อีกหนึ่งก้าวเล็กๆ .. ของ Takeatax

เมื่อวาน เป็นอีกวันในชีวิตที่ควรเขียนเก็บไว้

 

อย่างที่หลายๆคนอาจจะไม่ทราบ ว่าผมมีโปรเจคที่ไม่ค่อยได้เล่าอยู่อันนึง คือเว็บ Takeatax.com

 

ซึ่งเป็นเว็บที่คอยรวบรวมข้อมูลของการขึ้นแท็กซี่ในบ้านเรา มาแชร์ระหว่างผู้ใช้บริการด้วยกัน

 

โปรเจคที่ว่านี้ ใช้เวลาทำๆหยุดๆมาเกือบปี .. จนถึงวันนี้ มีแท็กซี่ในระบบร่วม 2700 คัน .. มีความเห็นรวมๆกว่า 3000 ความเห็น

 

เมื่อประมาณหกเดือนก่อน ได้รับการโปรโมทโดยเว็บไซต์ IT24 Hrs.

 

และมาถึงเมื่อวานนี้ ผมได้รับการติดต่อขอสัมภาษณ์ จากคุณโย (@yoware) เพื่อออกอากาศทางวิทยุในรายการ MCOT .NET (100.5 Mhz)

 

ซึ่งโดยส่วนตัว ถือว่าเป็นก้าวเล็กๆที่ค่อนข้างจะมีค่าทางจิตใจ เลยมีสิ่งที่อยากบันทึกไว้ตรงนี้ .. คือ

 

เมื่อปลายปีก่อน ตอนที่ได้เริ่มคิด และลงมือทำโปรเจคอันนี้ ใช้เวลาวันเสาร์และวันอาทิตย์อันน้อยนิด ที่ถูกแบ่งมาจากเวลาอันน้อยนิดอีกที

 

โดยในวันนั้น หวังเพียงแค่เพียงว่า มันจะมีประโยชน์กับผู้คนในสังคมบ้าง

 

และในวันนี้ มันได้พิสูจน์(เล็กๆ)แล้วว่า ถ้าเราตั้งใจทำอะไรซักอย่างเพื่อใครสักคน

 

ผลตอบแทนที่ดีที่สุด คือความอิ่มเอมใจ … ที่อย่างน้อย เราได้สร้างอะไรไว้บ้าง มากกว่าที่จะเกิดมาแล้วก็สลายหายไปอย่างเงียบๆ

 

อีกอย่างนึงคือนี่เป็นโปรเจคแรก ที่ทำคนเดียว และทำมันได้ยาวนานหลายเดือนโดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจซะก่อน

 

ขอขอบคุณหลายๆคนที่มีส่วนร่วม ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว

แต่ที่คงต้องเอ่ยชื่อไว้ตรงนี้คือ น้อง @ZestzeroZ ที่ทำโลโกน้องแท็กซี่ให้งดงามขนาดนี้ ..

Garbage Collection

เรียนเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยป.ตรี .. จนแล้วจนรอดก็ได้ใช้ซักที ..

(จะมีใครเก็ตมุกนี้มั๊ยเนี่ย >_<)

.

.

ช่วงนี้เวลาเต็มเอี๊ยดด .. ขยับตัวไปไหนไม่ได้เลยต้องระบายออกด้วยวิธีนี้แทน แหะๆ

มันคือการถ่ายรูป (ถึงแม๊จะดูกิ๊กก๊อกก็เถอะ) … มาดูกัน 🙂

 

 

ขยะ .. เหงา
ใจ .. กลาง .. ขยะ
ขยะ … แขยง … (มันต้องทะแยง .. สิ)
ขยะ .. เป็นประกาย
เบียดเสียดเยียด..ขยะ
ขยะ .. โดนกีดกัน
สุดท้าย … ขยะทั้งหมด … นั้นมาจากใจ

 ว่างเนอะ …

รูปทั้งหมดถ่ายด้วย Galaxy S1 .. ที่พยายามจะกลายร่างเป็น S3 อยู่ทุกวัน – -“

Rainy Day

ปล่อยของ ..

