2 Bad Sectors of 2 Disks in 2 Days

 

เกิดความเศร้าใจเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา (11-12.07.09)

เมื่ออยู่ๆพีซีที่บ้านพอเข้า My Computer แล้วออกอาการค้างๆ กดไปกดมาปรากฏว่าไม่สามารถเปิดโฟลเดอร์ข้อมูลบน Harddisk ที่ไว้เก็บเฉพาะข้อมูลลูกนึงได้ ทำไปทำมาอยู่พักนึงพอจะได้แนวทางแก้ไขด้วยการ Scan disk ซึ่งใช้ตามนี้คือ

 

1. เข้า Command Line (Start > Run > Type “cmd”  Enter)
2. พิมพ์ “chkdsk [Drive]: /f /r”  ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการ scan drive d: ใช้คำสั่ง “chkdsk D: /f /r” เป็นต้น

 *ที่เข้าใจคือ /f คือ Auto Fixed Errors และ /r คือ Locate Bad Sector and Recover ไว้แก้เวลาเจอ Bad Sector ถ้าสงสัยลองใช้คำสั่ง chkdsk/? ดูอีกทีนะ

 

หลังจากทำการ scan Disk ทั้งสาม Drive ของลูกที่เสียหายก็พบว่ามี 2 Drives ที่สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติ แต่อีก Drive ยังเอากลับมาไม่ได้เลยทิ้งไว้อย่างนั้นก่อนไว้มีเวลาค่อยกลับมาหาวิธีเอา กลับมาโดยไม่เสียข้อมูล เพราะถ้า Format ไปตอนนี้กลัวว่าข้อมูลข้างในจะหายไปด้วย

 

=======================  จบไปหนึ่งวัน  ========================

 

 

พอตื่นมาวันอาทิตย์เพื่อนๆชวนเล่น DotA เปิดเครื่องมา … แต่น แตน แต๊นนนน … Boot เข้า Windows ไม่ได้ !!!

ขึ้นจอฟ้าซะงั้น พร้อมกับ Error ที่ว่า UNMOUNTABLE_BOOT_VOLUME น้ำตางี้แทบไหล ลองนู่นๆนี่ก็ยังไม่หาย เข้า Safe Mode ก็ไม่ได้ หลังจากเศร้าใจอยู่พักนึงเลยจะลอง Scandisk ดูบ้าง แต่ว่าปัญหามีอยู่ว่าจะ Scandisk ได้ยังไงในเมื่อยังเข้า windows ไม่ได้ด้วยซ้ำ วิธีการแก้ไขที่ได้ผลมีดังนี้

 

1.  เนื่องจากว่า ยังเข้า windows ไม่ได้ เราต้องทำการ run ตัว scandisk จาก Tools นอก windows ในที่นี้ได้เลือก ตัว Hiren BootCD ซึ่งข้างในมี Tools อยู่เยอะพอสมควรคิดว่าน่ะครอบคลุมกรณีใหญ่ๆได้หมด สิ่งแรกที่ต้องใส่ใจคือ เครื่องที่เราจะทำนั้นต้องสามารถ Boot จากแผ่น CD ได้ ถ้ายังไม่ได้ลองทำตามนี้ http://www.hiren.info/pages/bios-boot-cdrom

2. เมื่อมีเข้าแผ่น  BootCD (หรือบางคนอาจจะใช้เป็น Bootable USB drive ก็ได้)  ทำการ Boot เข้า CD ซึ่งมีเครื่องมือให้ใช้เยอะมาก แต่ Case นี้ลองด้วยตัวแรกคือ HDAT2 เพื่อทำการ Check Disk ดูก่อนผลปรากฏว่า bingo !!  เจอ Bad จริงๆด้วยและตัวโปรแกรมได้แก้ไขให้เรียบร้อย Harddisk ขนาด 250 GB ใช้เวลาประมาณ ชม.กว่า ก็ Scan เสร็จ

3. เมื่อ Scan เสร็จทำการ Restart คราวนี้พบว่าเข้า windows ได้แล้วและตัว scan disk ของ windows ทำงานอีกรอบก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นการแก้ปัญหาคราวนี้ แต่คิดว่าเจอ Bad คราวนี้มันส่งสัญญาณไม่ค่อยดีเลย อาจจะเนื่องมาจากมีการถ่ายข้อมูลจาก Notebook ขนาดใหญ่มากๆเพื่อเตรียมตัว Format Harddisk Notebook ><~

 

