อัมพวาและตลาดร่มหุบที่ไม่ยอมหุบร่ม

 

 

ขอเล่าเรื่องด้วยรูปภาพดีกว่า ^^

เพิ่งได้ไปอัมพวามาอีกครั้ง หลังจากไปมาเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเขียนถึงเลย มาคราวนี้ขอเขียนถึงไว้หน่อยดีกว่า


แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าทริปนี้มีความผิดพลาดอยู่บางประการ

… คือ …

กล้องแบตหมด ขนาดมีแบตอยู่สองก้อนนะ แต่ก็หมดทั้งคู่ Y_Y

บางรูปมาจากมือถือบางรูปก็จากทริปอัมพวาเมื่อปลายปีที่แล้วมาแซมๆบ้างละกันเนอะ

 

 

 

ทริปนี้ออกเดินทางตอนสายๆ

กะว่า เป้าหมายแรกคือตลาดร่มหุบที่ตลาดแม่กลอง

ตลาดร่มหุบ เป็นตลาดที่ขายกันบนทางรถไฟ ใช่แล้วอ่านไม่ผิดครับ บนทางรถไฟเนี่ยแหล่ะ ดังภาพที่เห็น


IMG_3300
ตลาดร่มหุบ

 

เมื่อเดินผ่านตลาดสด สิ่งของที่วางขายก็แน่นอน ต้องเป็นของที่ขายกันในตลาดสด

(จะพูดทำไม)

 

เช่น

A4SWIFT Message Pack 2009 Trailer Problem

I’m working with the Microsoft BizTalk Accelerator for SWIFT (A4SWIFT) for Biztalk 2004. And now it’s time to upgrade our A4SWIFT to version of Message Pack 2009 which announce by SWIFT.

 

Since I downloaded the Message Pack 2009 from Microsoft and start to migrate with my App.I found something abnormal with the Trailer of the message.

 

In Trailer Part of All Schema (MTxxx.xsd) and The External Trailer Schema (SWIFT Trailer.xsd) Tag MAC and PAC was removed by A4SWIFT but i can’t find this change in SWIFT Standard Release Guide 2009

{5:
  {MAC:MessageAuthenticationCode}
  {PAC:ProprietaryAuthenticationCode}
  {CHK:Checksum}
  {SYS:SystemOrientedMessage}
  {TNG:}Training
  {PDE:PossibleDuplicationEmission}
  {DLM:}DelayedMessage
  ...
}
{S:
  {AllianceTrailerData }
}


Now i try to ask this to MS Support and If anybody know about this issue please let me know and if have more progress  i’ll update later.


======== 25/09/2009  Updated =========

After my team call support from decillion (SWIFT Support in Thailand) and search from User Handbook in swift.com

found that SWIFT removed MAC and PAC Tag after lunch RMA (SWIFTNET Phase II) because MAC and PAC Tag use for PKI signatures and now they don’t use it anymore

but SWIFT Alliance Gateway still  generate MAC tag  like  {MAC:000000} for Application use. We can configuration at interface of SWIFT Alliance Gateway for remove  this tag and it will not send MAC and PAC to our application.


Summary : We’ll change configuration  at interface of SWIFT Alliance Gateway for remove MAC Tag and then Apply our application Schema follow the A4SWIFT Schema from Microsoft.


Attach : A practical guide to SWIFTNet Phase 2




A practical guide to SWIFTNet Phase 2

3 เรื่อง 3 รส

วันนี้มีเรื่องฮาๆ มาเล่า สองสามเรื่อง

 

เรื่องแรก ..สอบ ก.พ.

วันนี้ไปสอบ ก.พ. มาตามคำเรียกร้องของแม่

ซึ่งแม่ก็อุตสาห์ไปจ่ายค่าสมัครให้ เนื่องจากเคยสมัครไปครั้งนึงแล้วจ่่ายตังไม่ทัน เลยอดสอบไปโดยปริยาย

สองวันก่อนสอบ : แม่ก็พิมพ์เลขที่สอบกับสถานที่สอบมาให้ ดูผ่านๆก่อนสอบก็รู้ว่าเป็นเมืองทอง อาคาร 10 แถว H เวลาประมาณ บ่ายสองครึ่ง

