Serenade Club

เมื่อวานพอจะได้มีเวลาไป AIS เพื่อยกเลิก Internet Fibre ที่คอนโดฯ เลยได้เปิดประสบการณ์ใหม่หลายอย่างเลย

  • ศูนย์ AIS หลายที่ ถูกเปลี่ยนเป็น Serenade Club ให้บริการเฉพาะลูกค้า Serenade เท่านั้น ไม่รู้ว่าเปลี่ยนนานรึยัง แต่ก็สะดวกดี (ถ้าเราได้ใช้) รอคิวไม่นาน ข้างในหรูหราอลังการ .. ที่เจอคือที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว
  • ยกเลิก Fibre ใช้เวลาไม่นาน ต้องเอาอุปกรณ์มาคืน และต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริงด้วย …
  • Fibre ที่คอนโดเป็นแบบจ่ายก่อน ใช้ทีหลัง (ทำไม่เป็นแบบนั้นนะ !) และถึงแม้ว่าจะยกเลิก แต่ถ้าเลยกำหนดจ่ายมาแล้วก็ต้องจ่ายอยู่ดี (คือจ่ายเดือนสุดท้ายฟรีๆทิ้งไว้เดือนนึง ถ้าไม่ได้มายกเลิกวันสุดท้ายของรอบบิล)
  • ถ้ายกเลิก AIS Point ที่มีอยู่จะหายไป Burn point ได้สองทางคือ เอาเป็นส่วนลด accessories ในร้าน ที่ก็ไม่ได้มีให้เลือกเยอะมาก กับเอาไปกดซื้อกาแฟ Starbucks เป็นเครื่องอัตโนมัติในศูนย์บริการนั่นแหล่ะ แก้วละ 60 คะแนน ที่เหลือก็ปล่อยทิ้งไป 😂
  • ถัดมา ถ้ารวมรอบบิล (Fibre และ โทรศัพท์มือถือ) แต้มที่มีอยู่ก็จะหายไปเช่นกัน 😂
  • (อันนี้นานแล้ว) คือ ถ้าแพคเกจอินเตอร์เน็ตของมือถือเรามี multi-sim จะทำให้ใช้กับ promotion ที่เป็นพวก ใช้ data เต็มสปีดเต็มแล้วลดความเร็วเหลือต่ำ ๆ ไม่ได้ จะใช้ได้แบบเต็มสปีดหมดแล้วหยุดเลยเท่านั้น รอบนี้ก็เลยยกเลิก multi-sim ทิ้งไป
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว จอดรถฟรี ชม.เดียว ประทับตราจอดรถขั้นต่ำ ยอดสองพันบาท แพงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

ปล. ช่วงนี้พอจะว่างขึ้น เลยมาลองนั่งปั่นบล็อกเรื่องง่ายๆหน่อย

ว่าด้วยเรื่อง Solar cell

ครบรอบหนึ่งปี กับการติด Solar cell เลยมาแชร์ผลการดำเนินงาน

รายละเอียดการติดตั้ง

  • ขนาด 4.64 kW บนไฟ 1 Phase ติดตั้งแบบ on-grid
  • ระบบ Micro Inverter ของ Enphase
  • แผงโซล่าเซลล์ JINKO 580 watts จำนวน 8 แผง
  • ติดตั้งบนหลังคาบ้านด้านเดียว หันหน้าไปทางทิศใต้
  • ไม่มีแบตเตอรี่เก็บไฟ
  • บริษัทที่ติดตั้งทำเรื่องขายไฟคืนการไฟฟ้าฯให้

Krisp: โปรแกรมตัดเสียงรบกวนที่ทำให้ประชุมออนไลน์ง่ายขึ้น

หลังจากทำงานที่บ้านมาค่อนปี ก็พบว่าการประชุมทั้งวันโดยใส่หูฟัง (แบบ over-ear) นั้น ไม่ค่อยสบายหูเอาซะเลย

เลยเริ่มจากการประชุมโดยใช้ไมค์จากกล้องเว็บแคม และลำโพงข้างนอกก็เหมือนจะสะดวกขึ้น แต่ก็ต้องคอยระวังเรื่องเสียงรบกวน ไม่ว่าจะเป็นบ้านข้างๆต่อเติม เสียงรถกับข้าว หรือหมู่บ้านข้างๆกำลังตอกเสาเข็ม ทำให้บางทีต้องพูดหลายรอบ(ถึงจุดนี้ต้องยอมรับว่าการตัดเสียงรบกวนของ Microsoft Teams นั้นทำได้ดีกว่า Google Meets เยอะเลย)

ยังไม่นับว่าการต้องคอยปิดเปิดไมค์เวลาพูดด้วย ทำให้การสนทนาไม่ไหลลื่น หรือบางทีพูดไปตั้งนานโดยที่ไม่ได้เปิดไมค์