ปล.ตัว Hiren BootCD นี่ไม่สามารถหาที่ Download ให้ได้อาจจะต้องใช้วิทยายุทธ์เล็กน้อย 🙂

  

Useful Links

http://support.microsoft.com/kb/315265

http://technet.microsoft.com/en-us/library/bb457122.aspx

http://technet.microsoft.com/en-us/library/bb491051.aspx

ทำ USB Bootable http://www.pantip.com/tech/article/article.php?id=144

 

 

เป็นอันว่าเสาร์อาทิตย์นี้หมดไปกับการชุลมุนซ่อม PC เลยทำให้กำหนดการการ Format Harddisk ของ Notebook ต้องเลื่อนออกไปอีก ขอปิดท้ายด้วยรูปเบอร์เกอร์กับรูปกรุงเทพฯสวยๆจากทางด่วนหน่อยนึงละกัน 😛

 

DSC00491DSC00487

Unzip Online : Wobzip

วันนี้มีเว็บมาแนะนำดีๆเว็บนึง

เคยเจอปัญหากันมั๊ยเวลาไปอยู่ต่างที่ต่างถิ่นต่างคอม แล้วมีไฟล์ใน Flash Drive หรือว่า มีไฟล์ซิบ (Zip) ที่ต้องการแต่ว่าไม่มีโปรแกรม Unzip จะหามาลงก็ทำไม่ได้ หรือหาได้ก็ไม่มีสิทธ์ลง (เวอร์จิงๆเชียะ)

เว็บที่นำเสนอ คือ :  http://www.wobzip.org/

ชนิดไฟล์ที่รองรับ : 7z, ZIP, GZIP, BZIP2, TAR, RAR, CAB, ISO, ARJ, LZHCHM, Z, CPIO, RPM, DEB and NSIS

เชิญที่เว็บนี้เลย สามารถ Unzip ไฟล์ใดๆที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะอยู่บนคอมเราหรืออยู่ในอินเตอร์เน็ต อันหลังนี่มีประโยชน์มากๆ เช่นมีไฟล์ Zip บนเว็บนึงขนาด 20 MB แต่เราต้องการไฟล์ Text ไฟล์เดียว ขนาด 2 KB ที่อยู่ข้างใน เราก็แค่เอามันเข้าเว็บนี้แล้วก็โหลดเฉพาะที่เราต้องการ ประหยัดแบนวิทด์ช่วยชาติได้ด้วย ฮ่าๆ

ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย แค่ Browse File ที่ต้องการแล้วก็กด wobzip! แค่นั้น ก็ได้ไฟล์ข้างในทันที ทั้งนี้ยังสามารถ unzip ไฟล์ที่มีรหัสผ่านได้อีกตังหาก เจ๋งปะล่ะ แต่สถานะของ Project นี้ยังเป็น Develop อยู่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่ากังวล อย่างน้อยก็เอาไว้ใช้เวลาฉุกเฉินได้เนอะ ^^

webzip

Credit : LifeHacker.com

How to Remote to Your Computer

 
^^ หลังจากไปพักผ่อนมาเล็กน้อยเราก็มาแนะนำวิธีต่างๆ ในการจัดการกับคอมพิวเตอร์ของคุณเมื่อคุณไม่ได้อยู่หน้าเครื่องบ้างดีกว่า …
 
เริ่มต้นด้วย ถ้าเราเปิดเครื่องไว้ … และต้องการเข้ามาที่เครื่องของเราจากที่ไหนก็ได้ในโลก ที่มีอินเตอร์เน็ต(ฟังดูดีมั้ย)
 
– Remote Desktop

เป็นวิธีนึงที่ง่าย แทบไม่ต้องลงอะไรเพิ่มเติมเลย แค่เครื่องเราที่เปิดไว้นั้น ทำการ Enable ให้สามารถ Remote เข้ามาได้ ก็เป็นอันเรียบร้อย

มาดูวิธี Enable Remote Desktop กัน >>>>

ขั้นแรก คลิกขวาที่ My Computer เลือก Properties

ขั้นที่สอง ในหน้าต่าง System Properties เลือก Tab Remote

ขั้นที่สาม ทำเครื่องหมายถูกในช่อง “Allow users to connect remotely to this computer”

กด OK ก็เป็นอันว่าสามารถ Remote จากเครื่องในเครือข่ายเดียวกันเข้ามาได้แล้ว

ถ้าเครื่องที่เราต้องการ Remote เข้าไปนั้นอยู่ในวง Lan เดี๋ยวกัน ก็ใช้ IP หรือ ชื่อเครื่อง ได้เลย

