Dine in the Dark : เมื่อตาที่มีอยู่ดูไม่เห็นอะไร

วันนี้มีโอกาสไปลองกินร้านอาหารร้านนึงที่ชื่อว่า Dine in the Dark หรือเค้าเรียกย่อๆว่า DID


ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อร้านนี้ คือหัวหน้าที่มาจากอังกฤษเค้าไปกินมา แล้วมาเล่าให้ฟัง ..

 

แน่นอนว่าเรื่องกินนี่ถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว วันนี้เลยได้มีโอกาสไปลองมา

 

เริ่มจาก ห้องอาหารนี้ มีคอร์สให้เราเลือกได้แค่สามอย่าง คือ อาหารไทย, International หรือมังสะวิรัติ

 

กับเพิ่มเติมได้ว่าไม่กินอะไรบ้าง … แค่นั้น !!

 

หลังจากเลือกอาหารและเครื่องดื่มเสร็จ .. สิ่งที่ต้องทำคือเอาโทรศัพท์มือถือใส่กล่องล็อคเก็บไว้ข้างนอก

 

แล้วจะมีพนักงานเสริฟ ซึ่งที่นี่จะเรียกว่าไกด์ .. มาพาเราเข้าไปยังโต๊ะอาหาร พร้อมทั้งจะเป็นบริกรให้เรา ดูแลเราตลอดมือนี้

 

ซึ่งไกด์ทุกคนที่นี่ เป็นคนตาบอด !!!  … ครั้งนี้ที่ไปได้ “พี่หมู” มาเป็นไกด์ให้

 

เริ่มจากเดินเกาะไหล่พี่หมู เดินเข้าไป เลี้ยวซ้าย .. เลี้ยวขวาอีกนิดหน่อย รู้สึกอีกทีก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรแล้ว

 

ที่ว่ามองไม่เห็นนี่คือมองไม่เห็นอะไรเลยจริงๆนะ มืดกว่าที่เคยเจอมาทั้งหมด … ชนิดที่ว่าเอามือมาโบกๆข้างหน้า ยังไม่เห็นด้วยซ้่ำไป

 

หลังจากเดินเกาะๆมานั่งที่โต๊ะ พี่หมูก็จะแนะนำสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ .. ด้านซ้ายเป็นซ้อม ด้านขวามีมืดกับช้อน ถัดไปอีกนิดเป็นผ้ากันเปื้อน

 

ถัดไปด้านบนอีกนิดจะเป็นแก้วน้ำเปล่า .. ซึ่งหลังจากนั่งหายใจและทักทายกันแป๊บนึง พี่หมูก็จะเอาเครื่องดื่มมาเสริฟ

 

แล้วตามมาด้วย Appetizer … ต้องบอกว่าตอนนั้นตื่นเต้น สิ่งที่ทำได้คือ เอาช้อนจิ้มๆลงไป แล้วเอามาแตะปลายลิ้น ..

Appetizer

 

ผมสั่งเซ็ต International .. Appetizer ที่รู้สึกได้คือ เส้นๆกรอบๆ (คิดในใจว่าเป็นฟาง) .. มีผัก น้ำราด แคนตาลูปด้วยชิ้นนึง กับปลาหมึก

 

ตอนกินนี่ถ้ามีกล้องถ่ายก็คงตลกพิลึก ..

 

บางคำตักเข้าปากโดยไม่มีอะไรเลย .. บางคำหมี่กรอบเต็มปากมูมมามม .. บางคำก็เป็นผักชิ้นใหญ่โค้งงอมาถึงจมูก

 

นั่งกินไปแป๊บนึงพี่หมูก็จะมาถามอยู่เรื่อยๆว่าเรียบร้อยมั๊ย รสชาติเป็นไงบ้าง กินอะไรเข้าไปแล้วบ้าง …

Main course

 

ถัดมาเป็นจานหลัก .. เป็นเป็ดในซอสอะไรซักอย่าง .. กับผัก … แล้วก็มีส้มสองชิ้น ..

