สร้างนามบัตรจาก Facebook โดย Moo.com

 

วันก่อนว่างจัด นั่งเล่นเฟซบุคเพลินๆ กดไปกดกดมาก็พบว่า เว็บ Moo.com ได้ร่วมมีบริการสร้างนามบัตรจาก Profile Facebook ของเรา ..  เลยลองเข้าไปดู ..

แล้วก็พบว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงแนะนำ สามารถสั่งนามบัตรที่ว่าฟรี 50 ใบ .. ถ้าอยู่ในอังกฤษนี่ส่งฟรีด้วยซ้ำ แต่เราอยู่คนละซีกโลกขนาดนี้ ก็ต้องเสียค่าจัดส่งกันนิดหน่อยประมาณ £2.75 .. ก็ร้อยกว่าบาท ใครอยากเล่นแนะนำให้รีบหน่อยนะ

 

หน้าตานามบัตร

วิธีทำก็ง่ายมาก แค่เข้าไปที่ หน้า About ของ Profile ของ Profile เราแล้วดูตรง Contact Info จะเห็นว่ามีปุ่มสี่เหลี่ยมหน้าตาคล้านนามบัตรโผล่ออกมา ก็กดเลย

ปุ่มสร้างนามบัตรที่ Contact Info

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มันจะให้ใช้ Facebook login เข้าไปยังเว็บ Moo.com แล้วเอารูป Cover ของเราแต่ละอันมาสร้างเป็นนามบัตรให้ แล้วเอาข้อมูล Contact Info ของเรามาวางไว้ให้ โดยเราสามารถแก้ไขข้อมูลใดๆบนนามบัตรก็ได้เลื่อนรูป Cover ได้ด้วย

หลังจากปรับแต่งจนสาแก่ใจ ก็ได้เวลา Check-out กรอกที่อยู่ .. จ่ายตังค่าส่งให้เรียบร้อย สุดท้าย เว็บก็จะคำนวณให้ว่าจะส่งถึงเราประมาณเมื่อไหร่ .. (แต่ถ้าอันถูกสุดนี่แนะนำให้บวกเวลาไปอีกเดือนนึง)

สุดท้ายก็จะได้พัดสุตามรูปด้านล่าง 🙂

หน้าตาแพคเกจ
กล่องนามบัตร มีคำว่า Facebook
เปิดฝาออก
Quote ดึงมาจาก Facebook เช่นกัน
วางพร้อม … จะได้ใช้หรอ …

 

 

ขอความช่วยเหลือของ SCB Easy ผ่านทวิตเตอร์

วันนี้เข้าไปหน้าดู Statement ของบัตรเครดิต SCB ไม่ได้ เลยลองทวีตถามไปยัง @SCBEasy ที่น่าจะเป็นผู้ดูแลบริการด้านนี้

 

… หลังจากผ่านไป 7 ชม. ก็ได้คำตามตามด้านล่างนี้ … อาจจะนานไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็ยังแก้ปัญหาได้

 

.. ขอดึงมาจาก Storify ตรงๆเลยละกัน เผื่อใครเจอแบบเดียวกันอาจจะพอช่วยได้

อีกหนึ่งก้าวเล็กๆ .. ของ Takeatax

เมื่อวาน เป็นอีกวันในชีวิตที่ควรเขียนเก็บไว้

 

อย่างที่หลายๆคนอาจจะไม่ทราบ ว่าผมมีโปรเจคที่ไม่ค่อยได้เล่าอยู่อันนึง คือเว็บ Takeatax.com

 

ซึ่งเป็นเว็บที่คอยรวบรวมข้อมูลของการขึ้นแท็กซี่ในบ้านเรา มาแชร์ระหว่างผู้ใช้บริการด้วยกัน

 

โปรเจคที่ว่านี้ ใช้เวลาทำๆหยุดๆมาเกือบปี .. จนถึงวันนี้ มีแท็กซี่ในระบบร่วม 2700 คัน .. มีความเห็นรวมๆกว่า 3000 ความเห็น

 

เมื่อประมาณหกเดือนก่อน ได้รับการโปรโมทโดยเว็บไซต์ IT24 Hrs.

