เดาการทำงานของข้อความสแปมในไอโฟน

ช่วงที่ผ่านมาน่าจะมีชาว iPhone หลายๆคนได้รับสแปม Messages ซึ่งก็มีการคาดเดากันไปต่างๆนาๆ รวมถึงมีการโย่งไปยังโครงการไทยชนะของรัฐบาลด้วย ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าไม่เกี่ยว ลองมาดูกันว่าทำไม …

เรามาเริ่มทำความเข้ากัน เริ่มจากแอพ Messages ของ Apple เนี่ย ทำหน้าที่สองอย่าง คือ

  1. รับ/ส่ง SMS ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
  2. รับ/ส่ง iMessage ซึ่งเป็น Protocol ในการรับส่งข้อความของ Apple จะวิ่งผ่านอินเตอร์เน็ตไปยัง server ของ Apple เพื่อส่งไปยังปลายทาง

ใน iPhone เนี่ย By Default เวลาเราเปิดใช้งาน iMessage .. ตัว iMessage จะทำการ activate หรือเรียกง่ายๆว่าบอกไปยัง Apple ว่าเบอร์โทรนี้ (จาก simcard โทรศัพท์มือถือ) และ email นี้ (จาก Apple Id) ได้เปิดใช้งาน iMessage แล้วนะ

หน้าจอสำหรับ ปิด/เปิด iMessage เข้าไปที่ Settings > Message

พอมีการเปิด app เพื่อจะทำการส่งข้อความ เมื่อเราเริ่มพิมพ์เบอร์หรือเลือก contacts ที่เราจะส่งให้ จะสังเกตเห็นได้ว่าเบอร์โทรเหล่านั้นมีสีเขียวและสีฟ้า โดยสีฟ้าหมายถึงเบอร์นั้นๆได้เปิดบริการ iMessage ไว้ ข้อความที่จะส่งก็จะส่งไปทาง iMessage ในขณะที่ถ้าเป็นสีเขียว แปลว่าเบอร์นั้นไม่ได้ใช้ iMessage อยู่ แปลว่าแอพจะมีการถาม Apple ตลอดว่าเบอร์นั้นๆเปิด iMessage ไว้หรือไม่

นอกจากนี้แล้ว ถ้าเราไปดู Settings ของ iMessage เราจะพบว่าการส่ง Message ออกจาก iMessage นั้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ส่งออกจาก

  1. เบอร์โทรศัพท์ (ซึ่งตามตัวได้)
  2. email (ที่ตามตัวได้ยากกว่า)

นั่นแปลว่า ถ้าเราแก้ไข้ iMessage ให้ส่งออกจาก email แล้วเลือกเบอร์ใดๆที่เป็นสีฟ้า (iMessage activated) เราจะสามารถส่งข้อความที่มีผู้ส่งไปหาเบอร์โทรศัพท์ของใครก็ได้ โดยที่ปลายทางไม่รู้เลยว่าเป็นใคร (อาจจะรู้จากอีเมลได้)

ขั้นสุดท้าย จะพบว่าอีเมลที่เอามาส่ง iMessage นั้น สามารถเพิ่มได้ เพราะ iMessage จะเอา email ที่ผู้กกับ Apple Id มาใช้ ซึ่งเราสามารถเพิ่มได้เรื่อยๆ ถ้าเราไปสมัครอีเมลบ้าบอมาอันนึง ผูกเข้าไปกับ Apple Id เอามาส่ง iMessage แล้วลบทิ้ง ก็เป็นคนส่งสแปมดีๆนี่เอง

เนื่องจากไม่สามารถปิด iMessage ไม่ให้รับข้อความจากเบอร์โทร (เพราะโดนสุ่มได้ง่าย) ตอนนี้ก็ปิด iMessage ไปก่อน ปกติก็เอาไว้รับ sms otp อย่างเดียวอยู่แล้ว แทบไม่เคยคุยกับใครในนี้เลย

ยังไม่นับว่า Apple เองเปิดให้เขียนแอพที่ต่อกับ iMessage ได้ด้วย เลยคิดว่าน่าจะทำให้การสแปมทำได้ง่ายขึ้น โดยทำสิ่งที่เล่ามาทั้งหมดผ่านแอพหรือโปรแกรมบน Mac เพราะว่า Mac เองก็มี iMessage ให้ใช้ด้วย

