Krisp: โปรแกรมตัดเสียงรบกวนที่ทำให้ประชุมออนไลน์ง่ายขึ้น

หลังจากทำงานที่บ้านมาค่อนปี ก็พบว่าการประชุมทั้งวันโดยใส่หูฟัง (แบบ over-ear) นั้น ไม่ค่อยสบายหูเอาซะเลย

เลยเริ่มจากการประชุมโดยใช้ไมค์จากกล้องเว็บแคม และลำโพงข้างนอกก็เหมือนจะสะดวกขึ้น แต่ก็ต้องคอยระวังเรื่องเสียงรบกวน ไม่ว่าจะเป็นบ้านข้างๆต่อเติม เสียงรถกับข้าว หรือหมู่บ้านข้างๆกำลังตอกเสาเข็ม ทำให้บางทีต้องพูดหลายรอบ(ถึงจุดนี้ต้องยอมรับว่าการตัดเสียงรบกวนของ Microsoft Teams นั้นทำได้ดีกว่า Google Meets เยอะเลย)

ยังไม่นับว่าการต้องคอยปิดเปิดไมค์เวลาพูดด้วย ทำให้การสนทนาไม่ไหลลื่น หรือบางทีพูดไปตั้งนานโดยที่ไม่ได้เปิดไมค์

จนไปจบที่ลอง krisp.ai แอพที่ช่วยตัดเสียงรบกวน โดยทำตัวเองเป็น virtual microphone/speakers เราเลือกแอพต่างๆให้ใช้งานไมค์/ลำโพงผ่านทาง krisp ก็จะได้ฟีเจอร์นี้ไป

หลังจากลองแบบฟรี (ฟรี 240 นาทีต่อสัปดาห์) ก็พบว่ามันใช้ได้อยู่ เลยลองจ่ายเงินแบบ 1 เดือน (ที่แพงกว่าแบบรายปีเยอะมาก) … และสุดท้ายก็มาจบที่จ่ายรายปีในที่สุด

ตัวแอพทำอะไรได้บ้าง

  • ตัดเสียงรบกวนจากฝั่งเราเวลาเราพูด
  • ตัดเสียงรบกวนจากฝั่งคนพูดแล้วมี Noise มาหาเรา (ต้องจ่ายเงิน)
  • บันทึกเสียงเก็บไว้ (ต้องจ่ายเงิน)
  • บันทึกที่ว่าสามารถดาวโหลด/เล่นผ่านเว็บได้ (เล่นแบบ x2 ได้ด้วย)
  • มี feature ของฝั่ง video ด้วย พวกจัดการ background (แต่ยังไม่ได้ลองใช้)
  • มีการวิเคราะห์ให้ว่าเราใช้เวลากับการประชุม (รวมถึงการพูดในที่ประชุม) มากน้อยแค่ไหน
การใช้เวลาสำหรับประชุม/คุยงาน ในข่วงที่ผ่านมา

สิ่งที่คิดว่าแอพน่าจะทำได้ดีดว่านี้

  • คุณภาพของแอพ – ที่ผ่านมาเจอว่าบางแอพแฮงค์ พาลพาเอาการประชุมมีปัญหาไปด้วย
  • การกินทรัพยากรเครื่อง – บางทีเจอว่าเครื่องร้อง (เพราะต้องทำงานเยอะ)
  • ถ้าต่ออุปกรณ์ใหม่ๆเข้าไปกลางการประชุม เสียงจะวิ่งไปที่อุปกรณ์ใหม่ โดยที่ไม่ได้ผ่าน krisp – อันนี้ไม่แน่ใจว่าตัว krisp ทำอะไรได้บ้างมั๊ย
  • Mobile app – ที่เหมือนจะเคยมีและเลิกทำไปแล้ว
  • เห็น Google Meets ทำ Live caption ได้แล้ว คาดหว่างว่า krisp น่าจะทำได้ด้วย เป็น transcript ออกมา แล้วก็ทำ summarize อีกทีออกมาเป็น minute of meeting ให้เราอ่านได้เลย (เวอร์มาก !) – ถึงจุดนึงเราก็ส่ง krisp ไปเข้าประชุม (observe) แทนเราแล้วก็ส่งสรุปมาให้ !