 

และมาถึงเมื่อวานนี้ ผมได้รับการติดต่อขอสัมภาษณ์ จากคุณโย (@yoware) เพื่อออกอากาศทางวิทยุในรายการ MCOT .NET (100.5 Mhz)

 

ซึ่งโดยส่วนตัว ถือว่าเป็นก้าวเล็กๆที่ค่อนข้างจะมีค่าทางจิตใจ เลยมีสิ่งที่อยากบันทึกไว้ตรงนี้ .. คือ

 

เมื่อปลายปีก่อน ตอนที่ได้เริ่มคิด และลงมือทำโปรเจคอันนี้ ใช้เวลาวันเสาร์และวันอาทิตย์อันน้อยนิด ที่ถูกแบ่งมาจากเวลาอันน้อยนิดอีกที

 

โดยในวันนั้น หวังเพียงแค่เพียงว่า มันจะมีประโยชน์กับผู้คนในสังคมบ้าง

 

และในวันนี้ มันได้พิสูจน์(เล็กๆ)แล้วว่า ถ้าเราตั้งใจทำอะไรซักอย่างเพื่อใครสักคน

 

ผลตอบแทนที่ดีที่สุด คือความอิ่มเอมใจ … ที่อย่างน้อย เราได้สร้างอะไรไว้บ้าง มากกว่าที่จะเกิดมาแล้วก็สลายหายไปอย่างเงียบๆ

 

อีกอย่างนึงคือนี่เป็นโปรเจคแรก ที่ทำคนเดียว และทำมันได้ยาวนานหลายเดือนโดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจซะก่อน

 

ขอขอบคุณหลายๆคนที่มีส่วนร่วม ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว

แต่ที่คงต้องเอ่ยชื่อไว้ตรงนี้คือ น้อง @ZestzeroZ ที่ทำโลโกน้องแท็กซี่ให้งดงามขนาดนี้ ..

ท่าไม้ตายสำหรับกู้ชีพ Galaxy S

จริงๆเคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่เขียนเรื่องเกี่ยวกับการ Upgrade ROM โทรศัพท์มือถือซักเท่าไหร่ เพราะว่า ROM มันอัพเดทถี่มาก สิ่งที่เราเขียนไว้ก็จะอายุสั้นตามไปด้วย วิธีหนึ่งๆอาจจะใช้ได้แค่ช่วงเวลาสามสี่เดือนเท่านั้นเอง แต่วิธีที่จะเขียนอันนี้ ถือว่าเป็นท่าไม้ตายเก็บไว้ละกัน เพราะหลังจากลงรอมนู่นนี่ แล้วมีปัญหาบูตไม่ขึ้น Apply .zip กี่ตัวก็ไม่หาย … วิธีสุดท้ายที่ควรลองคือ ทำอันนี้

หมายเหตุ ทั้งหมดนี่คือวิธีที่ทำกับ Samsung Galaxy S แล้วได้ผล .. ส่วนรุ่นย่อยที่คล้ายกันอาจจะต้องหาข้อมูลอย่างอื่นประกอบด้วยนะครับและข้อมูลการตั้งค่าทั้งหมดหายเกลี้ยง … แต่พวกรูปถ่ายและไฟล์เพลงต่างๆยังอยู่ครบ

 

มาดูวิธีกัน

1. เช็คว่าเข้า Download Mode ได้ (สามปุ่ม Home + Power + Volume Down)

2. เข้าไป Download DarkyROM 10.2 Resurrection GT-I9000 พร้อมวิธีที่นี่ http://www.darkyrom.com/community/index.php?threads/odin-darkyrom-10-2-resurrection-gt-i9000.4272/ หรือถ้าขี้เกียจอ่านก็ Direct Link ที่นี่ http://www.multiupload.com/XWD2GIFMMM แล้วทำตาม step ข้างล่าง

 

ขออธิบายเพิ่มนิดนึงว่า พักหลังๆเนี่ย การอัพเกรดรอมของ Galaxy S ก้าวหน้าไปมาก .. ทุกวันนี้แค่เอาไฟล์รอม ที่เป็น .zip ไปวางใน Internal SD Card ของเครื่อง แล้วเข้า CWM (Clock Work Mod) เสร็จแล้วก็สั่ง Apply .zip ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ซึ่งพอมีปัญหาเนี่ย บางทีไฟล์มันปนๆกันไปหมดแล้ว เราก็แก้ด้วยการเอาไฟล์ชุดใหม่ใสกิ้งๆลงไปทับเลย (เหมือนเอา Ghost ของ windows ไปใช้อะไรประมาณนั้น)

3. พอเข้าใจประเด็นแล้ว ก็เริ่มลงตัว Darky 10.2 RE เลย ตัวนี้จะลงผ่าน Odin .. ซึ่งในไฟล์ที่ Download มานั้น เค้าก็เอาตัว Odin มาให้เสร็จเลย

4. เริ่มจากควรปิด Kies ก่อน (ถ้ามีรันอยู่) อาจจะดูทั้งที่ Tray icon หรือว่าเข้าไปดู Task manager หาอะไรที่มีคำว่า Kies ก็ kill ทิ้งให้หมด

5. Unzip ไฟล์รอม 10.2 RE แล้วก็เปิด Odin ที่อยู่ข้างใน

6. ติ๊ก Repartition เลือก PIT ไฟล์ เลือก PDA ไฟล์ ..