ทั้งหมดทั้งปวดนี้เกิดจากการคิดเอง และได้ลองส่งให้คนใกล้ชิดซึ่งคิดว่าเป็นการทำแบบเดียวกับสแปมที่ว่า ท่านใดมีความเห็นอย่างไร เชืญพูดคุยกันได้

ปล. ไม่แนะนำให้ทำตามใดๆ อาจมีผลกระทบกับ Apple Id ของท่านได้ อาจจะโดนจับได้เช่นกัน

ปลลล. ไม่แน่ใจว่า Facetime จะมีปัญหาแบบเดียวกันไหม เพราะมีการ activate ผ่านเบอร์โทร/email แบบเดียวกัน

Ref: Messages document https://developer.apple.com/documentation/messages

A Long Lost Friend

กลับมาตั้งใจจะเขียนบล็อกอีกรอบ หลังจากที่ใช้ความตั้งใจในการเขียนมากเกินไป ผลก็คือไม่ได้เขียนอะไรออกมาเลย หรือไม่ก็เขียน draft ไว้ แต่ก็คิดว่าคุณภาพไม่ได้จนไม่ได้ publish มันออกมา … ความตั้งใจครั้งนี้จะเป็นการเขียนบล็อกแบบง่ายๆ ข้อมูลไม่ต้องมีคุณภาพสูง เป็นความรู้สึกนึกคิดช่วงขณะเวลานั้นๆก็พอ พอให้ย้อนกลับมาอ่านแล้วรู้ความเปลี่ยนแปลง

เริ่ม !!

นานมาแล้ว … น่าจะเกิน 15 ปี เคยมีเกมแนวนึงที่เล่นชอบมาก แต่พอเวลาผ่านไปก็ไม่ได้ยินเกมแนวๆนี้ใหม่ๆออกมาอีกเลย เกมที่ว่าคือ Commandos กับ Desperados 

Commandos รู้สึกมี 3 ภาค แต่ละภาคก็มีหลายๆตอน เป็นฉากเกี่ยวกับสงครามโลก เยอร์มัน …

Desperados อันนี้ก็มีหลายภาค เหมือนกัน แนวเดียวกัน แต่ฉากเปลี่ยนเป็นคาวบอยแทน

ผ่านไปหลายปีก็ไม่มีเกมใหม่ๆแนวนี้มาให้เล่นอีกเลย แล้วก็ไม่รู้จะถามใครว่ายังไง เพราะบอกไม่ถูกว่าเป็นเกมแนวไหน ต้องคนรู้จักชื่อเท่านั้นที่พอจะคุยได้ออกรส

จนถึงวันนี้ ช่วง covid 19 ที่งานเยอะมากๆ แถมไปไหนไม่ได้ เลยล็อกอิน Steam หาอะไรคลายเครียด … ในที่สุดก็เจอแล้ว (และกดซื้อแทบจะทันที)

เกมที่เจอหาคือ Shadow Tactics: Blades of the Shogun ได้คะแนนรีวิวดีมากด้วย … แถมเล่นได้บน Surface อีกตังหาก

แถมพอเจอเกมนี้แล้วก็มี Recommend แนวเดียวกันมาอีกหลายเกมเลย แถมได้รู้ด้วยว่า Desperados III กำลังจะออก …

ความรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่หายไปนานมาก … ดีใจจัง

ว่าด้วยความซับซ้อนของโปรโมชันโทรศัพท์มือถือ

มีเรื่องมาเล่า

เริ่มต้นจากว่าเมื่อก่อน ใช้โปรโมชันโทรศัพท์มือถือ (ยังงงว่าทำไมต้องเรียกโปรโมชัน มันเคยมีใครใช้งานราคาเต็มมั้ยนะ) ด้านล่างนี้

 

 

Serenade Pack 899บ./เดือน, Net 24GB, ส่วนเกิน Net 99 บ./GB

แถมมี Muti-sim เอาไว้ใส่ Pocket WiFi ใช้งานกับโนตบุคอีก

 