โดยตอน Remote ให้เข้าจากเครืองไหนก็ได้ ทำดังนี้ >>>>

ไปที่ Start > All Programs > Accessories > Communications

> Remote Desktop Connection

เสร็จแล้ว ก็ใส่ข้อมูลดังนี้

  Computer : [ชื่อเครื่อง หรือ IP Address]

  User Name : User ที่เครื่องปลายทาง

  Password : Password ของ User ด้านบน

  Domain : ใช้ทีกรณีที่มีการ Login User แบบ Domain โดยปกติว่างไว้

  กด Connect ก็เป็นอันเรียบร้อย จอคอมปลายทางจะถูกกระชากมาทันที ^^

remote1

  ** หมายเหตุ เครื่องปลายทางต้องเปืด(Allow) Firewall ไว้ด้วยนะ Port 3389

แล้วคราวนี้ มีคำถามเพิ่มเติมว่า ถ้าไม่ได้อยู่ในเครือข่ายเดียวกันล่ะ ? แบบเปิดเครื่องไว้ที่บ้าน แต่ตัวเราอยู่มัลดีฟส์ จะทำอย่างไร

วิธีการก็ไม่ซํบซ้อนมากนัก ก็คือต้องตอบคำถามว่า ทำอย่างไรจึงจะรู้ IP ของเครื่องที่บ้านเราได้หว่า ?

แน่นอน เน็ตบ้านๆอย่างที่เราๆท่านๆใช้กันอยู่นั้น ไม่มี IP ที่ถาวร เปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกครั้งที่เน็ตตัด

วิธีก็มีอยู่ว่า ให้เราใช้บริการของ http://www.no-ip.com/ (หรือเจ้าอื่นก็ได้) ซึ่งให้บริการที่เรียกว่า Dynamics DNS

โดยตอนสมัครนั้นก็ตั้งชื่อ พร้อมกับเลือก Domain เรียบร้อยแล้วก็จะมี Client เล็กๆมาให้ลงที่เครื่องเรา

ซึ่งเมื่อลงโปรแกรมและตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว (ไม่ยากหรอกขอตัดตอนเลยละกัน)

เราก็รู้ IP เครื่องเราโดยผ่าน Domain Name ที่เราเลือกไว้ตอนสมัครบริการ Dynamic DNS นั้นเอง

ซึ่งคราวนี้เราสามารถใส่ Address ของคอมเราแบบนี้ได้เลย  Computer : [XXX..no-ip.org]

ก็สามารถเข้าถึงเครื่องเราจากที่ไหนก็ได้แล้ว ^^

  ** หมายเหตุ ถ้าที่บ้านใช้ ADSL ผ่าน Router ต้องทำการ Forward Port 3389 ไปที่เครื่องดังกล่าวด้วยน่อ

ก็เป็นอันจบวิธีที่หนึ่ง

– Logmein

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถเข้าเครื่องของเราจากที่ไหนก็ได้ในโลก…

Logmein คือบริการของ Website www.logmein.com โดยเมื่อเข้าเว็บไซต์และทำการสมัคร (แบบฟรี) เรียบร้อยแล้ว

เราก็จะได้โปรแกรมเล็กๆมาลงไว้ที่เครื่องเช่นเดียวกัน โดยโปรแกรมนี้จะเชื่อมต่อกับเว็บไว้ตลอดเวลา

เวลาที่เราต้องการใช้งานก็เพียงแค่เข้าเว็บ www.logmein.com แล้วก็ทำการ เลือก Remote Control กลับมาที่เครื่อง

เพียงแค่ลง ActiveX เล็กๆครั้งนึง เราก็สามารถใช้งานเครื่องเราผ่านเบราเซอร์ได้เลย ถือว่าสะดวกมากๆ ไม่ต้อง Forward Port ด้วย

ตัวอย่าง …

remote4 

 remote2 remote3

เว็บนี้ต้อง Credit นายเอ็กซ์ [SET] เลย

– Remote to Shutdown

ถ้าต้องการ Shutdown คอมธรรมดานั้น สามารถทำได้ง่ายๆ

แค่คลิกขวาที่ Taskbar ด้านล่าง เลือก Task Manager แล้ว Toolbars ด้านบน เลือก Shut Down > Turn Off ก็เรียบร้อย

แต่ถ้าต้องการ ตั้งเวลาปิดหรือ Restart มีโปรแกรมเล็กๆตัวนึงมาแนะนำ เป็น Timer Shutdown ที่ใช้งานมานานแล้ว ไม่ค่อยงอแงด้วย