วันสอบ : ไปถึงอีกห้านาทีบ่ายสอง หาที่จอดรถเสร็จ ก็ชิลๆเดินไปซื้อสตาร์บัคมาแก้วนึงเพื่ออัดคาเฟอีนเข้ากระแสเลือด

บ่ายสองห้านาที เดินกินกาแฟชิลๆ ไปที่ตึก ในใจก็คิด ทำไมคนอื่นเค้าสบายๆกันจัง ไม่มีท่าทีว่าจะสอบเลย

บ่ายสองสิบนาทียืนกินกาแฟสบายใจอยู่ที่ตึกสอบ เห็นคนสองสามคนวิ่งผ่านหน้าไป พร้อมกับผู้ชายยืนถือโทรโข่ง

ผู้ชาย : เอ้า.. เร็วคับ G H I J ล่าง  @#$% ข้างบน เร็วๆ เลยครับ  ไิิอเราก็คิดในใจ ต้องมีจัดแถวหน้าห้องสอบด้วยหรอวะเนี่ย ยังกะเชียร์ตอนปี 1

เลยหยิบกระดาษที่แม่พิมพ์ไว้มาดู … เวลาสอบ 14.00-16.30 … ซวยล่ะหว่าา !!!

ดันเอาชั่วโมงของเวลาเริ่มไปรวมกับนาทีของเวลาสิ้นสุด ให้ตายเถอะโรบิน เฮ้อ ..

 

เท่านั้นยังไม่พอ เค้าห้ามเอากระดาษเข้าห้องสอบ ไอเราก็มีกระดาษที่พิมพ์เลขที่นั่งมาด้วยเลยให้เค้าเก็บไป

เดินมาถึงโซน H เจอเจ้าหน้าที่

จนท. : .. เลขที่นั่งสอบอะไรคะ

เรา : เอ่อ.. อยู่ในกระดาษเมื่อกี้ ที่เค้าเก็บไปแล้วอ่ะคับ T_T

จนท. ทำหน้าตาแบบว่า เมิงมาสายแล้วยังจำเลขที่นั่งสอบไม่ได้อีก .. แต่เค้าก็พูดดีๆว่า “ดูตรงนี้ได้ค่ะ… ” เอิ้กๆ

เข้าไปปั๊บเจอกับข้อสอบ 80 ข้อ (อันนี้ขอละไว้ไม่พูดถึง อิอิ)

รีบทำเต็มที่ กะว่าทำเสร็จจะเอารองเท้าเดินป่าไปซ่อมที่เซ็นทรัล

ด้วยสปีดที่ติดตัวมาแต่เกิด ทำเสร็จในเวลาประมาณชั่วโมงนึง ดูนาฬิกา  บ่ายสามสิบห้านาที อืมม ถือว่าไม่เลว

ทำเสร็จเลยส่งสัญญามือเป็นภาษาสเปนไปบอกผู้คุมสอบ

ผู้คุมสอบก็เดินมา

ผคส : มีอะำไรคะ

เรา : เอ่อ.. คือเสร็จแล้วคับ ขอส่งคำตอบครับ

ผคส : อ๋อ …. (เว้นไป 0.38 วินาที~) ต้องรอหมดเวลาค่ะ ส่งพร้อมกัน

เรา้ : @#%#$^%$&*$*$^^%4 แม่งจะรีบทำไปทำไมว๊าาาาาา

สรุปว่านั่งรออีกชม.กว่า จึงจะได้ออกมา .. เห้อ ..

 

เรื่องที่สอง : AIS 3G + Serenade

มาถึงเซ็ลทรัลแจ้งวัฒนะ แววมาตั้งแต่เจอพี่เด่น (พี่ PM ที่ทำงาน) ตอนเเดิืนเข้าห้าง :P~ (หมายถึง แววดีนะค้าบบบ)

เอารองเท้าไปส่งซ่อม เค้าบอกน่าจะได้พรุ่งนี้ หรือก่อนกลับลองแวะมาอีกที

ด้วยความที่เคยมาเปลี่ยน Sim กับยกเลิกโฆษณาของ AIS ที่นี่แล้วบริการประทับใจ

บวกกับช่วงหลังๆไป CTW (Central World) บ่อย เลยอยากจะลองเล่น 3G เลยลองเข้าไปถามๆดูดีกว่า

