์กันอีกแล้วว ..

จริงๆต้องขอเกริ่นก่อนว่าแอพตัวที่จะพูดถึงวันนี้ เป็นแอพที่แอบเล็งไว้ตั้งแต่ก่อนซื้อมือถือแล้ว (สมัยนั้นมันยังฟรีอยู่เลย)

แล้วอยู่ๆมันก็หายจาก Market ไปพักนึง .. สุดท้ายมันก็กลับมาแล้วว

แอพที่ว่าคือ  Locale  

สิ่งที่แอพตัวนี้ทำ เป็นอะไรที่พื้นฐานมากๆคือการตั้งค่าต่างๆของเครื่องตามสภาพแวดล้อม .. ยกตัวอย่างเช่น สั่งให้ปิดเสียงตอนอยู่ที่ทำงาน สั่งให้เปิด WiFi ตอนอยู่บ้าน .. ปรับความสว่างหน้าจอตอนออกไปข้างนอก เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งมือถือมันควรจะทำได้ตั้งแต่เกิดแล้วว

 

ไหนๆ ก็เคยพูดถึงการซื้อของในแอพของแอนดรอยด์ (In-app Purchase) ไปแล้ว คราวนี้เลยลองว่าด้วยการซื้อแอพจาก Android Market บนมือถือดูบ้าง

ในที่นี่ผมได้ผูกบัตรเครดิตกับ Google Checkout ไว้แล้วจึงไม่เห็นหน้าจอการตั้งค่า Google Checkout แต่รายละเอียดตรงนั้นไม่ยาก ลองทำตามๆคำแนะนำแป๊บเดียวก็ได้

ขั้นแรกก็เข้าไปที่แอพที่จะซื้อใน Android Market … จะเห็นราคาเป็นเงินบาทอยู่ในปุ่มสีน้ำเงินด้านบนขวา .. ต้องบอกก่อนว่าราคาตรงนี้เป็นราคาประมาณ แปลงมาจาก US Dollars ซึ่งเวลาคิดเงินจะเป็นเป็น $ แล้วบัตรเครดิตจะไปแปลงอีกทีตามค่าเงิน ณ สิ้นสุดวันนั้น

          

 

ขั้นต่อมาก็แค่กดปุ่มสีฟ้าที่ว่า .. ถือว่าเริ่มขั้นตอนซื้อ

ให้เช็ครายละเอียดกูเกิลแอคเคาท์กับบัตรเครดิต.. แล้วกด Accept & buy ซักแป๊บมันก็จะตรวจสอบแล้ว Download มาลงเองโดยอัตโนมัติ

พอดาวโหลดเสร็ตจะเห็นหน้าจอเหมือนด้านล่าง คือมีปุ่มให้เปิดแอพ .. หรือจะขอคืนเงิน (Refund) ซึ่งเราสามารถขอคืนเงินได้ภายใน 15 นาทีหลังจากกดซื้อ (เอาเข้าจริงๆ 15 นาทีนี่แทบยังไม่ค่อยได้ใช้เลย)  .. ก็เป็นอันเสร็จการซื้อแอพ (ง่ายเกิ๊น)

จบเรื่องรายละเอียดการซื้อ … มาลองดูตัวแอพกันบ้างว่ามันทำอะไรได้บ้าง ?

 

เข้าหน้าแรกมาจะเจอกับหน้าจอ Situation .. เอาไว้ดูว่าเราตั้งค่าไว้กี่สภาพแวดล้อม (ฟังดูแปลกๆเนอะ)  .. ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่มีเลย

สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือ กด Add Situation .. เพื่อตั้งค่าตามสถานการณ์ต่างๆ

ซึ่งการตั้งค่าก็จะมีสองส่วน ส่วนแรกคือเงื่อนไข (condition) เพื่อเช็คสภาพแวดล้อม ว่า พิกัด GPS เข้าข่ายรึเปล่า เช็ค WiFi เช็คเวลา ไรเงี้ย

         