 

จริงๆแล้วส้มเนี่ยมารู้ทีหลัง ตอนกินนี่ตกใจมาก .. อะไรดึ๋ยๆเอาลิ้นดันๆแล้วมีน้ำเปรี้ยวๆออกมาเต็มเลย .. แต่ว่าหาอีกก็ไม่มีแล้ว สนุกดี 🙂

 

ของหวาน .. เป็นครีม ข้างในเป็นไอติม .. ข้างๆเป็นฟรุตสลัด .. รสชาติแตกต่างกันสนุกปากดี

 

….

 

สรุปสิ่งที่ได้จากอาหาารมื้อนี้จริงๆคงอยู่ที่ึความรู้สึกมากกว่า .. เพิ่งรู้ว่าตาเราสามารถมองไม่เห็นได้ขนาดนี้ .. มันมืดมากก

 

ชนิดที่คำว่า มืดแปดด้าน ยังน้อยไปด้วยซ้ำ .. ไม่ต้องสนใจว่าอาหารหน้าตาเป็นไง .. ไม่ต้องเห็นอะไรทั้งนั้น

 

ประสาทสัมผัสอื่นๆทำงานได้ดีอย่างหน้าประหลาด … ตื่นเต้นในทุกๆคำที่ตักเข้าปาก 🙂

 

อีกอย่างที่รู้สึกได้ดีคือ เมือตอนอยู่ข้างนอก พี่หมูดูเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือ .. แต่เมื่อเราเดินเข้าไปในดินแดนของเค้า …

 

เราตังหากที่ต้องการความช่วยเหลือ .. พี่หมูสามารถรินน้ำใส่แก้วได้อย่างพอดี ถ้าเป็นเราก็คงหกไปนานแล้ว

 

พี่หมูสามารถรู้ด้วยว่าอาหารที่ถือมาเป็นของใคร … พาเราเดินเข้าเดินออกร้านอาหารได้โดยไม่ชนแขกคนอื่นๆซักนิด

 

… สุดท้าย ก็ขอเชิญชวนนะคับ .. ลองมาเป็นคนตาบอดกันซักมื้อ .. คิดว่าแต่ละคนน่าจะได้อะไรไม่เหมือนกัน …

 

แล้วจะได้รู้จักความมืด .. ว่ามันมืดกว่าที่คิดจริงๆ 🙂

 

ปล. ข้อมูลร้านนี้ ดูได้ที่ http://didexperience.com/ หรือ https://www.facebook.com/DineintheDark

ปล2. ขออภัยที่รูปเป็นแบบนี้ .. แต่คิดว่ามันสื่อได้ดีกว่าอะไรทั้งหมดจริงๆ 🙂

กล้องตรวจจับความเร็วบนโทลเวย์

หลังจากที่โทลเวย์ติดกล้องจับความเร็วแบบใหม่แล้วขับผ่านไปสามสี่รอบ ..

 

เลยลองอัดวิดีโอมาให้ดูว่าไอกล้องจับความเร็วที่ว่าหน้าตาเป็นยังไง ..

 

ลองตัดๆดู ได้ตามวิดีโอข้างล่างนี้ .. 🙂

httpvh://vimeo.com/39926019

เข้าใจว่ามีกล้องเป็นระยะๆ จากที่เห็นด้วยตัวเองขาออกจากลาดพร้าวถึงรังสิตที่เห็นก็สามตัว ตามแผนที่ด้านล่าง

[mappress mapid=”14″]

ไม่ได้สนับสนุนให้ขับรถเร็ว แต่ก็รู้เรื่องพวกนี้ไว้บ้างก็ดี ^_^

ในที่สุดก็ได้เรียนโทจนได้ …

จริงๆสมัครเรียนโทมันอาจจะไม่ได้ยากเย็นขนาดนี้ ..

 

ถ้าเราไม่ทันให้มันยากเอง …

 

เรื่องของเรื่องคือว่า เดือนที่ผ่านมาต้องไปอังกฤษ …แต่ดันไม่ได้ส่งเอกสารหลักฐานการสมัคร

 

ดวงดีมากที่ระหว่างอยู่ที่อังกฤษ เจ้าหน้าที่ของบัญชีจุฬาฯ เค้าโทรไปแต่ไม่ได้รับ

 

แล้วเราก็ดันเอะใจ ลองเอาเบอร์ไป Search ดู (ซึ่งมี Miss call ประมาณ 10 เบอร์ แต่ลอง Search แค่เบอร์เดียว)