เดินเข้าไปในศบรก. แสดงบัตร Serenade ในกระเป๋าเก็บบัตรให้เค้าดู (นึกภาพแบบในหนังที่เป็น FBI โชว์บัตรประจำตัวอ่ะ)

ถามๆพนักงานต้อนรับไปสี่ห้าคำถาม เค้าก็บอกว่า อ้อ ช่อง Serenade ว่างพอดีค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ …

เดินมาในคอกของ Serenade  .. ทักทายพนักงานเสร็จ

เริ่มถามคำถามเกี่ยวกับ 3G ไปสามสี่คำถาม เช่น บ้านอยู่ไหนครับ เอ้ย ไม่ใช่

เช่นใหม่ๆ ต้องเปลี่ยนซิมรึป่าว ?  คิดค่าบริการยังไง ? ใช้ Video Call ได้มั๊ย ?

พอสิ้นสุดคำถามที่สี่ พนักงานเห็นเราหยุดหายใจ เลยได้ทีถามกลับว่า

พนง. : ทำไมถึงอยากใช้ 3G ล่ะคะ   ทำไมไม่รอให้ระบบมันเรียบร้อยก่อน รอให้เค้าเปลี่ยนให้เอง ไม่เข้าใจ .. (ไอไม่เข้าใจนี่เติมเอง)

เรา : @#$%$#^$%&^$%  – -“

อุตสาห์ถามมาตั้งนาน อยากจะเดินเข้าไปปาดคอจริงๆ

แถมถามอันสุดท้าย … เอ่อ.. 3G ของ AIS ตอนนี้ที่ใช้ได้นี่บนความถี่เท่าไหร่ใหร่ครับ เป็นเมกกะเฮิร์ตอ่ะคับ (ในใจคือจะดูว่าโทรศัพท์ตูรองรับรึป่าว)

พนง. : เอ่อ .. ไม่มีนะคะ ของเรามีเป็นความเร็วอ่ะค่ะ เป็น KiloBit/Sec นะคะ

– -“

 

เรื่องที่สาม : Mister Donut

อันนี้ฮาๆกับความจริงใจของพนักงานขาย Mister Donut

เรื่องมีอยู่ว่าก่อนกลับบ้านแวะลงไปชั้นใต้ดิน ซื้อโดนัทไปไว้กินหน่อยดีกว่า

เดินไปถึงร้าน เจอหญิงชายคู่นึงกำลังเลือกโดนัทกันอยู่

ฝ่ายหญิงเลือกอยู่ ฝ่ายชายก็ยืนงงๆรอจ่ายตัง (ไปว่าเค้าอีก)

เลือกเสร็จฝ่ายหญิงก็ถามพนักงานว่า

ญ : มันไม่มีแบบเป็นลูกเล็กๆหรอคะ

พนง. : อ๋อ .. (ยิ้ม) อันนี้เป็นของดังกินโดนัทค่ะ

เรา :  – -” เอ่อ จริงใจดีแฮะ ปกติเค้าบอกโปรดักส์ฝ่ายตรงข้ามกันด้วยหรอ

ฝ่ายหญิงถามต่อ : แล้ว ดังกิน อยู่ตรงไหนหรอคะ

พนง. : อ๋อ ที่นี่ไม่มีค่ะ

เรา : สงสัยถ้ามีนี่คงเดินนำทางไปแล้วมั่งเนี่ย

ผู้ชายพูดบ้าง : ทำไมไม่มีครับ เค้าไม่มาลงทุนหรอ

พนง. : นั่นสิคะ

เรา : สรุปว่าเป็นการสนทนาเรื่องการวางแผนกระจายโดนัทในห้างของกรุเทพฯใช่มั๊ยเนี่ย

เอิ้กๆ เรื่องนี้ไม่มีไรมาก สรุปว่าเป็นการฟังคนอื่นเค้าคุยกันนั่นเอง ฮ่าๆๆ .. จบ

 

นอน .. เตรียมต้อนรับเช้าวันจันทร์

อ้อ ก่อนนอนสรุปความรู้เรื่อง 3G ของ AIS ที่ได้จากการถามวันนี้

– พื้นที่ให้บริการจำกัดแค่ CTW เชียงใหม่ แล้วก็อีกที่จำไม่ได้

– ต้องเปลี่ยน Package GRPS/Edge เป็นคิดตามปริมาณข้อมูล ที่แนะนำคำ 500MB/100 บาท ก็คุ้มอยู่นะ