วิธีใช้ก็แค่ Double Click เปิดโปรแกรม แล้วจะเป็น Console ดำๆ เลือก Option ที่ต้องการแล้ว Enter พร้อมตั้งเวลาก็เป็นอันเรียบร้อย

จิงๆที่ชอบใช้ตัวนี้ก็เพราะมันยังทำงานเสมอ แม้ว่าตอนนั้น User เราจะ Switch Off ไปแล้ว หน้าตาเป็นแบบด้านล่างเลย

 remote5

– Remote Power On

อันนี้เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆเลย สำหรับการเปิดเครื่องเมื่อเราต้องการ

โดย การใช้งานนั้นมีความต้องการเล็กน้อยคือ เครื่องที่เราต้องการเปิด ต้องมี Feature Wake On Lan หรือ PME ในบางยี่ห้อ

ส่วนใหญ่มักจะมี แต่ถูก Disable ไว้ สามารถเปิดได้จาก Bios > Power Management อันนี้ Wording แตกต่างตามยี่ห้อเมนบอร์ด

อีกข้อที่ต้องการคือต้องเสียบสาย Lan ทิ้งไว้

การใช้งานนั้น เราจะต้องอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ด้วย เพราะเป็นการใช้ MAC Address ในการส่ง Packet ให้มันทำงาน

เริ่มโดยการ เปิดโปรแกรม Command Promt  Execute > WOL.exe  [MAC Address]

เช่น C:\WOL\>WOL.exe 02febb32 เป็นต้น เครื่องเราก็จะยิง Packet เล็กๆไปเปิดเครื่องปลายทาง

ตัวอย่างเมื่อเราเอามาเขียนเป็น Batch File ไว้ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

remote6

Wake On Lan นี่ Credit พี่ป๊อบ [SET] คับ

 

หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับใครสักคนบ้าง ^^ ”

PS. WOL.exe กับ TimerShutdown เดี๋ยวจะ Up ไว้ให้เที่ Sky Drive ของ Live นะคับ // Write by Windoes Live Writer

 http://tziit.skydrive.live.com/browse.aspx/Remote%20Tools

http://tziit.skydrive.live.com/browse.aspx/IP Config File Exanple

 
 

Windows Crash by : a347bus.sys

 
พอดีว่ามีเพื่อนท่านนึงได้เอาคอมพิวเตอร์มาให้ซ่อม เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เลยเอามาเก็บไว้เป็น Case Study ไว้หน่อย เผื่อจะมีใครเจอปัญหาแบบเดียวกัน
 
(ซึ่งไม่น่าจะมี เอิ้กๆ) เริ่มเลยละกัน
 
อาการขั้นแรกเกิดจากว่า เปิดเครื่องมาปุ๊บแล้ว พอถึงขั้นตอนการโหลดเข้า Windows XP (ที่เป็น Logo แล้วมีแถบสีฟ้าวิ่งๆด้านล่าง) พอผ่านหน้านี้ไป ก็เงียบเลย
 
รอซักพักใหญ่ๆ ก็ยังเงียบอยู่ หลังจากประชุมกันอย่างลับๆ(กับใครวะ..) ก็เลยสรุปได้ขั้นต้นว่าวินโดว์เจ๊ง – -" … 
 
มาดูวิธีแก้ไขกัน ขั้นตอนแรกหลังจากเข้าวินโดว์ไม่ได้ก็คือ ลงวินโดว์ใหม่ เอ้ย ไม่ใช่ๆ คือการเข้า Safe Mode (กด F8 ก่อนโหลดเข้า Windows)
 
เมื่อเข้า Safe Mode รอบแรก ขณะที่กำลังโหลด System file ก็มี ข้อความขึ้นมาว่า ให้กด ESC เพื่อทำการ Cancel การโหลดไฟล์ a347bus.sys
 
ซึ่งรอบแรกก็ไม่ได้กดอะไร รอซักพักอาการก็เหมือนเดิม คือจอมืดๆนิ่งไปเลยย
 
รอบต่อมาลอง Restart ใหม่ แล้วลอง Cancel เพื่อ ไม่โหลดไฟล์ a347bus.sys ปรากฏว่ารอไปประมาณ 5 นาที ก็เข้า Safemode ได้
 
(ไอเราก็ว่างเนอะ นั่งรอได้) เมื่อเข้า Safemode ได้ อันดับแรกที่ลองคือ ลอง ใช้ System Restore ย้อนเครื่องกลับไปประมาณเดือน มกราคม
 