สิ่งที่เจอคือ แต่ละเดือน 6 เดือนย้อนหลังเนี่ย พบว่าใช้เน็ตไม่ถึง 10 GB เลย เลยเปลี่ยนโปรมาเป็น

แพ็กเกจ 4G Max Speed Non-Stop 599 บาท เน็ตความเร็วสูงสุดรวม 10GB(4G/3Gจำนวน6GB และ4Gจำนวน4GB) จากนั้นใช้ได้ไม่จำกัดที่ความเร็ว 128Kbps

และ Multi-sim ของเราก็ยังอยู่

 

และแล้วเมื่อเราใช้เน็ตครบตามกำหนด (เปลี่ยนโปรปุ๊บใช้เกินเลย แย่จัง) .. ก็พบว่า ไม่สามารถสมัครแพคเกจเพื่อเพิ่ม Net มาใช้ชั่วคราวได้เลย หลังจากลองทำรายการด้วยตัวเองไปจำนวนหนึ่ง ! พบว่าไม่มีท่าทางว่าจะสำเร็จ เลยโทรเข้า Call center (cc) เพื่อจะพบว่า cc เองก็เปลี่ยนให้ไม่ได้ !!!  Error ในระบบ

ผลจากการพยายามสมัครแพคเกจเสริมด้วยตัวเอง

หลังจากทาง cc ไปประสานงานมา ก็พบข้อมูลว่า

“ถ้า package หลักที่ใช้งานอยู่ เป็นแบบ Unlimited data คือ ใช้ครบแล้วจะลด Speed ลงมาเป็น 128 kbps หรือ 64 kbps นั้น ถ้าจะใช้ Multi-Sim จะต้องมีโปรของ Multi-sim (99 บาทต่อเดือน ได้ Net เพิ่ม 2GB) ด้วย”

แต่ของเรานั้น มี Multi-sim มาอยู่ก่อนแล้ว โดนไม่มีแพค 99 บาทที่ว่า พอจะเพิ่มแพคเกจใดๆก็ตาม ระบบเลย error ไม่ให้ทำอะไรทั้งสิ้น .. !!

อันนี้น่าจะเป็นช่องโหว่ด้วย ที่ AIS น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามี Multi-sim แล้วยอมให้เปลี่ยนมาเป็น Package Unlimited data ได้ด้วย

 

ความซับซ้อนเลยจบลงที่ งั้นเปลี่ยนโปรใหม่เป็นอันที่ใช้เต็ม Speed ครบปุ๊บตัดเลย ไม่ลด Speed จะได้ใช้ Multi-sim ได้โดยไม่ต้องมีโปรแยกต่างหาก

จบลงที่เปลี่ยนมาเป็นโปรนี้

4G Max Speed 588บาท, โทร 250นาที, 4G/3G 12GB, 4G 3GB เน็ตรวม15GB (เมื่อใช้ครบเน็ตหยุดทันที), AIS SUPER WiFi,AIS Cloud+ 100GB ส่วนเกิน: โทร/VDO Call นาทีละ 1.50บ.,SMS 3บ.,MMS 4บ.,4G/3G 99บ./GB, 12 รอบบิล เริ่ม 07/09/2018 10:45ถึง19/09/2019 23:59

 

เพิ่มเติมคือ Package ที่เป็น Unlimited data (แบบใช้ครบ แล้วลด speed นั่นแหล่ะ) ถ้าเปลี่ยนโปรกลางเดือน … จะโดนคิดเงินเต็มนะ ไม่ Pro-rate

 

สรุปว่าเน็ต AIS ตอนนี้มีหลักๆสามแบบ

  1. ความเร็วสูงสุด จำกัด Data ใช้ครบหยุดเลย
  2. ความเร็วสูงสุด จำกัด Data ใช้ครบ ลดความเร็ว ใช้ได้แบบไม่จำกัด Data (บางทีชอบเรียก Unlimited data หรือ Nonstop)
  3. ความเร็วคงที่ ไม่จำกัด Data

=====

ส่วนการวิเคราะห์

 

จริงๆช่วงนี้ก็ดูระบบเกี่ยวกับพวก Subscription / Package การใช้งานอยู่บ้าง ก็พบว่าเรื่องนี้พอเข้าใจได้