โดยรวมถือว่าทำให้การทำงานชิลขึ้น เราสามารถนั่งเอนหลังฟังการประชุมได้ แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าเสียงสิ่งแวดล้อมจะกวนเวลากำลังพูด

หลังจากนี้ สิ่งที่มองหาคือ ปลาดาว ! (Conference speaker) น่าจะช่วยทำให้การคุยสะบายขึ้นอีกนิดนึง เพราะไมค์กับลำโพงอยู่ที่เดียวกัน ตอนใช้จอนอกนี่จะเจอว่าถ้าใช้ไมค์กับลำโพงจากเครื่องแมคที่วางอยู่ข้างๆนั้น เราจะเอียงตัวไปหามัน แล้วจบที่ปวดหลังทุกที

ปล. ประชุมเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

MAC101: เมื่อ Dock ย้ายหน้าจอด้วยตัวเอง

หลังจากใช้ Mac มา 4 เดือน ปัญหานึงที่เจอบ่อยๆก็คือ อยู่ๆ Dock ด้านล่างก็ย้ายจอเอง จากหน้าจอหลักที่เป็นจอนอก ไปยังจออื่นๆ

ที่ผ่านมาก็แก้ปัญหาด้วยการถอดสายจอแล้วเสียบใหม่ (เป็นวิธีการที่บ้านมาก)

จนเมื่อวานก็ชวนสมบอยคุยเรื่องนี้ ก็เจอว่าสมบอยก็ถอดสายจอเสียบใหม่เหมือนกัน จนสมบอยไปหามาให้ว่ามันเป็น feature !!

สาเหตุของการที่ Dock ย้ายจอคือฟีเจอร์ที่ว่า

“ถ้าเราลากเมาส์จากกลางหน้าจอ ลงไปถึงขอบล่างของจอบน monitor ใดๆ Dock จะย้ายไปอยู่ที่หน้าจอนั้น !! “

วิธีการแก้ปัญหาหลังจากนี้คือ

  • ถ้ามันย้ายไป เราก็ย้ายกลับด้วยการลากเมาส์บนหน้าจอหลักของเรา
  • อีกทางแก้ที่มีคนแนะนำคือ ปิด feature “Displays have separate spaces” (System preferences > Mission Control) ซึ่งส่วนตัวคิดว่ามีผลกระทบมากกว่าแค่การย้าย Dock เลยยังไม่ได้ลอง

บางทีก็งงนะว่าฟีเจอร์แบบนี้มีไปทำไมกัน !

ปล. บางทีก็งงกับคำในภาษาไทย ระหว่างหน้าจอ (Logical screen) กับ จอ (Monitor) เหมือนกันเนอะ

Ref:

เครื่องมือสำหรับตัดต่อวิดีโออย่างง่ายบน Windows ฉบับของฟรี

เพิ่งจะกลับมาจากไปเที่ยว แล้วทำวิดีโอสั้นๆไว้อวดเพื่อน … พบว่าทุกวันนี้เครื่องมือบน Windows นั้นสามารถตัดต่อวิดีโออย่างง่ายใส่เพลงได้แบบสบายๆเลย มาลองดูกันว่าใช้อะไรทำบ้าง

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ: Video Editor

อันนี้ติดมากับ Windows 10 เลย ไม่แน่ใจว่ามาใน Version ไหน แต่ง่ายเพียงพอที่จะลากวางๆ สามรถ trim, split, ปรับความเร็ว, ใส่ตัวอักษร, ใส่เพลง แล้ว export แบบ 1080 สบายๆ ไม่มีลายน้ำให้กวนใจ

กด start พิมพ์ Video Editor ก็เริ่มใช้งานได้เลย

โปรแกรมเลือกไฟล์: Photos

อันนี้ก็ติดมากับเครื่องอีกนั่นแหล่ะ ข้อดีของตัวนี้คือ มันดูรูปจากหลายๆ sub folder พร้อมๆกันได้ สมมติเรามีกล้อง 2 อัน มีโดรน มีอันที่ก็อบมาจากคนอื่น เอามาดูด้วยโปรแกรมนี้อันเดียวเรียงตามวันเวลาที่ถ่าย จะช่วยให้เลือกรูปหรือวิดีโอได้ง่ายขึ้น

ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าโปรแกรม Video editor กับ Photos มันเหมือนจะเป็นตัวเดียวกัน มีปุ่มบนซ้ายให้เข้าจากกันและกันได้

โปรแกรมช่วยแก้วิดีโอสั่น: Microsoft Hyperlapse Pro

อันนี้ต้องไปดาวโหลดเพิ่ม เหมือนจะเลิกพัฒนาต่อแล้วด้วยมั้ง แต่ยังใช้งานได้ดีอยู่ เป็นโปรแกรมช่วยทำ Hyperlapse จากวิดีโอธรรมดา หรือจะเอา Hyperlapse วิดีโอเข้าไปก็ได้ ช่วยทำให้มันสมูทขึ้น ดูแล้วไม่ค่อยอ๊วกเท่าไหร่

ปล. มีคนแจกคีย์ของเวอร์ชันโปรด้วย search หาเอา ง่ายมาก เข้าใจว่าเค้าเลิกขายแล้ว จะซื้อก็ไม่มีที่ให้ซื้อ !