 

ลองโทรกลับไป เลยรู้ว่างานเข้าแล้ว .. เพราะจะไม่มีสิทธิสอบสัมภาษณ์เอา ><~~

 

หลังจากนั้น ความเดือดร้อนได้แผ่ไปสู่วงกว้างอย่างรวดเร็ว เดือดร้อนกันถ้วนหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน 🙂

 

ต้องขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณดังต่อไปนี้ ที่ทำให้ผมได้เข้าเรียนปริญญาโทจนได้ 😉

 

ขอบคุณ เป็ด เหมือน น้าโอ น้าพร คุณตาคุณยาย … ที่ช่วยค้นหาเอกสารทั้งหลาย ทั้งปีนประตูบ้าน คุ้ยห้อง แล้วเอาไปส่งให้ที่จุฬาฯ 🙂

ขอบคุณ พี่ฝน กะแม่ ที่ไปรับที่สนามบิน .. ทำให้หลังจากออกจากเครื่องบินชม.เดียวก็สามารถไปอยู่ที่จุฬาฯ เพื่อรอสอบสัมภาษณ์ได้

ขอบคุณ พี่เจด้า สำหรับใบรับรองงาน ที่ได้เร็วปานสายฟ้าแลบ

และขอขอบคุณ พี่เมย์ พี่กร พี่ป๋อม ที่ช่วยเขียน Recommendation ให้ในเวลาอันจำกัดครับ

 

ใช้ดวงไปมากเหลือเกิน สำหรับการเรียนโทครั้งนี้ …

 

แล้วเจอกัน … ครับ

Hello … London

แฮ่ … กลับมาแล้ว หลังจากเหนื่อยล้าจากการไปเที่ยวลอนดอนในเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา

ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณบริษัทอย่างมากที่ออกค่าใช้จ่ายค่ารถไฟค่าโรงแรมในทริปนี้ให้ทั้งหมด วะฮ่าๆๆๆ

งั้นก็เริ่มเลยละกัน

ตั๋วรถไฟ

เริ่มจากเช้าวันเสาร์ที่ 10 นั่งรถไฟเที่ยวเกือบๆแปดโมงจาก Leicester ไปลอนดอน

สถานีรถไฟ Leicester

ถึงสถานี St. Pancras International (จำชื่อนี้ไว้ให้ดีนะ ตอนหลังมีฮาด้วย – -“) .. เราก็ต่อรถไฟใต้ดินไปแถวที่พัก

ที่ทำงานก็ซื้อตัววันให้ ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดินกะรถเมล์เลย …

ที่พักก็โครตจะอยู่กลางแหล่งท่องเที่ยวเลย อยู่ที่ Country Hall ติด London Eye .. กะข้ามถนนไปก็ถึง Big ben

Big Ben

มาถึงรร.ก็เอาของฝากไว้ก่อน แล้วไปเดินเล่น Big ben … กินอาหารเช้า .. แล้วเดินเล่นไปที่ National Gallery

ตึกอะไรซักอย่าง เยื้องๆ Big Ben
Panorama หน้า National Gallery

แน่นอน.. ว่าหน้าตาอย่างเราก็ดูภาพใน Gallery ไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว .. พยายามภาพจากคนดังๆอย่างแวนโก๊ะ … เจอแล้วก็ไม่เคยเห็นอยู่ดี

มองออกมาจากตึก National Gallery

เสร็จจาก National Gallery ก็ไปต่อกันที่ Science Museum กันต่อ (โครตจะมีสาระอะ) …

Science Museum
คอมพิวเตอร์สมัยก่อน
อันนี้เด็ดมาก .. เครื่องที่ใช้ช่วยเหลือคนงานเหมืองถล่มในชิลี

หลังจากนั้นไปกินอาหารสเปนกัน .. (เป็นหนึ่งในเมื้อที่แพงที่สุดเลยทีเดียว) …

ร้านที่กินคือร้าน CASA อะไรซักอย่างสีส้มๆด้านขวา .. เน้น Street View (แพงโครต)

หลังจากนั้นกลับไปแถวที่พัก .. ขึ้น London Eye … โชคดีมากที่ได้รอบประมาณห้าโมงครึ่ง มันใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกพอดี

ในแคปซูล London Eye
เมื่อยู่ใต้ London Eye

ดังจะเห็นได้จากวิดีโอ (Time Lapse) ด้านล่าง 🙂

 httpvh://www.youtube.com/watch?v=vpnRSzqQdOw

เสร็จแล้วก็เช็คอินเข้าที่พัก .. เอนหลังประมาณชม.นึง ก็ออกไปเที่ยวกันต่อที่ Tower of London กะ Tower Bridge

Tower of London
Tower of London
London Bridge

กินอาหารเย็นง่ายๆ แล้วก็ขึ้นรถเมล์กลับที่พัก … นอน

วันถัดมาก็ตื่นเช้า กินอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้วไปเดินเล่นที่ตลาดชื่อไรซักอย่างแถว Nothing Hill ..

แล้วก็ไปชอปปิ้งแถว Oxford Street .. ที่โครตจะรวมทุกๆแบนด์ทั้งโลกมาไว้ที่นี่กันเลยทีเดียว

Oxford Street

เจอคนไทยเยอะเหมือนกัน .. เสร็จแล้วก็ไปต่อกันที่ Harrods … เจอกระเป๋าถือบ้าอะไร ใบละตั้งเกือบแสน – -“

Harrods

ต่อมาไป Convent Garden เหมือนกับจตุจักรบ้านเรา แต่เคนเยอะกว่ามั้ง .. มีของแบรนด์พอสมควร มีพวก Street Show เยอะเลย

ไหนตั๋วก็ขึ้นได้ทุกอย่าง เลยลองรถเมล์ชั้นบนดูบ้าง

หลังจากนั้นก็กลับที่พักไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่รร. แล้วกลับไปขึ้นรถไฟกลับ Leicester

แต่มันมีอะไรเยอะกว่านั้น คือ ไปไม่ทันรถไฟรอบทุ่มนึงที่เค้าจองที่นั่งไว้ให้ T_T แถมยังไปผิดสถานีอีก ดันไปสถานี King cross ที่อยู่ติดๆกัน

รถไฟใต้ดิน (ที่นี่เรียก Tube)

ยังดีที่ตั๋วมันใช้ขึ้นรถเที่ยวถัดไปได้ .. แต่ต้องหาที่นั่งที่ไม่ได้จองไว้เอาเอง … เกือบไปแล้วมั๊ยล่ะ

ทั้งหมดก็ประมาณนี้  … กลับมาแล้วหลับเป็นตาย เดินเยอะมากๆๆๆๆ ปวดขาสุดๆไปเลย

Big Ben at night

ขอปิดท้ายด้วย Big Ben ยามค่ำคืน

All Around Leicester

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเร็วมาก … กับเมือง Leicester

 

เริ่มชินกับอากาศที่นี่มากขึ้นล่ะ ..  วันนี้เลยอัพอีกซักรอบละกัน ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารอ่ะนะ 😛

เจ็ดวันที่ผ่านมาลองอาหารไปเยอะมาก .. ลองมาดูกัน

 

วันเสาร์ … มื้อเช้า เป็นกาแฟ (ที่อัพไปคราวก่อน) แล้วหัวหน้าก็พาชมเมือง กลางวันกินไก่อะไรซักอย่างจำไม่ได้ ตกเย็นไปงานเลี้ยงวันเกิดเล็กๆของเพื่อนของหัวหน้าที่นี่ เป็นร้านอาหารอินเดีย .. ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารไว้เลย แต่อร่อยดี .. กินไวน์ไปหลายแก้ว ที่สำคัญ พอหัวหน้ามานั่งข้างๆ ดันทำไวด์หกใส่กางเกงเค้าอีก – -” จะได้เงินเดือนมั๊ยเนี่ย(กรู)

ไม่กล้าเอารูปคนลง .. ลงเป็นลายบนผ้าปูโต๊ะละกัน 🙂

วันอาทิตย์เช้า ฝนตกปอยๆ ออกไปเดินเล่นใกล้ๆ แล้วมื้อเช้ากิน Breakfast ธรรมดา … จำพวก ไข่คน มะเขือเทศ ขนมฟังปิ้งอะไรเทือกๆนั้น ไม่มีอะไรพิเศษ .. วันนี้หาของกินยากมาก สิบโมงแล้วร้านไม่ค่อยจะเปิดกัน กินเสร็จไปซื้อของซุปเปอร์มาตุนไว้ ..