 

วันเสาร์ที่ผ่านมา .. เซ็งมากกก …. แต่ก็ยังมีอารมณ์ถ่าย Time Lapse ตอนกลับบ้าน .. เสียดายว่าจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

 

แต่ก็ขออัพเก็บไว้ระลึกถึงความรู้สึกวันนั้นหน่อยละกัน … 😉

 

httpvh://vimeo.com/44640608

MOCA : พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย

… ออกตัวล้อฟรีไว้ก่อนเลยว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เขียนบล็อกเรื่องนี้มาก่อนเลย คำไหนผิดอะไรยังไงก็แก้ให้ด้วยนะคร่าบ 😛

หน้าทางเข้า

เริ่มจากวันนี้เรียนโทเสร็จ กำลังขับรถกลับบ้าน … ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำแล้วเหลือบไปเห็นพิพิธภัณฑ์อันนึงมานานล่ะ ตึกเท่ดีทับๆไม่มีหน้าต่างแล้วมีรอยฉลุอยู่หน่อยนึง ตั้งอยู่ถ.โลคอลโรด เยื้องๆม.เกษตร เลยเปรี้ยวขับรถเข้าไปดู .. โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ – -”

แค่ทางเดินจากที่จอดรถขึ้นไป .. ก็หล่อแล้ว

ก็เลยได้มีโอกาสเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (Museum of Contemporary Art)

ข้างในจะเป็นที่รวมภาพวาด ปฏิมกรรม มากมาย .. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของจิตกรชาวไทย ..

คือส่วนตัวเนี่ย จริงๆไม่มีความรู้ด้านศิลปะแม้แต่น้อยนิด .. คือไม่รู้ว่าใครดัง ไม่รู้ว่าภาพในมีความสำคัญ

แต่แรงผลักดันอันนึงคือ .. ตอนไปอังกฤษยังอุตสาห์ดั้นด้นไปดู National Gallery บ้านเค้าตั้งนาน (ถึงแม้จะไม่รู้เรื่องเลย)

แล้วทำไมทีศิลปะบ้านเรา ถึงจะละเลยซะดื้อๆ ? เราก็ต้องมีความยุติธรรมกันบ้าง .. หรอวะ

ถ่ายรูปได้แค่โถงตรงนี้ .. มีร้านกาแฟให้บริการด้วย

น่าเสียดายหน่อยนึงตรงที่ข้างในเค้าห้ามถ่ายรูป (น่าจะเป็นเหมือนกันทุกพิพิธภัณฑ์ศิลปะ) เลยได้รูปมากหน่อยเดียว

 

ที่จำได้คร่าวๆในนั้นคือมีผลงานของอ.ศิลป์ พีระศรี .. ซึ่งก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนอีกเช่นกัน – -” (เมิงรู้อะไรบ้างเนี่ย)

เพิ่งจะรู้ในนั้นว่าแกเป็นคนก่อตั้งม.ศิลปากร .. อีกอันที่ทำให้จำได้ดีก็คือ แกเป็นคนปั้นรูปปั้นรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ !!

โถงทางเข้า .. โปร่งขึ้นไปถึงหลังคาเลย

อีกอันที่ชอบและเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกคือ “ภาพพิมพ์แกะไม้”  .. โดยเฉพาะของอ.ประพันธ์ ศรีสุตา น่าจะมีเป็นร้อยรูปเลย เท่ห์ดี  (เป็นภาพประมาณนี้)  .. ฟังดูเหมือนรู้เรื่องศิลปะมะ 555+

 

อีกอันที่จำได้คือ ได้ดูภาพวาดขุนช้างขุนแผน .. และล่องไพรฉบับดังเดิม .. (อันนี้ไม่ค่อยตื่นเต้น .. คือจำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว)

หลักๆไปเดินดูอยู่เกือบสองชม.ที่จำได้ก็มีแค่นี้ – -”  จริงๆแอบจดชื่อศิลปินที่ชอบมาสามสี่ท่านเหมือนกัน เผื่อว่าอารมณ์ดีจะตามไปดูรูปอื่นๆของเค้า