ดาวโหลดได้ที่นี่ https://www.microsoft.com/en-us/download/details.aspx?id=52379

ข้างล่างนี้แถม …

โปรแกรมทำภาพ Panorama 360: Microsoft Image Composite Editor (ICE)

อันนี้ใช้มานานแล้ว ใช้สมัยซื้อโดรนมาใหม่ๆ เพราะรูป 360 ของโปรแกรมที่มากับโดรนจะโดนย่อ ถ้าอยากได้ความละเอียดเต็มๆต้องเอามาทำเอง

พอเอาเข้าโปรแกรมนี้แล้วเอาไปปรับแต่งขนาด (ให้เป็น 2:1) กับเพิ่มค่า Exif นิดหน่อยให้เฟซบุครู้จัก ก็สามารถโพสรูป 360 แบบเต็มความละเอียดขึ้นเฟซบุคได้แล้ว ไว้เล่าขั้นตอนละเอียดๆอีกทีนะ

ตัวโปรแกรมยังรองรับการทำ Panorama แบบต่างๆ มีฟีเจอร์ช่วยเติมเต็มตำแหน่งแหว่งๆด้วย ถือว่าเป็นโปรแกรมที่ควรมีติดเครื่องไว้เลย

ดาวโหลดได้ที่นี่ https://www.microsoft.com/en-us/research/product/computational-photography-applications/image-composite-editor/

เดาการทำงานของข้อความสแปมในไอโฟน

ช่วงที่ผ่านมาน่าจะมีชาว iPhone หลายๆคนได้รับสแปม Messages ซึ่งก็มีการคาดเดากันไปต่างๆนาๆ รวมถึงมีการโย่งไปยังโครงการไทยชนะของรัฐบาลด้วย ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าไม่เกี่ยว ลองมาดูกันว่าทำไม …

เรามาเริ่มทำความเข้ากัน เริ่มจากแอพ Messages ของ Apple เนี่ย ทำหน้าที่สองอย่าง คือ

  1. รับ/ส่ง SMS ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
  2. รับ/ส่ง iMessage ซึ่งเป็น Protocol ในการรับส่งข้อความของ Apple จะวิ่งผ่านอินเตอร์เน็ตไปยัง server ของ Apple เพื่อส่งไปยังปลายทาง

ใน iPhone เนี่ย By Default เวลาเราเปิดใช้งาน iMessage .. ตัว iMessage จะทำการ activate หรือเรียกง่ายๆว่าบอกไปยัง Apple ว่าเบอร์โทรนี้ (จาก simcard โทรศัพท์มือถือ) และ email นี้ (จาก Apple Id) ได้เปิดใช้งาน iMessage แล้วนะ

หน้าจอสำหรับ ปิด/เปิด iMessage เข้าไปที่ Settings > Message

พอมีการเปิด app เพื่อจะทำการส่งข้อความ เมื่อเราเริ่มพิมพ์เบอร์หรือเลือก contacts ที่เราจะส่งให้ จะสังเกตเห็นได้ว่าเบอร์โทรเหล่านั้นมีสีเขียวและสีฟ้า โดยสีฟ้าหมายถึงเบอร์นั้นๆได้เปิดบริการ iMessage ไว้ ข้อความที่จะส่งก็จะส่งไปทาง iMessage ในขณะที่ถ้าเป็นสีเขียว แปลว่าเบอร์นั้นไม่ได้ใช้ iMessage อยู่ แปลว่าแอพจะมีการถาม Apple ตลอดว่าเบอร์นั้นๆเปิด iMessage ไว้หรือไม่

นอกจากนี้แล้ว ถ้าเราไปดู Settings ของ iMessage เราจะพบว่าการส่ง Message ออกจาก iMessage นั้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ส่งออกจาก

  1. เบอร์โทรศัพท์ (ซึ่งตามตัวได้)
  2. email (ที่ตามตัวได้ยากกว่า)

นั่นแปลว่า ถ้าเราแก้ไข้ iMessage ให้ส่งออกจาก email แล้วเลือกเบอร์ใดๆที่เป็นสีฟ้า (iMessage activated) เราจะสามารถส่งข้อความที่มีผู้ส่งไปหาเบอร์โทรศัพท์ของใครก็ได้ โดยที่ปลายทางไม่รู้เลยว่าเป็นใคร (อาจจะรู้จากอีเมลได้)