ตกเย็น… ก็ขี้เกียจออก เลยอบอะไรกินไป หน้าตาประมาณนี้

วันจันทร์มีเทรนเกี่ยวกับโปรดักซ์ของบริษัท ที่รร.แมริออท เข้าไปเทรนร่วมกับลูกค้า มีเบรค พร้อมอาหารกลางวัน … Lamb Samosa อร่อยดี (แต่ดันถ่ายอะไรมาเนี่ย)

ตกเย็นไปกินอาหาร Italian ร้าน ASK Italian  .. Main Dish เป็น พิซซ่า .. ถาดใหญ่โครตตตตตตตต

Starter เป็น เห็ดใส้ชีท .. บนเพลตร้อน (จำชื่อไม่ได้)
Main course
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Honeycomb Cheesecake

 

วันอังคารยังคงมีเทรนเหมือนเดิม อาหารรร. ตกเย็นไปกินอาหารฝรั่งเศษ ร้าน Le Bistrot Pierre จัดปลา Sea bass ไปเบาๆ เพราะเมื่อวานเจอพิซซ่าไปแล้ว โหดเกิ๊นน

Starter .. เป็นตับหมูบดกับอะไรนิดหน่อย
Sea bass
ก็ต้องมีอะไรแก้เลี่ยนกันบ้าง

วันพุธ .. เข้าออฟฟิตวันแรก .. มื้อเช้าทำกินเองที่อพาร์ตเมนท์ ตอนเที่ยงไปกินเบอร์เกอร์ที่ร้าน Mirch Masala .. ที่ฮาคืออยากลองว่าที่ทำงานเค้ากินไรกัน .. จัด Burgers Vegetarian ไป.. รสชาตแปลกดี แต่ขอเนื้อหน่อยจะดีกว่า

 

ตกเย็นไปลองร้านอาหารจีน Taste of China … จานมันใหญ่เวอร์ กินข้าวไข่อะไรซักอย่างกะกุ้ง .. กินไม่หมด ท้องจะแตก

สองคนกินจะหมดมั๊ยเนี่ย ... 6.xx ปอนด์

วันพฤหัสเช้าไปกิน Cafe Nero .. มอคค่าร้อนกะครัวซอง … ธรรมดาๆ วันนี้เดินไปออฟฟิตวันแรก เลยรีบๆนิดๆ ตกเที่ยงพระราชินีอังกฤษเสด็จมาที่เมือง เลยไปซื้อ Subway กินจะได้รีบเดินไปดูบรรยากาศ .. ที่นี่พักเที่ยงกันแป๊บเดียวมาก ทุกคนจะรีบกินรีบกลับมาทำงาน เลยถ้าจะไปดูควีนนี่ต้องรีบแบบเดินไปกินไปเลยทีเดียว .. ไปถึงก็ไม่ได้เห็นหรอก .. แต่บรรยากาศมันจะเป็นลักษณะเหมือนดารามากก จากเมืองเงียบๆนี่ทุกคนออกมาจะดูประหนึ่งดารา Hollywood อะไรประมาณนั้น ถ่ายขบวนพาเรดรับเสด็จมาได้หน่อยนึง ดูได้ที่นี่ Parade for the queen of england

 

ตกเย็นไปกินร้านอาหารไทย Emerald Thai Restaurant ..

ข้าวเกรียบ
ไม่ต้องมี Starter, Main course อะไรทั้งสิ้น .. เอามาพร้อมกันเลย !!

ทั้งหมดนี่ 37 ปอนด์ .. คร่าวๆก็เกิน 15oo บาท !!!  (เด็กเสิร์ฟเป็นนักเรียนไทยที่นี่ ตอนแรกก็คุยภาษาอังกฤษกันอยู่นาน O_o)

จดออร์เดอร์เป็นภาษาไทยด้วย !!

โอเค .. พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาอัพใหม่ .. อาทิตย์นี้ไปเที่ยวลอนดอน หวังว่าจะมีอะไรมาเล่าอีก 🙂

 

Scroll to top