จนไปจบที่ลอง krisp.ai แอพที่ช่วยตัดเสียงรบกวน โดยทำตัวเองเป็น virtual microphone/speakers เราเลือกแอพต่างๆให้ใช้งานไมค์/ลำโพงผ่านทาง krisp ก็จะได้ฟีเจอร์นี้ไป

หลังจากลองแบบฟรี (ฟรี 240 นาทีต่อสัปดาห์) ก็พบว่ามันใช้ได้อยู่ เลยลองจ่ายเงินแบบ 1 เดือน (ที่แพงกว่าแบบรายปีเยอะมาก) … และสุดท้ายก็มาจบที่จ่ายรายปีในที่สุด

ตัวแอพทำอะไรได้บ้าง

  • ตัดเสียงรบกวนจากฝั่งเราเวลาเราพูด
  • ตัดเสียงรบกวนจากฝั่งคนพูดแล้วมี Noise มาหาเรา (ต้องจ่ายเงิน)
  • บันทึกเสียงเก็บไว้ (ต้องจ่ายเงิน)
  • บันทึกที่ว่าสามารถดาวโหลด/เล่นผ่านเว็บได้ (เล่นแบบ x2 ได้ด้วย)
  • มี feature ของฝั่ง video ด้วย พวกจัดการ background (แต่ยังไม่ได้ลองใช้)
  • มีการวิเคราะห์ให้ว่าเราใช้เวลากับการประชุม (รวมถึงการพูดในที่ประชุม) มากน้อยแค่ไหน
การใช้เวลาสำหรับประชุม/คุยงาน ในข่วงที่ผ่านมา

สิ่งที่คิดว่าแอพน่าจะทำได้ดีดว่านี้

  • คุณภาพของแอพ – ที่ผ่านมาเจอว่าบางแอพแฮงค์ พาลพาเอาการประชุมมีปัญหาไปด้วย
  • การกินทรัพยากรเครื่อง – บางทีเจอว่าเครื่องร้อง (เพราะต้องทำงานเยอะ)
  • ถ้าต่ออุปกรณ์ใหม่ๆเข้าไปกลางการประชุม เสียงจะวิ่งไปที่อุปกรณ์ใหม่ โดยที่ไม่ได้ผ่าน krisp – อันนี้ไม่แน่ใจว่าตัว krisp ทำอะไรได้บ้างมั๊ย
  • Mobile app – ที่เหมือนจะเคยมีและเลิกทำไปแล้ว
  • เห็น Google Meets ทำ Live caption ได้แล้ว คาดหว่างว่า krisp น่าจะทำได้ด้วย เป็น transcript ออกมา แล้วก็ทำ summarize อีกทีออกมาเป็น minute of meeting ให้เราอ่านได้เลย (เวอร์มาก !) – ถึงจุดนึงเราก็ส่ง krisp ไปเข้าประชุม (observe) แทนเราแล้วก็ส่งสรุปมาให้ !

โดยรวมถือว่าทำให้การทำงานชิลขึ้น เราสามารถนั่งเอนหลังฟังการประชุมได้ แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าเสียงสิ่งแวดล้อมจะกวนเวลากำลังพูด

หลังจากนี้ สิ่งที่มองหาคือ ปลาดาว ! (Conference speaker) น่าจะช่วยทำให้การคุยสะบายขึ้นอีกนิดนึง เพราะไมค์กับลำโพงอยู่ที่เดียวกัน ตอนใช้จอนอกนี่จะเจอว่าถ้าใช้ไมค์กับลำโพงจากเครื่องแมคที่วางอยู่ข้างๆนั้น เราจะเอียงตัวไปหามัน แล้วจบที่ปวดหลังทุกที

ปล. ประชุมเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

MAC101: เมื่อ Dock ย้ายหน้าจอด้วยตัวเอง

หลังจากใช้ Mac มา 4 เดือน ปัญหานึงที่เจอบ่อยๆก็คือ อยู่ๆ Dock ด้านล่างก็ย้ายจอเอง จากหน้าจอหลักที่เป็นจอนอก ไปยังจออื่นๆ

ที่ผ่านมาก็แก้ปัญหาด้วยการถอดสายจอแล้วเสียบใหม่ (เป็นวิธีการที่บ้านมาก)

จนเมื่อวานก็ชวนสมบอยคุยเรื่องนี้ ก็เจอว่าสมบอยก็ถอดสายจอเสียบใหม่เหมือนกัน จนสมบอยไปหามาให้ว่ามันเป็น feature !!