ปรากฏว่า ไม่สำเร็จ และหลังจากที่ลองค้นหาด้วย Google ดูแล้ว พบว่าไฟล์ปัญหา (a347bus.sys) เป็นไฟล์ของโปรแกรม Alcohol 120%
 
ซึ่งก็ไม่สามารถ Uninstall ใน Safemode ได้.. แย่จริงๆ ต่อมาลองเข้า Device Manager ก็พบว่ามี driver ตัวนึง Error
 
คือ "Plug and Play BIOS Extension" ลอง Update Drivers ก็ไม่สำเร็จ … หลังจากใช้ความพยายามอยู่ 3 วัน (ประมาณวันละ ครึ่งชม.)
 
ก็ได้วิธีแก้ไขแล้ว โดยเข้า Safemode แล้วไป Device Manager หาตัวที่ Error เลือก Disable มันซะ เพื่อไม่ให้มันโหลด
 
หลังจากนั้น restart ก็จะพบว่า .. เข้า windows ตามปกติได้แล้ววว  แล้วก็แน่นอน.. อย่างแรกที่ต้องทำคือ Uninstall Alcohol 120%  ออกก่อน
 
สุดท้ายก็เป็นอันเสร็จพิธี .. สรุปว่าน่าจะเป็นเพราะ File Driver ของเจ้า Alcohol 120% เจ๊ง… เลยทำให้ Windows บูตไม่ขึ้นไปด้วยย
 
^^
 
 

Webservice # 2

 
อ๊ะ มาเรื่อง Webservice กันต่อดีกว่า ก่อนที่จะลืมไปหมดเหมือนทุกๆครั้งไป เอิ้กๆ
 
เพิ่มเติมจากครั้งก่อนหน่อยนึง ว่าถ้าเครื่องเรายังไม่ได้ลง IIS ไว้ ก็จะไม่สามารถสร้างโปรเจคแบบ Webservice ได้
 
การติดตั้ง IIS นั้นก็ง่ายนิดเดียวเลย
 
เข้า Control Panal > Add or Remove Programs
 
เสร็จแล้วตรงแถบด้านซ้ายจะมี ICON  Add/Remove Windows Components กดเลยครับ
 
หลังจากนั้นจะมีอีกหน้าต่างขึ้นมา ติ๊กเพิ่มที่ IIS แล้วถ้าจะให้ดี กด Detail เข้าไป Add FTP Service ข้างในไว้ด้วยเลย
 
เสร็จแล้วก็ทำตามขั้นตอน (Next ๆ ไป ) อาจจะมีเรียกแผ่น Windows เล็กน้อยก็ให้ๆเค้าไป ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการลง IIS
 
เมื่อสร้างโปรเจค Webservice  ได้แล้ว (ได้จริงๆซักที อุปสรรรคเยอะจิง – -")
 
ซึ่งตอนสร้างก็จะมีให้ใส่ Path ของ Project ไว้เรียกใช้ จำไว้นิดนึงก็ดี
 
พอได้โปรเจคมาแล้ว จะมีไฟล์ต่างๆมาให้ 2-3 ไฟล์
 
หลักๆที่เราต้องสนใจเลย คือไฟล์ Service1.asmx เมื่อเปิดมา (เปิดแบบ View Code)
 
เลื่อนมาดูด้านล่าง จะมี Code ส่วนหนึ่งถูก Commment ไว้
 
ลองเอา Comment ตรงส่วนที่นี้ออก

[WebMethod]

public string HelloWorld()

{

 return "Hello World";

}

แล้วลอง Build ดู

เสร็จแล้ว ลองเข้า URL จาก IE ได้เลย เช่น http://localhost/Webservice1/Service1.asmx  [สมมติว่าชื่อโปรเจคคือ Webservice1]

ลองเข้าที่ Hello World แล้วกด Invoke เลย ถ้ามี ผลลัพธ์เป็น Hello World ล่ะก็ แสดงว่า Webservice อันแรกของเราสำเร็จแล้ว

ต่อมา เราก็แค่สร้าง Function ใหม่ โดยมี [WebMethod] อย่าบรรทัดด้านบน ก็จะได้ Service อันต่อมา

ซึ่ง ผลลัพธ์ของ Service นั้นๆก็คือผลลัพธ์จากการ Return ของ Function นั้นๆเอง 😛

วันนี้พอแค่นี้ล่ะ เดี๋ยวขึ้นไปงานปีใหม่ของ IT ก่อนล่ะ ไปลุ้นรางวัลซะหน่อย อิอิ

Scroll to top