ข้างในยังมีของศิลปินดังๆหลายท่านที่ได้ยินชื่อในสื่อบ่อยๆ .. แต่ถ้าบางทีก็เข้าไม่ถึงจริงๆ .. หรือภาพสวย แต่ดูแล้วมันไม่ใช่แนว  O_o

ชอบอะไรแบบนี้มาก .. จริงๆอาคารก็เป็นอย่างนึงที่ทำให้อยากมาดู

ปิดท้ายด้วยข้อมูลกันเล็กน้อย

ที่นี่ค่าเข้าประตู คนละ 180 บาท

แต่มีข่าวดีคือ นักศึกษา 80 บาท และข่าวร้ายคือนับถีงแค่ปริญญาตรี – -”

ที่จอดจดฟรี .. เจ้าหน้าที่เยอะแยะมากมาย ยิ้มแย้มและบริการดีมากก .. 😉

สวนด้านนอก .. เสียดายที่ตอนออกมานั้นฝนตก

เค้ามีเว็บไซต์ด้วย รู้สึกว่าจะเข้าไปดูแบบ Virtual ได้ด้วย ที่นี่ http://www.mocabangkok.com แต่ยังไงก็ไม่เหมือนไปดูเองหรอก

แผนที่ตามด้านล่างเลย (ใน Google Maps ยังสร้างไม่เสร็จเลย – -“)

บ่ายวันอาทิตย์ก็หมดไปด้วยการหลงไปในตึก 6 ชั้นแห่งนี้ .. เผื่อใครสนใจจะไปเสพงานศิลปะ 🙂

 [mappress mapid=”15″]

Dine in the Dark : เมื่อตาที่มีอยู่ดูไม่เห็นอะไร

วันนี้มีโอกาสไปลองกินร้านอาหารร้านนึงที่ชื่อว่า Dine in the Dark หรือเค้าเรียกย่อๆว่า DID


ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อร้านนี้ คือหัวหน้าที่มาจากอังกฤษเค้าไปกินมา แล้วมาเล่าให้ฟัง ..

 

แน่นอนว่าเรื่องกินนี่ถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว วันนี้เลยได้มีโอกาสไปลองมา

 

เริ่มจาก ห้องอาหารนี้ มีคอร์สให้เราเลือกได้แค่สามอย่าง คือ อาหารไทย, International หรือมังสะวิรัติ

 

กับเพิ่มเติมได้ว่าไม่กินอะไรบ้าง … แค่นั้น !!

 

หลังจากเลือกอาหารและเครื่องดื่มเสร็จ .. สิ่งที่ต้องทำคือเอาโทรศัพท์มือถือใส่กล่องล็อคเก็บไว้ข้างนอก

 

แล้วจะมีพนักงานเสริฟ ซึ่งที่นี่จะเรียกว่าไกด์ .. มาพาเราเข้าไปยังโต๊ะอาหาร พร้อมทั้งจะเป็นบริกรให้เรา ดูแลเราตลอดมือนี้

 

ซึ่งไกด์ทุกคนที่นี่ เป็นคนตาบอด !!!  … ครั้งนี้ที่ไปได้ “พี่หมู” มาเป็นไกด์ให้

 

เริ่มจากเดินเกาะไหล่พี่หมู เดินเข้าไป เลี้ยวซ้าย .. เลี้ยวขวาอีกนิดหน่อย รู้สึกอีกทีก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรแล้ว

 

ที่ว่ามองไม่เห็นนี่คือมองไม่เห็นอะไรเลยจริงๆนะ มืดกว่าที่เคยเจอมาทั้งหมด … ชนิดที่ว่าเอามือมาโบกๆข้างหน้า ยังไม่เห็นด้วยซ้่ำไป

 

หลังจากเดินเกาะๆมานั่งที่โต๊ะ พี่หมูก็จะแนะนำสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ .. ด้านซ้ายเป็นซ้อม ด้านขวามีมืดกับช้อน ถัดไปอีกนิดเป็นผ้ากันเปื้อน

 

ถัดไปด้านบนอีกนิดจะเป็นแก้วน้ำเปล่า .. ซึ่งหลังจากนั่งหายใจและทักทายกันแป๊บนึง พี่หมูก็จะเอาเครื่องดื่มมาเสริฟ

 

แล้วตามมาด้วย Appetizer … ต้องบอกว่าตอนนั้นตื่นเต้น สิ่งที่ทำได้คือ เอาช้อนจิ้มๆลงไป แล้วเอามาแตะปลายลิ้น ..