7. เข้า Download Mode ในโทรศัพท์ (หน้าจอต้องเป็น สามเหลี่ยมเหลืองๆเกือบเต็มจอ)

8. เสียบสายเข้าคอม จะเห็นว่ามี Port Comxx เป็นสีเหลืองๆใน Odin

9. กด Start ..  (ถ้า step มันไปข้างที่ setup connection แปลว่า odin คุยกะโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง ลอง search ในเน็ตดู ไม่ต้องตกใจ)

10. พอทำเสร็จโทรศัพท์จะ restart … แล้วใช้เวลาพักใหญ่ก็น่าจะบูตขึ้น

11. พอบูตขึ้นแล้วคราวนี้ก็มีสองทางเลือกคือ อัพเกรดเป็น Darky Rom เวอร์ชันล่าสุด ก็หาอ่านเอาจากเว็บ Darky เลย

หรือ ถ้าอยากไป Rom อื่น ก็ก๊อบไฟล์ .zip เข้าเครื่อง แล้วเข้า Recovery เข้าไป Apply .zip ก็เป็นอันจบ (ส่วนตัว ณ วันนี้ขอแนะนำ OneCosmic)

 

 

.. วิธีนี้ใช้คืนชีพ Galaxy S มาแล้วสองเครื่อง คิดว่าน่าจะทำได้เหมือนกันๆ .. หรือถ้าไม่อยากลงตัวนี้ ก็ไปหารอมตัวอื่นที่ลงกับ odin น่าจะแก้ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็น image file เอามาทับเลย ..

.. อาจจะเขียนห้วนๆไปนิด ยังไงใครทำตามแล้วสงสัยอะไร ลองโพสต์ถามมานะคับ

 

Hope it can help ~~~~~

 

AIS eService on Android

หลังจากที่เคยสรรเสริญ AIS มาเมื่อครั้งทำแบบสอบถามบนเว็บไม่รัดกุม ..

คราวนี้ขอมาพูดถึงกันอีกครั้งใน eService แอพบน Android มั่งดีกว่า

โดยส่วนตัวเป็นคนใช้ eService เข้าไปดูนู่นนี่อยู่แล้ว และปกติการเข้าใช้ eService เนี่ย จะต้องรับรหัสทาง SMS .. บางทีก็รำคาญ

แต่แอพ eService บน Android ถือว่ามากลบจุดอ่อตรงนี้ได้ .. ยังไง ?

 

eService App เนี่ยเวลาเราใช้งานนั้นจำเป็นต้องต่อเน็ต ซึ่งมันก็มีสองทางคือไม่ WiFi ก็ 3G (หรือ Edge)

จุดเด่นของแอพก็คือ ถ้าเราต่อเน็ตผ่าน 3G ซึ่งก็วิ่งเข้าเครือข่าย AIS อยู่แล้ว .. ทำให้เราไม่ต้อง Login eService เลย

เพราะ AIS สามารถรู้ได้จาก Sim Card ว่าเบอร์ปัจจุบันของเราเป็นเบอร์อะไร ก็แค่เอาข้อมูลของเบอร์นั้นออกมาให้ดู .. นั่นเอง

แต่ถ้าเราเข้าแอพตอนต่อเน็ตด้วย WiFi .. ก็ต้องรอรับรหัสทาง SMS เหมือนเดิมนั่นเอง

ที่เหลือคือ .. แล้วมันทำอะไรได้บ้าง ?

ต้องบอกว่า .. มันทำอะไรได้น้อยมาากกกกกกก ในเมนูทั้งหมดนั้น บางอันก็เด้งไปเปิดเว็บ .. บางอันก็กดแล้วให้โทร 1175 แทน .. จริงๆ ถ้ายังทำไม่เสร็จก็ไม่น่าใส่เมนูมาให้รกนะ

เมนูเดียวที่จะดูพอมีประโยชน์อยู่บ้าง คือ รายละเอียดการใช้งาน .. ที่จะบอกรายละเอียดย้อนหลังไปในรอบบิลนี้

ส่วนเมนูที่เหลือ .. ไม่ต้องกดไปให้เปลืองแรง .. รอให้เค้าทำเสร็จก่อนค่อยว่ากันดีกว่า .. แถมบางทียังค้างเอาดื้อๆ (ขนาดโปรแกรไม่ค่อยมีไรนะเนี่ย

 

ตัดจบเอาดื้อๆ ..

อ้อ แถมอีกรูปว่า ถ้าไม่ได้ต่อ 3G จะเจอหน้า Login แบบนี้ .. แล้วก็รอ SMS ตามระเบียบ (ถ้ายากขนาดนี้ ใช้ผ่านคอมฯธรรมดาเหอะ)

Scroll to top