– Package ที่ว่า รวม GRPS/Edge ทั้งหมดด้วย ถ้าอยู่ในบริเวณก็ใช้ 3G ไป ข้างนอกใช้อะไรที่รับได้

–  ถ้าซิมไม่เก่าเกินแกง ไม่ต้องเปลี่ยนซิม

– ตอนนี้เปิดบริการบนความถี่ 9ooMHz

เมืองใต้เท้า : Mission Underground

ปกหน้า

ปกหน้า : เมืองใต้เท้า

ผู้แต่ง : ชัยกร หาญไฟฟ้า

ก่อนอ่าน

หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายภาษาไทยเล่มแรกที่ซื้อมาอ่านก็ว่าได้ ถ้าไม่นับ ลูกอีสาน, มานี มานะ ปิติ ชูใจ (มันชื่อหนังสือว่าอะไรนะ) แลัวก็พวกหนังสืออ่านนอกเวลาสมัยเรียนทั้งหลาย

จริงๆตอนเลือกเนี่ย แค่อยากจะหาหนังสือเบาๆมาอ่านเล่น แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นหนังสือแนวเดิมๆ

อาจจะเป็นเพราะหนังสือแนวนี้ช่วยจำกัดการจินตนาการ อยู่ในกรอบอยู่ในความตื่นเต้นของเรื่องราว จะได้ไม่พัดพาความคิดไปไกล

แล้วเรื่องนี้ก็คงเป็นความอยากลองดูหนังสือแนวไซไฟ ที่แต่งโดยคนไทยดูบ้าง… ยิ่งเห็นว่าผู้แต่งเป็นวิศวกรด้วยแล้ว คงจะอ่านได้สนุกเป็นแน่

อีกอย่างที่แปลกไปจากเล่มอื่นๆคือ คิดว่าเล่มนี้มีกลิ่นอายของการเมืองผสมอยู่ไม่น้อยเลย คงแปลกๆไปอีกแบบ

เนื้อหาโดยสังเขป :  (จาก ซีเอ็ด )

นวนิยายแนวผสม ระหว่างนวนิยายชีวิตอิงการเมือง และอิงแนวไซไฟ เล่าถึงชีวิตของตัวละครอันเป็นคนชั้นกลางในเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี การสื่อสาร การคมนาคม และผลกระทบจากผู้มีอำนาจทางการเมือง นักการเมืองระดับอดีตผู้นำประเทศ กับลูกชาย และเครือข่ายผู้สืบทอดอำนาจ….ประหนึ่งว่า เมืองใหญ่แห่งนี้อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของเขา นี้จึงเป็นที่มาประการหนึ่งของชื่อเรื่องว่า เมืองใต้เท้า…หากแต่ก็ยังมีนัยอื่นอีก นั่นก็คือว่า เมืองใต้เท้าในความหมายของเมืองที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน ซึ่งตามท้องเรื่องแล้วแทบไม่มีใครรู้มาก่อนว่า เมืองเมืองนี้มันถูกสร้างขึ้นโดยใคร และโดยเหตุผลกลใดกันแน่…

 

หลังอ่าน

อ่านจบแล้วจะมาอัพเดทอีกที … นะ

อ่านจบแล้วว ใช้เวลา 3 วันกว่าๆ

เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามจนวางไม่ค่อยลง

(เป็นเหตุให้ปวดหลังเมื่ออ่านจบ – -“)

แต่รู้สึกว่ามีศัพท์เฉพาะทางเยอะมาก

ยิ่งเมื่อเขียนเป็นภาษาไทย บางครั้งอ่านแล้วงงๆ

กับคำบรรยายบางคำที่เมื่ออ่านเจอแล้วทำให้จินตนาการที่กำลังลื่นไหลสะดุดลง

แต่โดยรวมแล้วสนุกดี ตอนจบมีให้เดาเล็กๆด้วย (หรือไม่ก็เฉลยแล้ว แต่เราไม่เข้าใจ เอิ้กๆ)