ขั้นสุดท้าย จะพบว่าอีเมลที่เอามาส่ง iMessage นั้น สามารถเพิ่มได้ เพราะ iMessage จะเอา email ที่ผู้กกับ Apple Id มาใช้ ซึ่งเราสามารถเพิ่มได้เรื่อยๆ ถ้าเราไปสมัครอีเมลบ้าบอมาอันนึง ผูกเข้าไปกับ Apple Id เอามาส่ง iMessage แล้วลบทิ้ง ก็เป็นคนส่งสแปมดีๆนี่เอง

เนื่องจากไม่สามารถปิด iMessage ไม่ให้รับข้อความจากเบอร์โทร (เพราะโดนสุ่มได้ง่าย) ตอนนี้ก็ปิด iMessage ไปก่อน ปกติก็เอาไว้รับ sms otp อย่างเดียวอยู่แล้ว แทบไม่เคยคุยกับใครในนี้เลย

ยังไม่นับว่า Apple เองเปิดให้เขียนแอพที่ต่อกับ iMessage ได้ด้วย เลยคิดว่าน่าจะทำให้การสแปมทำได้ง่ายขึ้น โดยทำสิ่งที่เล่ามาทั้งหมดผ่านแอพหรือโปรแกรมบน Mac เพราะว่า Mac เองก็มี iMessage ให้ใช้ด้วย

ทั้งหมดทั้งปวดนี้เกิดจากการคิดเอง และได้ลองส่งให้คนใกล้ชิดซึ่งคิดว่าเป็นการทำแบบเดียวกับสแปมที่ว่า ท่านใดมีความเห็นอย่างไร เชืญพูดคุยกันได้

ปล. ไม่แนะนำให้ทำตามใดๆ อาจมีผลกระทบกับ Apple Id ของท่านได้ อาจจะโดนจับได้เช่นกัน

ปลลล. ไม่แน่ใจว่า Facetime จะมีปัญหาแบบเดียวกันไหม เพราะมีการ activate ผ่านเบอร์โทร/email แบบเดียวกัน

Ref: Messages document https://developer.apple.com/documentation/messages

A Long Lost Friend

กลับมาตั้งใจจะเขียนบล็อกอีกรอบ หลังจากที่ใช้ความตั้งใจในการเขียนมากเกินไป ผลก็คือไม่ได้เขียนอะไรออกมาเลย หรือไม่ก็เขียน draft ไว้ แต่ก็คิดว่าคุณภาพไม่ได้จนไม่ได้ publish มันออกมา … ความตั้งใจครั้งนี้จะเป็นการเขียนบล็อกแบบง่ายๆ ข้อมูลไม่ต้องมีคุณภาพสูง เป็นความรู้สึกนึกคิดช่วงขณะเวลานั้นๆก็พอ พอให้ย้อนกลับมาอ่านแล้วรู้ความเปลี่ยนแปลง

เริ่ม !!

นานมาแล้ว … น่าจะเกิน 15 ปี เคยมีเกมแนวนึงที่เล่นชอบมาก แต่พอเวลาผ่านไปก็ไม่ได้ยินเกมแนวๆนี้ใหม่ๆออกมาอีกเลย เกมที่ว่าคือ Commandos กับ Desperados 

Commandos รู้สึกมี 3 ภาค แต่ละภาคก็มีหลายๆตอน เป็นฉากเกี่ยวกับสงครามโลก เยอร์มัน …

Desperados อันนี้ก็มีหลายภาค เหมือนกัน แนวเดียวกัน แต่ฉากเปลี่ยนเป็นคาวบอยแทน

ผ่านไปหลายปีก็ไม่มีเกมใหม่ๆแนวนี้มาให้เล่นอีกเลย แล้วก็ไม่รู้จะถามใครว่ายังไง เพราะบอกไม่ถูกว่าเป็นเกมแนวไหน ต้องคนรู้จักชื่อเท่านั้นที่พอจะคุยได้ออกรส

จนถึงวันนี้ ช่วง covid 19 ที่งานเยอะมากๆ แถมไปไหนไม่ได้ เลยล็อกอิน Steam หาอะไรคลายเครียด … ในที่สุดก็เจอแล้ว (และกดซื้อแทบจะทันที)

เกมที่เจอหาคือ Shadow Tactics: Blades of the Shogun ได้คะแนนรีวิวดีมากด้วย … แถมเล่นได้บน Surface อีกตังหาก

แถมพอเจอเกมนี้แล้วก็มี Recommend แนวเดียวกันมาอีกหลายเกมเลย แถมได้รู้ด้วยว่า Desperados III กำลังจะออก …

ความรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่หายไปนานมาก … ดีใจจัง

Scroll to top