อีกค่า คือค่าที่จะให้ปรับ (setting) ว่า ถ้าเข้าเงื่อนไขแล้วจะให้ปรับอะไร บ้าง เช่น ปรับแสง เปลี่ยนริงโทน ปิดสั่น เปิด WiFi เป็นต้น

                     

เมื่อเราตั้งค่าเสร็จกด Save ก็เป็นอันเสร็จสิ้น …  ซึ่งเราสามารถเพิ่มตัว Situation ได้เรื่อยๆตามแต่เราต้องการ ที่บ้าน ที่ทำงาน วัด เจอ WiFi คว่ำโทรศัพท์ ตอนกลางคืน ไรเงี้ย ตามสะดวก

พอเราสร้าง Situation แรกเสร็จ ตัวโปรแกรมจะขึ้นมาให้เราสร้าง Default Situation .. เพราะเวลาไม่เข้าข่าย Condition ไหนเลย .. โปรแกรมจะเปลี่ยนเครื่องเราให้กลับเป็น Default .. เพราะฉะนั้นค่านี้ก็คือค่าเดิมๆของเครื่องเราที่เราอยากให้เป็นตลอดเวลานั่นเอง

เมื่อเราตั้งค่าของ Default Situation เสร็จก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ ที่เหลือก็ให้มันทำหน้าที่ของมัน … เราก็จะได้ไม่ต้องคอยระวังว่าเวลางานจะทำให้เสียงโทรศัพท์รบกวนคนอื่น หรือเวลาออกมาข้างนอกแล้วก็ลืมเปิดเสียงจนไม่ได้ยิน .. ราคาก็ตกประมาณ 120 กว่าบาท คุ้มอยู่นะ 🙂

 

อ้อ .. อีกอย่างนึง เนื่องจากแอพนี้มีมานานมากก ตั้งแต่ยุคแรกๆเลย แล้วคนพัฒนาก็ทำให้รองรับ Plugin ได้ด้วย แปลว่าเราสามารถลง Plugin เพื่อเพิ่ม Condition / เพิ่ม Setting ได้ด้วย เช่น มี Plugin Twitter ให้ลองเล่น .. พอเราถึงที่ทำงาน (เช็คกับ GPS) ก็ให้ทวีตทันทีไรเงี้ย (โรคจิตเกิ๊น)

ซึ่งตัว Plugin มีให้ลองเล่นเพียบเลย ทั้งฟรีและเสียตังค์ .. ลองเล่นกันดูนะคร๊าบบ 🙂

 

Summary Info

Name : Locale

Developer two forty four a.m. LLC

Link https://market.android.com/details?id=com.twofortyfouram.locale

Size : Varies with device, Less than 1 MB on Galaxy S

Requires Android : 1.5 and up

Price : 3.99 $

ADSL Modem Router : Netgear vs Buffalo

 

พอดีว่า Router ตัวเก่าเพิ่งจะเอ๋อๆ ..  เลยไปถอยตัวใหม่มา Buffalo … มา ราคา 1150 บาทที่ IT Square อันนี้เน้นถูกเพราะว่าตัวโหลดบิตมี NAS อยู่แล้ว เลยไม่ต้องการ Feature อะไรเยอะแยะ

 

เลยลองเอามาเทียบกับตัวเก่า Netgear ดู

Netgear คือ รุ่น DG834G (version 5)

Buffalo คือ WBMR-HP-GNV2

ขอออกตัวล้อฟรีไว้ก่อนว่าทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวจากการใช้งานจริงของตัวเองนะคร๊าบบ 🙂

 

สิ่งที่ทั้งสองตัวทำได้

– ต่อ ADSL (แน่นอน เพราะมันเป็น Modem ทั้งคุ่ O_o)

– Lan 1 Gbps  x 4 port

– รองรับ WiFi Security WPA2 TKIP/AES

– WPS (ไม่ได้ใช้หรอก)

– มีเสาแยก

– Forward port (Virtual Server)

– Remote Management ( Config Router จาก Internet)