สาเหตุของการที่ Dock ย้ายจอคือฟีเจอร์ที่ว่า

“ถ้าเราลากเมาส์จากกลางหน้าจอ ลงไปถึงขอบล่างของจอบน monitor ใดๆ Dock จะย้ายไปอยู่ที่หน้าจอนั้น !! “

วิธีการแก้ปัญหาหลังจากนี้คือ

  • ถ้ามันย้ายไป เราก็ย้ายกลับด้วยการลากเมาส์บนหน้าจอหลักของเรา
  • อีกทางแก้ที่มีคนแนะนำคือ ปิด feature “Displays have separate spaces” (System preferences > Mission Control) ซึ่งส่วนตัวคิดว่ามีผลกระทบมากกว่าแค่การย้าย Dock เลยยังไม่ได้ลอง

บางทีก็งงนะว่าฟีเจอร์แบบนี้มีไปทำไมกัน !

ปล. บางทีก็งงกับคำในภาษาไทย ระหว่างหน้าจอ (Logical screen) กับ จอ (Monitor) เหมือนกันเนอะ

Ref:

เครื่องมือสำหรับตัดต่อวิดีโออย่างง่ายบน Windows ฉบับของฟรี

เพิ่งจะกลับมาจากไปเที่ยว แล้วทำวิดีโอสั้นๆไว้อวดเพื่อน … พบว่าทุกวันนี้เครื่องมือบน Windows นั้นสามารถตัดต่อวิดีโออย่างง่ายใส่เพลงได้แบบสบายๆเลย มาลองดูกันว่าใช้อะไรทำบ้าง

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ: Video Editor

อันนี้ติดมากับ Windows 10 เลย ไม่แน่ใจว่ามาใน Version ไหน แต่ง่ายเพียงพอที่จะลากวางๆ สามรถ trim, split, ปรับความเร็ว, ใส่ตัวอักษร, ใส่เพลง แล้ว export แบบ 1080 สบายๆ ไม่มีลายน้ำให้กวนใจ

กด start พิมพ์ Video Editor ก็เริ่มใช้งานได้เลย

โปรแกรมเลือกไฟล์: Photos

อันนี้ก็ติดมากับเครื่องอีกนั่นแหล่ะ ข้อดีของตัวนี้คือ มันดูรูปจากหลายๆ sub folder พร้อมๆกันได้ สมมติเรามีกล้อง 2 อัน มีโดรน มีอันที่ก็อบมาจากคนอื่น เอามาดูด้วยโปรแกรมนี้อันเดียวเรียงตามวันเวลาที่ถ่าย จะช่วยให้เลือกรูปหรือวิดีโอได้ง่ายขึ้น

ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าโปรแกรม Video editor กับ Photos มันเหมือนจะเป็นตัวเดียวกัน มีปุ่มบนซ้ายให้เข้าจากกันและกันได้

โปรแกรมช่วยแก้วิดีโอสั่น: Microsoft Hyperlapse Pro

อันนี้ต้องไปดาวโหลดเพิ่ม เหมือนจะเลิกพัฒนาต่อแล้วด้วยมั้ง แต่ยังใช้งานได้ดีอยู่ เป็นโปรแกรมช่วยทำ Hyperlapse จากวิดีโอธรรมดา หรือจะเอา Hyperlapse วิดีโอเข้าไปก็ได้ ช่วยทำให้มันสมูทขึ้น ดูแล้วไม่ค่อยอ๊วกเท่าไหร่

ปล. มีคนแจกคีย์ของเวอร์ชันโปรด้วย search หาเอา ง่ายมาก เข้าใจว่าเค้าเลิกขายแล้ว จะซื้อก็ไม่มีที่ให้ซื้อ !

ดาวโหลดได้ที่นี่ https://www.microsoft.com/en-us/download/details.aspx?id=52379

ข้างล่างนี้แถม …

โปรแกรมทำภาพ Panorama 360: Microsoft Image Composite Editor (ICE)

อันนี้ใช้มานานแล้ว ใช้สมัยซื้อโดรนมาใหม่ๆ เพราะรูป 360 ของโปรแกรมที่มากับโดรนจะโดนย่อ ถ้าอยากได้ความละเอียดเต็มๆต้องเอามาทำเอง

พอเอาเข้าโปรแกรมนี้แล้วเอาไปปรับแต่งขนาด (ให้เป็น 2:1) กับเพิ่มค่า Exif นิดหน่อยให้เฟซบุครู้จัก ก็สามารถโพสรูป 360 แบบเต็มความละเอียดขึ้นเฟซบุคได้แล้ว ไว้เล่าขั้นตอนละเอียดๆอีกทีนะ

ตัวโปรแกรมยังรองรับการทำ Panorama แบบต่างๆ มีฟีเจอร์ช่วยเติมเต็มตำแหน่งแหว่งๆด้วย ถือว่าเป็นโปรแกรมที่ควรมีติดเครื่องไว้เลย

ดาวโหลดได้ที่นี่ https://www.microsoft.com/en-us/research/product/computational-photography-applications/image-composite-editor/

Scroll to top