คือ การที่มีการลดความเร็วลงเหลือต่ำๆหลังจากใช้งานครบแพคเกจแล้วนั้น ถ้าเรามีหลายซิม เดาว่าทุกซิมจะทำแบบนั้นได้หมดเลย ซึ่งทำให้ AIS ต้องบังคับโปร 99 บาทให้ multi-sim เพื่อจะได้ไม่ขาดทุนจากการใช้งาน speed ต่ำหลายๆอันพร้อมๆกัน ไม่งั้นคนจะสมัครโปรราคาต่ำๆแล้วใช้ speed ต่ำเยอะๆเอา

 

แต่ความผิดพลาดของ AIS คือ การที่บอกลูกค้าว่า ทำรายการไม่ได้ โดยไม่สามารถบอกปัญหาทีแท้จริงได้ แม้กระทั่งระบบของ call center เองก็บอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร อันนี้ควรปรับปรุง

อีกเรื่องคือการสมัคร package เสริมต่างๆ ควรขึ้นมาเฉพาะอันที่เราสมัครได้

เช่น การมี multi-sim จะไม่สามารถสมัครแพคเกจแบบความเร็วคงที่ ไม่จำกัด Dataได้ เดาว่าเพราะทุกซิมทำงานพร้อมกันได้ AIS ไม่สามารถจำกัดความเร็วแบบหลายๆซิมได้ แต่ใน หน้าเลือกโปรนี่ก็ยังมีให้เห็น เท่านั้นไม่พอยังส่ง SMS มาชวนสมัครอีกตังหาก … ไม่ดีเลย

 

ปล. ชื่อโปรมีคำซ้ำๆกันมาก แยกแทบไม่ออก

ปล2. cc ใช้คำว่า Unlimited สิ้นเปลืองมาก จนงงว่าอันไหนอันลิมิตจริงอันไหนปลอม

ปล3. multi-sim เดือนละ 20 บาทเอง คุ้มอยู่นะ

ปล4. แต่ก็ชื่นชม Serenade call center นะ พูดจารู้เรื่อง สามารถลงรายละเอียดได้ในระดับที่เราพอใจ และยอมรับว่าเป็นปัญหาภายในของตัวเองได้

 

จบ … เหนื่อยมาก

Review: NAPLAB

วันนี้มีธุระแถวๆสามย่าน ไปไหนไกลไม่ได้ เลยได้มาลอง Co working space เจ้านึงแถวนี้ .. ชื่อว่า NAPLAB อยู่ที่จุฬาฯ ซอย 6

รีวิวทั่วๆไปสามารถหาได้เยอะมาก มีทั้งคนทั่วไปรีวิวรวมถึงโฆษณา

อันนี้คือความเห็นของผมหลังจากใช้บริการ

ราคา 

คนทั่วไป (ที่ไม่ใช่นักเรียน นักศึกษา) เริ่มที่ 150 บาท ต่อ 4 ชั่วโมง .. ในค่าบริการนี้รวม WiFi และปลั๊กไฟเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าแพงเลยทีเดียว สำหรับค่าใช้สถานที่อย่างเดียว นักศึกษาจะเหลือ 100 บาทสำหรับ 4 ชั่วโมง ก็ดีขึ้นมานิดนึง

ที่นี่เข้าออกกี่ครั้งก็ได้ จะได้กระดาษพร้อม QR code สำหรับเข้าออก มีเวลาหมดอายุบอกพร้อมรหัสไวไฟ

ชาเย็นแก้วละ 50 บาท เครื่องดื่มส่วนใหญ่ก็ราคาไม่ได้แรง รสชาติดีกว่า too fast too sleep เยอะ มีพวกมาม่าขายด้วย

นอกจากค่าเข้าแล้ว อันนึงที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาคือ ค่าจอดรถ ถ้าจอดของโครงการเอง เริ่มที่ ชม.ละ 20 บาท เกิน 4 ชม. ขึ้นเป็นชม.ละ 50 นี่มันขัดกับการเป็น co working space มากๆ เค้าก็แนะนำให้ไปจอดที่ซอยจุฬาฯ 8 เห็นว่าเหมาจ่ายวันละ 15 บาท แต่ไม่รู้ว่าที่จอดหน้าตาเป็นแบบไหนนะ

 