วิธีกู้ WordPress

เช้าวันนึงเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ได้พบกับความประหลาดใจเมื่อเข้ามาเช็คสถิติเว็บตามปกติและพบว่า… เว็บหาย !! ใช่แล้วครับคุณอ่านไม่ผิด เว็บหาย !! ตอนแรกในใจก็คิดว่าอาจจะเป็นเรื่อง Server Down ซึ่งเกิดขึ้นได้ปกติทั่วไปตามเครื่องที่เปิดไว้ตลอดเวลา เลยลองไปเข้า Blog ของ @Poom3d เพื่อดูว่าเว็บเจ้าของ Host ยังปกติดีอยู่มั๊ย และก็พบกับข้อความอันทำให้เสียวสันหลังวาบว่า “Poomsoft โดน Amegadon ลง” ในใจตอนนั้นคิดว่า มันแปลว่าอะไรวะ เกิดอะไรขึ้น .. แล้วเว็บกรูล่ะ – -“


ต่อมาเลย Login เข้า CPanel ของเซอร์เวอร์เพื่อดูความผิดปกติซึ่งก็พบว่าไฟล์ในโฟลเดอร์สำหรับเว็บไอแก้วทั้งหมดได้หายไปจริงๆด้วย ทันใดนั้นก็นึกถึงความรู้สึกของการทำ BCP ขึ้นมาทันทีแต่ต่างกันที่ว่าอันนี้มันเป็นแค่บล็อกเล็กๆที่ไม่ค่อยมีคนเข้า แต่ด้วยความรู้สึกตอนนั้นคือ ยังไงก็จะพยายามกู้มันกลับมาให้ได้เพราะหลายๆโพสต์ในนี้มีค่าแก่การจดจำอย่างยิ่ง


หลังจากรู้ว่าไฟล์ของเว็บทั้งหมดได้หายไป  ก็พยายามหาวิธีกู้ข้อมูล โดยได้ข้อมูลเพิ่มเติมคือ Database WordPress ของเว็บยังอยู่ทั้งหมด เลยนำไปสู้ขั้นตอน(ที่คิดขึ้นเอง)สำหรับการกู้เว็บกลับคืนมา


หมายเหตุ วิธีทั้งหมดนี้เขียนขึ้นมาด้วยตัวเองล้วนๆ ไม่แน่ใจว่ามีผลกับ WordPress อย่างไรหรือไม่โปรดใช้ด้วยความระมัดระวัง


ขั้นแรก ต้องมั่นใจว่า Database ของเว็บยังอยู่ปกติจริงๆ หรือหลังจาก Restore DB แล้วยังปกติ โดยลองเข้าไป Select ข้อมูลเล็กน้อยจาก WordPress DB ดูว่าปกติจริงๆ

ขั้นที่ 2 ทำการ Download WordPress จากเว็บ www.wordpress.org ซึ่งขอให้เป็น Version เดียวกับที่เราใช้อยู่ก่อนที่มันจะหายไป

ขั้นที่ 3 ทำการ Upload ไฟล์ WordPress และ Extract อยู่ตาม Path เดิมให้เรียบร้อย

ขั้นที่ 4 ทำการแก้ไข Config ของเว็บ ซึ่งทำได้สองวิธีคือ  แก้ไฟล์ wp-config.php โดย rename จากไฟล์ที่มีอยู่คือ wp-config-sample.php แล้วแก้ไขค่าข้างในให้ถูกต้อง หรือวิธีที่ 2 เข้า Url  Blog ของเราแล้วตัว WordPress จะสร้างหน้าสำหรับ Config มาให้โดยกรอกข้อมูลของ Database ที่เราใช้

ขั้นที่ 5 เมื่อ Config เสร็จแล้วไม่ต้องกด Install ให้ข้ามไป Login เข้า /Wp-Admin เลยด้วย Password Admin เดิม

ขั้นที่ 6 เข้าไปส่วน Settings หน้าไหนที่เราแก้ Config ต่างจาก Default ให้เข้าไป Submit อีกรอบนึงเช่น ค่า Permalinks ที่เรากำหนดให้ URLs เป็น %Postname% แทน /ปี/เดือน/ อะไรแบบนี้ต้องเข้าไป Submit ใหม่

