เนื่องมาจากได้รับคำสั่งให้สั่งซื้อของบางอย่างจาก Amazon แต่ว่าบางอย่างที่ว่านั้น ไม่มีบริการส่งออกนอก US (หรือไม่ก็มี..แต่ไม่อยากใช้)
… สิ่งที่เราทำได้นอกจากการบินไปซื้อเอง … ฝากเพื่อนซื้อ … ซื้อแล้วส่งให้เพื่อนหิ้วกลับมา
ก็มีอันนี้แหล่ะ Shipito.com ซึ่งได้รับการแนะนำโดย @Pakkardkaw (ก็ที่เป็นคนเีดียวกับคนที่สั่งให้ซื้อนั่นแหล่ะ)
บริการ Shipito.com คืออะไร ?
Shipito เป็นการสร้างที่อยู่ปลอมๆของเราใน US ซึ่งเมื่อเราสมัคร เราจะได้ที่อยู่มาอันนึงเป็นชื่อเรา ซึ่งสถานที่จริงๆก็คือ Warehouse ของ Shipito ตอนนี้ (23/10/2553) ค่าสมัครอยู่ที่ 8.5 $ ซึ่งก็จะนำมาเป็นเงินในบัญชีของเราต่อไป
เมื่อเราซื้อของ เราก็ให้ส่งไปยังที่อยู่ดังกล่าว …
และเมื่อของมาถึง Shipito เจ้า Shipito ก็จะเมลมาบอกรายละเอียดเรา ว่าของที่ได้รับมีหน้าตาอย่างไร (มีรูปด้วย) ขนาดเท่าไหร่ พร้อมกับประเมินราคาให้เสร็จสรรพ ว่าถ้าจะส่งมาให้เราที่บ้านเนี่ยจะเสียดังเท่าไหร่ … (นั่นแปลว่าเราต้องหาข้อมูลเรื่องราคาการส่งของระหว่างประเทศไว้บ้าง !! ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะไม่มีปัญญาเอาของออกจาก Shipito – -“)
ก่อนที่ Shipito จะส่งของออกมาให้เรา จะมีขึ้นตอนอีกสองสามอันคือ
1. เราต้องเข้าไป Declare ของที่จะส่งมาที่บ้าน ว่าเป็นอะไร เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีของทางศุลกากร ว่าของที่ส่งนั้นเป็นอะไร เสียภาษีหรือไม่อย่างไร
2. เลือกวิธีที่จะจัดส่ง ว่าส่งโดยผู้ให้บริการรายไหน (มีหลายเจ้า หลายราคา)
3. ดูเรื่องที่อยู่ที่จะให้ส่งไปที่ไหน.. แต่โดยปกติเราจะกรอกที่อยู่ของบ้านเราไว้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ส่งไปให้คนอื่นก็ไม่ต้องแก้ไขในส่วนนี้
4. จ่ายตังค์ค่าส่งกลับบ้าน .. อย่างที่บอกไว้ตอนแรก ว่าเรามีค่าสมัคร 8.50 $ ไว้ในตอนแรกอยู่แล้วด้วย ค่าส่งที่เราต้องจ่ายเพิ่มก็หักส่วนนี้ออกไปด้วย (ในครั้งแรก)
สุดท้ายก็รอของมาถึงบ้าน โดยอาจจะต้องมีไปเสียภาษีบ้างตามเวลาและโอกาส แล้วระหว่างนั้นก็เอา ID ของการส่งที่ได้จาก Shipito มา Track ดูได้ว่าของถึงไหนแล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ตอนนี้ Warehouse ของ Shipito มีอยู่หลายที่ ใน US มีใน 4 รัฐ แล้วก็เห็นแว๊บๆว่ามีในญี่ปุ่นด้วย … เป็นไปได้ว่าต่อไปอาจจะสั่งของจากที่อื่นได้ง่ายขึ้น สั่งไปส่ง Shipito ก่อน.. แล้วค่อยว่ากัน ประมาณนั้น