สถานที่ 

ถือว่าโอเคนะ สะอาดระดับนึง (ไม่นับว่าเจอทิชชูใช้แล้ววางอยู่) …  มีที่โต๊ะทำงานให้เลือกได้หลายระดับ ตั้งแต่นอนเอกเขนก โต๊ะเตี้ยเหมือนโต๊ะญี่ปุ่น ไปจนถึงโต๊ะนั่งทำงานระดับปกติ มีหมอนวางอยู่ทั่วไป แต่ดูแล้วไม่ค่อยกล้าใช้

มีร้านขายขนมเครื่องดื่มข้างใน แต่สามารถเอาอาหาร(น่าจะหมายถึงขนม)มาทานจากข้างนอกได้

ที่ชอบคือที่เอกเขนกเอนนอนได้นี่แหล่ะ เพราะปกตินั่งทำงานข้างนอกนนานๆจะเจอปัญหาว่าโต๊ะไม่ได้ระดับ ปวดหลัง อยากเอนพักซักห้านาทีสิบนาทีไรงี้

พื้นที่ส่วนใหญ่ให้ถอดรองเท้า  แต่ก็งงๆว่าเห็นบางคนก็ใส่แตะมา เลยไม่รู้ว่าอะไรคือข้อควรปฎิบัติ (หรือจริงๆไม่ต้องถอดฟะ)

บรรยากาศ

มีการเปิดเพลงบรรเลงคลอเบาๆ คนไม่พลุกพล่านมากนัก

แต่ก็มีสิ่งขัดใจอยู่บ้างคือ

มีผู้ใช้บริการรายเดือน ที่เหมือนจะส่งเสียงโห่ เฮฮาเป็นระยะๆ อาจจะมาจากการประชุม ทำเอาเสียสมาธิเหมือนกัน

มีเสียงเครื่องบดกาแฟเป็นระยะตามที่คนสั่ง

มีเสียงคนตีปิงปอง – -”

มีเสียงคนตื้ดประตูเข้าออกดังเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้แก้ปัญหาได้โดยย้ายไปขึ้นชั้นบน ก็จะสงบสุขกว่าหน่อย

เมื่อมองออกมาจากช่องบนซ้ายในรูปแรกสุด

อันนี้คือชั้นบน หลังจากหนีความวุ่นวายมา

อีกอันที่ขัดใจคือ วันที่มาใช้มีการถ่ายทำรายการไรซักอย่างด้วย แต่คือไม่มีการบอกผู้ใช้อย่างเราเลย อยู่ๆก็เอากล้องมาถ่ายๆ ไม่โอเคมากๆ จนต้องออกปากถาม แล้วย้ายที่นั่ง แต่โดยรวมก็ไม่ได้แย่มาก เจ้าของ(หรือผู้ดูแล) ก็เข้าใจประเด็นแล้วก็ขอโทษเรื่องการถ่ายทำโดยไม่บอกรวมถึงช่วยหาที่นั่งใหม่ให้

 

สรุปก็คือ พอใช้บริการได้ คนไม่เยอะจนเกินไป นั่งชั้นบนน่าจะดีกว่า ปลั๊กไฟเยอะ ไวไฟโอเค ที่จอดรถแพงมาก เอาหมอนมาเองดีกว่า

Review: Huawei P9 Plus

เนื่องมาจากว่ามือถือ Samsung Galaxy S5 ได้ตายอย่างไม่สงบไปเมื่อสองวันก่อน ด้วยอาการ boot loop วนไปเรื่อยๆ ลอง flash rom ใหม่แล้วก็ไม่หาย (นี่มันปี 2016 แล้วนะ เรายังต้องมานั่ง flash rom โทรศัพท์อยู่อีกหรือนี่) เลยต้องขุด S3 ที่สภาพไม่ค่อยจะสู้ดีมาใช้ไปพลาง แล้วก็หาเครื่องใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะเปิด 2 steps verification เอาไว้ประมาณ 10 account มือถืออาการร่อแร่แล้ววุ่นวายชีวิตมาก เลยต้องรีบซื้อใหม่