PermalinkReSubmit


ขั้นที่ 7 ไปหน้า Theme แล้ว Search หาธีมที่เราเคยใช้ แล้วเลือก Install

ขั้นที่ 8 อันนี้สำคัญมากๆ มีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้นอ่านให้จบข้อก่อนนะ..  เข้าไปที่หน้า Plugins เมื่อเข้ามาถึงแล้วให้ Capture เก็บไว้เลย เพราะ WordPress จะแสดง Plugin ที่ Error ทั้งหมดขึ้นมา เนื่องจากมีอยู่ใน Database แต่ไม่มีไฟล์ Plugin นั้นๆ ซึ่งที่สรุปได้ มันก็คือ Plugin ที่เราเคยลงไว้ทั้งหมดนั่นเอง โดยมันจะปรากฏครั้งเดียวตอนเข้าหน้า Plugins ครั้งแรกหลังจากลง WordPress ใหม่

PluginError

ขั้นที่ 9 เมื่อได้ รายชื่อ Plugin แล้วก็ทำการลงใหม่ โดนจะไป Download เองหรือ Install ผ่าน Search ในหน้า Plugin ก็ได้ เมื่อลงแล้วส่วนใหญ่ Config เดิมจะยังอยู่ครบถ้วน






ถึงตอนนี้คาดว่าเข้าหน้าเว็บได้แล้ว ควรจะขึ้นโพสต์ที่เราเคยเขียนไว้ทั้งหมด ซึ่งส่วนต่อมาที่เราจะต้องจัดการจะเป็นส่วนของรูปภาพซึ่งค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร


โดยส่วนของรูปภาพนั้นจะขึ้นอยุ่กับ Path ที่เราเก็บรูปด้วยว่าเราตั้งไว้ที่ไหน ซึ่งที่ผมได้ตั้งไว้คือ wp-content/uploads แล้วตั้งให้เป็นแบ่งตาม ปี /เดือน สุดท้ายแล้วจะได้ตามนี้คือ ถ้าภาพที่ upload เดือนสิงหาคม 2009 จะอยู่ที่ wp-content/uploads/2009/08/ เป็นต้น


การ upload รูปซ่อมนั้นทำได้ดังนี้

1. เข้าไปเปลี่ยน Path ของการ Upload ให้ไปที่ Path นั้นๆจริงๆเช่น เราจะซ่อมรูปที่ Upload ไปเมื่อ 05/2009 ให้ไป Set ค่า Upload Path ที่เมนู Miscellaneous Settings เป็น wp-content/uploads/2009/05 และให้ติ๊กออกในข้อ

Organize my uploads into month- and year-based folders


2. ทำการ Upload รูปตามปกติ


3. เข้า PhpMyAdmin หรือ DB Query ตัวอื่นๆ ไป Select ดูใน Table ดังนี้

SELECT * FROM `wp_posts` WHERE Post_Date > 'yyyy-mm-dd'

โดย yyyy-mm-dd แทนวันที่ที่คุณ Upload ซึ่งจำนวน Record ที่ได้ควรจะเท่ากันกับรูปที่ Upload ไป เมื่อตรวจสอบว่าเท่ากันแล้วก็ ลบมันซะ เพื่อที่ว่าจะใน Media Library จะได้ไม่มีข้อมูลรูปซ้ำ

เมื่อจะเปลี่ยนเดือนก็ไปแก้ค่าตามข้อ 1 ให้เป็นเดือน หรือ Folder ที่ต้องการแล้วทำตามข้อ 2-3 ใหม่


4. เมื่อทำการ Upload ซ่อมเสร็จหมดแล้วก็แก้ไขค่า Config Miscellaneous Settings กลับเป็นเหมือนเดิมก็เป็นอันเสร็จพิธี


ซึ่งสาเหตุที่ต้องซ่อมรูปแบบนี้เพื่อที่ว่าจะได้มีรูปเหมือนเดิม ถูก Resize เป็นสามขนาดเหมือนเดิมและใน Post ต่างๆของเราไม่ต้องตามไปแก้อีก ทั้งนี้ระหว่างที่เปลี่ยน Config ของ Upload Path อาจเป็นไปได้ว่าไปดูรูปใน Post แล้วไม่ขึ้น ให้ลองแก้ Config กลับแล้วไปดู Post นั้นอีกที



*** สิ่งสุดท้ายที่ควรทำคือ การลง Plugin สำหรับ Backup WordPress ของเรา ตอนนี้ที่ลองใช้คือตัว WordPress Backup ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถตั้งเวลาให้ทำงานได้ ลองใช้กันดูนะ ^^

Scroll to top