Appetizer

 

ผมสั่งเซ็ต International .. Appetizer ที่รู้สึกได้คือ เส้นๆกรอบๆ (คิดในใจว่าเป็นฟาง) .. มีผัก น้ำราด แคนตาลูปด้วยชิ้นนึง กับปลาหมึก

 

ตอนกินนี่ถ้ามีกล้องถ่ายก็คงตลกพิลึก ..

 

บางคำตักเข้าปากโดยไม่มีอะไรเลย .. บางคำหมี่กรอบเต็มปากมูมมามม .. บางคำก็เป็นผักชิ้นใหญ่โค้งงอมาถึงจมูก

 

นั่งกินไปแป๊บนึงพี่หมูก็จะมาถามอยู่เรื่อยๆว่าเรียบร้อยมั๊ย รสชาติเป็นไงบ้าง กินอะไรเข้าไปแล้วบ้าง …

Main course

 

ถัดมาเป็นจานหลัก .. เป็นเป็ดในซอสอะไรซักอย่าง .. กับผัก … แล้วก็มีส้มสองชิ้น ..

 

จริงๆแล้วส้มเนี่ยมารู้ทีหลัง ตอนกินนี่ตกใจมาก .. อะไรดึ๋ยๆเอาลิ้นดันๆแล้วมีน้ำเปรี้ยวๆออกมาเต็มเลย .. แต่ว่าหาอีกก็ไม่มีแล้ว สนุกดี 🙂

 

ของหวาน .. เป็นครีม ข้างในเป็นไอติม .. ข้างๆเป็นฟรุตสลัด .. รสชาติแตกต่างกันสนุกปากดี

 

….

 

สรุปสิ่งที่ได้จากอาหาารมื้อนี้จริงๆคงอยู่ที่ึความรู้สึกมากกว่า .. เพิ่งรู้ว่าตาเราสามารถมองไม่เห็นได้ขนาดนี้ .. มันมืดมากก

 

ชนิดที่คำว่า มืดแปดด้าน ยังน้อยไปด้วยซ้ำ .. ไม่ต้องสนใจว่าอาหารหน้าตาเป็นไง .. ไม่ต้องเห็นอะไรทั้งนั้น

 

ประสาทสัมผัสอื่นๆทำงานได้ดีอย่างหน้าประหลาด … ตื่นเต้นในทุกๆคำที่ตักเข้าปาก 🙂

 

อีกอย่างที่รู้สึกได้ดีคือ เมือตอนอยู่ข้างนอก พี่หมูดูเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือ .. แต่เมื่อเราเดินเข้าไปในดินแดนของเค้า …

 

เราตังหากที่ต้องการความช่วยเหลือ .. พี่หมูสามารถรินน้ำใส่แก้วได้อย่างพอดี ถ้าเป็นเราก็คงหกไปนานแล้ว

 

พี่หมูสามารถรู้ด้วยว่าอาหารที่ถือมาเป็นของใคร … พาเราเดินเข้าเดินออกร้านอาหารได้โดยไม่ชนแขกคนอื่นๆซักนิด

 

… สุดท้าย ก็ขอเชิญชวนนะคับ .. ลองมาเป็นคนตาบอดกันซักมื้อ .. คิดว่าแต่ละคนน่าจะได้อะไรไม่เหมือนกัน …

 

แล้วจะได้รู้จักความมืด .. ว่ามันมืดกว่าที่คิดจริงๆ 🙂

 

ปล. ข้อมูลร้านนี้ ดูได้ที่ http://didexperience.com/ หรือ https://www.facebook.com/DineintheDark

ปล2. ขออภัยที่รูปเป็นแบบนี้ .. แต่คิดว่ามันสื่อได้ดีกว่าอะไรทั้งหมดจริงๆ 🙂

Scroll to top