ตอนซื้อ ตัดสินใจด้วยเงือนไขเดียวคือ เบื่อ Samsung แล้ว อยากลองอันอื่นบ้าง จริงๆแอบรอ Nexus Phone ตัวใหม่ (ที่เหมือนจะรีแบรนเป็นชื่อ Pixel) …

เลิกงานเลยเดินเข้า Shop AIS หาเครื่องใหม่ ตัวที่เข้าตาก็เป็น Huawei P9 Plus เลยจัดเลย แบบอารมณ์ชั่ววูบมาก ได้โปร Handset special อะไรซักอย่าง ลดเหลือ 15,900 บังคับค่าโปรอีก 3,000 รวมๆก็ลดไป หลายอยู่

และนี่คือความรู้สึกแรกหลังใช้มาประมาณ 3 วัน จากมุมมองของคนที่ใช้ Galaxy S1 , S3 และ S5 รวมๆกว่า 6 ปี ได้มั้ง (เรียกว่าสาวกมั๊ย)

  • ตัวเครื่องมันวาว … ตามมาด้วยรอยนิ้วมือเห็นชัดมาก น่าจะต้องเช็ดบ่อย
  • พอร์ทชาร์ตเป็น USB Type C (อันนี้พนง. AIS บอกว่าเป็นพอร์ทของมันเอง ใช้ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ ถือว่า miss leading เพราะจริงๆมันเป็นมาตรฐานที่ยังไม่แพร่หลาย) อาจจะต้องซื้อสายเพิ่มหลายเส้น
  • แต่ USB C ก็ทำให้เสียบชาร์ตง่ายขึ้น ไม่ต้องเล็งคว่ำหงายเหมือน micro USB
  • ตอนตั้งค่าครั้งแรก ถ้าเลือก ภาษาเป็นอังกฤษ จะไม่มีให้เลือก Region เป็นไทย .. ก็คือต้องเลือกภาษาไทยไปก่อนเพื่อให้ Region ถูก แล้วเปลี่ยนภาษาหลังจากเซ็ตเสร็จ ..
  • ตำแหน่ง fingerprint sensor อยู่ตรงกับนิ้วชี้ข้างหลังเครื่องพอดี เหมือนจะสะดวกดี
  • เอานิ้วทาบ fingerprint จะปลุกเครื่องอัตโนมัติ ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ
  • เปลี่ยนแบตไม่ได้
  • เครื่องเบาและบางมาก ใช้แบบไม่ใส่กรอบยังจับไม่ค่อยถนัด
  • มี Port IR (Infrared) ที่คนอื่นเค้าตัดทิ้งออกไปกันหมดแล้ว แต่เอาไว้ใช้เปิดแอร์ เปลี่ยนช่องทีวีได้ ก็สะดวกดีนะ
  • ไม่มีปุ่ม Physical แยกเหมือนตระกูล Galaxy พวกปุ่ม Home เป็นปุ่มในหน้าจอหมด เข้าใจว่า SS เองที่ไม่ทำตามมาตรฐาน (แต่ชินซะแล้วนี่สิ) ถ้าวางเครื่องบนพื้นราบเช่น โต๊ะทำงาน จะปลุกเครื่องยากมาก
  • มีแถมขาตั้งกล้อง .. ที่เวอร์ไปมากกกก
  • คุณภาพกล้องดูได้ด้านล่าง ถ่ายด้วยโหมด auto ทั้งหมด … ทั้งนี้ตัวเครื่องตั้งหมด pro ได้ คือกำหนดความกว้างรูรับแสง ความไว้ชัตเตอร์เอง ไรงี้ .. แต่ในชีวิตประจำว่าก็คงไม่มานั่งปรับหรอก .. มั้ง
  • เมื่อใช้ความละเอียดสูงสุดของกล้อง จะได้ภาพเป็นอัตราส่วน 4:3 ยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่

คอนเสิร์ตเฉลียง ซูมระดับนึง

คอนเสิร์ตเฉลียง ไม่ซูม ย้อนแสง

ขาตั้ง แถมมาด้วยกัน เวอร์วังมาก
ขาตั้ง แถมมาด้วยกัน เวอร์วังมาก

ใกล้ๆบ้าง

อันนี้ขบนรถวิ่งเข้ามากำลังจะจอด
อันนี้ขบนรถวิ่งเข้ามากำลังจะจอด

Scroll to top