– Dynamic Domain (ex. Dyndns)

– Log

– Qos

– UPnP

 

 

Netgear DG834Gv5

ข้อดี : 

รูปร่างหน้าตา ขาวมุมมนๆสวยงาม เอาไว้โชว์ได้ เสาเล็กๆน่ารักๆ

ระบบ Access List / MAC Filtering ใช้งานง่ายกว่ามาก ตอน Add เข้า List สามารถใส่รายละเอียดได้ว่า MAC ไหนเป็นเครื่องไหน

ระบบ Log ถึงแม้ว่าจะแยกรายละเอียดได้ไม่เยอะเท่าอีกตัว แต่สามารถตั้ง Schedule ให้ส่งเมลได้ อันนี้เจ๋งมากสำหรับบ้านพักทั่วไป แล้วก็ log จะไม่หายไปจนกว่าจะ Restart Router

มี Domain ให้เข้าไป Config ด้วย คือ http://www.routerlogin.com ไม่ต้องเข้าด้วย IP Address

 

ข้อเสีย : 

เวลาเน็ตหลุดชอบทำให้เวลาของ router เพี้ยนไปด้วย ทำให้ดู log ไม่รู้เรื่อง

มีปัญหากับ อุปกรณ์ของ Apple บางตัวที่มองว่ามี package Dos จาก อุปกรณ์ยี่ห้อนั้น

 

 

 

 

 

 

 


 

 

Buffalo WBMR-HP-GNV2

ข้อดี : 

มีระบบ Eco ตั้ง Schedule ให้ปิดหรือทำงานแค่บางส่วน เพื่อประหยัดไฟ สั่งให้ปิดไฟ LED ได้

ระบบ Log สามารถตั้งให้ส่งไฟ Syslog server ได้

สามารถมีได้หลาย SSID / ใช้ AOSS ได้

Wireless n @ 150 Mbps

มี Dynamic Domain ให้เลือกมากกว่า (1 อัน)

 

ข้อเสีย :

Log เปิดดูแล้วบางทีก็หายไปเลย ถ้าอยากเก็บไว้ดูต้อง save ลงเครื่องมาเก็บไว้

เสาดูต้นใหญ่ 5dB แต่ดูเหมือนสัญญาณจะสู้ Netgear ไม่ได้ (เทียบจาก Router อยู่ชั้นสองแล้วเล่นจากมุมอัพในชั้นล่าง)

ระบบ DHCP โง่ไปหน่อย ถ้ามี IP ในวงที่ตั้งค่าเองไปแล้ว แต่อยู่ในช่วงที่แจก DHCP ด้วย ตัวนี้ไม่สนใจ .. ยังแจกให้เครื่องอื่นอีก #กาก

หน้า Config มีปัญหากับ Adblock ทั้งหลาย เพราะมี Class ชื่อ “AD_BODY” เลยทำให้พวกนั้นนึกว่าเป็นโฆษณา – -”

 

 

 

 

 

 


 

ใครมีอะไรสงสัยก็ลองถามมาได้นะคร๊าบบ  ตอนนี้เอา Netgear ตัวเก่ามาเสียบใช้งานแทน .. ตอนแรกนึกว่าเจ๊งเห็นเน็ตหลุดๆ แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเน็ตกากนั้่นเอง … สุดท้ายเรียกช่างมาดู ได้เปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่าง ตั้งแต่กล่องขาวก่อนต่อเข้า Router / การ์ด DSLAM อะไรซักอย่างที่ชุมสาย แล้วก็สุดท้ายช่างเรียกให้อีกทีมมาเดินสายโทรศัพท์ในบ้านให้ใหม่ด้วย .. หวังว่าจะหายกากซักที 😛

 

ปล. จริงๆมี Router Linksys ตัวเมพพิมพ์นิยมอยู่อีกตัวที่เอามาลง Custom Firmware ทำเป็น Bridge อยู่ .. ไว้ว่างๆค่อยพูดถึงมันละกัน 🙂

Scroll to top