- การจ่ายตังค์มีทั้ง Paypal และบัตรเครดิต
ปล. เพิ่งใช้ครั้งแรก ใครมีทริคเด็ดๆก็บอกกันมั่ง
ปล2. ช่วงนี้บาทแข็ง … จะซื้ออะไรก็รีบซื้อ 🙂
July 26, 2011
มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ
แล้วไม่ทราบว่าคุณ Keaw มีข้อมูลของการเสียภาษีด้วยไหมครับว่าเท่าไหร่
ผมสนใจสินค้าพวกหูฟังครับ
July 26, 2011
เหมือนตอนนั้นผมสั่งซื้อตัวต่อ Lego น่ะครับ Declare ว่าเป็นของขวัญเข้ามา .. ทางศุลกากรจะคำนวณภาษีแล้วให้เราไปจ่ายที่ไปรษณีย์ตอนรับของครับ
ส่วนเรื่องค่าภาษี ผมเองก็ไม่มีข้อมูลเหมือนกันครับ อาจจะต้องลองถามๆคนที่เคยสั่งหูฟังเข้ามา ว่าแพงมากน้อยแค่ไหนน่ะครับ (แต่ส่วนตัวผมว่ามันน่าถูก เพราะทางกรมศุลฯจะประเมินราคาหูฟังไว้ต่ำกว่าที่เป็นจริง)
December 22, 2011
คือว่าลองใช้บริการไปแล้วสินค้ามาถึงที่ usแล้ว แต่ทางนั้นไม่ยอมชิปปิ้งมาให้เพราะต้อง เติมในส่วนของ Account Verification ให้ได้ไม่น้อยกว่า 65 เปร์เซน เลยอยากทราบว่าในส่วนนี้ต้องใช้ไรบ้างอ่ะคะ ตอนแรกที่ใช้เพราะคิดว่าคงไม่ต้องทำไรมากแต่พอมาขั้นตอนนี้แล้วงงเลยคะว่าจะใช้อะไรยัง ภาษาอังกฤษก็พอไปวัดไปวาได้เฉยๆแต่ไม่แตกฉาน ช่วยทีนะคะ ขอบคุณมากคะ
December 22, 2011
ตอนที่ผมเคยสั่งซื้อยังไม่ต้องทำการ Verify Account เยอะแบบนี้ครับ เข้าใจว่าอันนี้เป็นการยืนยันตัวคนรับของตามกฏหมายของ US มั้งครับ
ลองส่งข้อมูลต่อไปนี้ให้เค้า ตรงที่เขียนว่า Upload Document ด้านขวาน่าจะช่วยได้นะครับ
– รูปถ่าย (หรือแสกน) บัตรประชาชน หน้า/หลัง
– รูปถ่าย (หรือแสกน) ใบขับขี่ (หรือบัตรประจำตัวอีกอัน) หน้า/หลัง
– บิลค่าน้ำค่าไฟ หรือบิลอะไรที่มีที่อยู่เรา แสกนหรือถ่ายรูป
– โหลดไฟล์ FORM 1583 มากรอก แล้วอัพโหลดกลับไปให้เค้าครับ
December 22, 2011
กรณีที่ไม่มีใบขับขี่ จะใช้ทะเบียนบ้านได้รึป่าวคะ แล้วบิลที่มีที่อยู่เราแต่ไม่ใช่ชื่อเราล่ะคะ
ขอโทษที่ถามมากคือไม่รู้จิงๆคะ
December 22, 2011
ทะเบียนบ้านก็น่าจะได้ครับ / หรือถ้ามีพวกบัตรนักศึกษาก็น่าจะได้ครับ
ส่วนบิลก็อาจจะต้องลอง upload ให้เค้าดูครับ แต่ผมว่าน่าจะได้ครับ ขอแค่เห็นที่อยู่
ปล.พอดีว่าผมก็ยังไม่เคย Verify เลยอาจจะต้องลองส่งไปดูก่อนครับ
December 22, 2011
ขอบคุณมากๆเลยคะ ช่วยได้เยอะเลย สงสัยต้องลองส่งไปดูก่อน ^^
December 18, 2019
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันข้อมูลดังกล่าว