Summary Life in 2016

ปีที่ 6 แล้วสำหรับการเขียนอะไรง่ายๆไว้เตือนตัวเองว่าปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ดีใจที่ทำได้ติดๆกันมาหลายปีแบบนี้ ..

ปีนี้หลักๆที่เปลี่ยนแปลงจริงจังคือเปลี่ยนงาน … กับเริ่มคิดว่าอยากจะทำอะไรของตัวเองจริงๆจังๆบ้าง หวังว่าความคิดจะตกผลึกเร็วๆนี้

– Jan

ปีนี้เริ่มต้นปีด้วยการนอนชิลอยู่บ้านพี่ที่เชียงใหม่ เหมือนปีใหม่จะอยู่เชียงใหม่มาสองสามปีติดกันละ หลังจากนั้นก็เรื่อยเปื่อยไม่มีอะไร

ปีที่แล้วบ่นว่าอยากได้ Surface … เริ่มมาเดือนแรกก็ฝากสมบอยสั่ง Surface Pro 4 เลย นศ.ได้ส่วนลด 10% … อีกสองสามเดือนถึงจะได้ของ

 

– Feb

เดือนนี้ก็เที่ยวอีกแล้ว ไปกาญจนบุรีกันสามหนุ่ม เหมือนจะเป็นปีที่สามแล้ว ไปกาญฯนี่แหล่ะที่เดิมแก๊งเดิมเวลาเดิมแม่งทุกปี 555+ ปีนี้นอนแพ Jungle rafts

ถัดมาเป็นทริปเขมร ปราสาทนครวัด … จิบเบียร์ชมโบราณสถาน .. ชิลไป

เดือนนี้ได้เปลี่ยน iPad ของที่ทำงานจาก iPad 2 เป็น iPad Air 2 ด้วย …

 

– March

มีนานี่แทบไม่มีอะไรเลย เลี้ยงหลาน สังสรรค์ พักผ่อน

อ้อ มีสั่งเก้าอี้ทำงานอันใหม่ไว้ที่บ้าน แล้วก็ซื้อจอคอมใหม่ด้วย รอ Surface (สรุปแล้วซื้อคอมทีหมดไปเยอะเลย)

ลองสมัคร snapchat #เพื่อการศึกษา

 

– April

เดือนนี้เริ่มต้นเดือนด้วยทริปชะอำ + สวนน้ำ .. สนุกกันไป

ได้ Surface แล้ว !! หวังว่าจะอยู่ด้วยกันนานๆนะ

สมัคร Office 365 สำหรับใช้เองร่วมกับท่านอั๋น

เปลี่ยนเน็ตบ้านจาก True ADSL เป็น AIS Fibre

 

-May

ซื้อเกมส์ Stardew Valley มาเล่น (ได้เดือนเดียว) ..

ทริปง่ายๆที่จอมเทียน … มีโดดทุ่นได้แผลเป็นมาด้วย 🙁

เริ่มลองใช้ CloudFlare กับบล็อก

 

– June

ได้นาฬิกาใหม่ ที่สั่งสมบอยไว้ตั้งแต่เมษานี่มันปีแห่งการเสียเงินสินะ

รถโดนชน(เบาๆ) บนโทลเวย์ .. จนถึงตอนนี้(สิ้นปี)แล้วก็ยังไม่ได้เคลมเลย

ซื้อ Pocket WiFi เอาไว้ใช้กับ Surface กับเวลาไปต่างประเทศ (ไปไต้หวันก็ได้ใช้นะ)

 

– July

ทริปชะอำ … อ่านไม่ผิดครับ ชะอำอีกแล้ว !!

ตามด้วยทริปสั้นๆที่ภูเก็ตอีกอัน …

 

– Aug

มาราธอนแรกและอันเดียวของปีเลยมั้ง 10K วันแม่

พาหลานไปเรียนว่ายน้ำ .. แล้วก็พบว่า ไม่รอด – -”

กินกุ้งอยุธยา

 

– Sep

คอนเสิร์ตเฉลียง

ที่ลืมไม่ได้คือ … เปลี่ยนงาน … หลังจากอยู้เดรย์เซอร์มาสี่ปีกว่าๆ …  🙂

และอีกอันที่ลืมไม่ได้เช่นกันคือมือถือ Galaxy S5 พังคือมือ เปิดไม่ได้ติด Bootloop .. เลยจัดเครื่องใหม่ค่ายใหม่ Huawei P9 Plus ไป

เดือนนี้ยังตัดต้นมะม่วงหน้าบ้านทิ้งด้วย เสียดายมาก อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี 🙁

 

– Oct 

ทำพาสปอร์ดใหม่

เป็นเดือนที่ในหลวงรัชการที่ 9 เสด็จสวรรณคต …

ทริปล่องแก่งลำน้ำเข็ก

 

– Nov

ทริปบางแสน

ซ่อมรถครั้งใหญ่ .. หมดไปหลายตังอยู่ …

เข้ารพ.ครั้งแรกในรอบสิบปีได้ เป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ B นอนรพ.ไปสี่คืน กินอาหารไม่อร่อยไปอีกเป็นอาทิตย์

– Dec

เริ่มด้วยไปนครนายกกับครอบครัว

ซื้อทีวีใหม่ เพียงแค่หนึ่งวันก่อนนโยบายช้อปช่วยชาติจะประกาศใช้ #แซ๊ดดด

ตามด้วยทริปไต้หวัน

ปิดท้ายด้วยทริปน่าน …. เสาร์อาทิตย์นี่แทบไม่ได้อยู่บ้านเลย 555+

ตรวจสุขภาพประจำปี ปกติดีทุกอย่าง ยกเว้นยูริค (7.1) 🙁

 

– อื่นๆ

ได้ Surface แล้ว … แต่ยังอยากได้ Drone อยู่

Candy crush ถึงด่าน 2137 (+755)

สถิติ Blog ปีนี้เงียบเหาแปรตามจำนวนบล็อกที่เขียน

ไต้หวัน 2016

ทริปส่งท้ายสำหรับปี 2016 กับไต้หวัน 5 วัน 4 คืน … ขอเล่าแบบคร่าวๆละกัน เพราะว่าข้อมูลรีวิวแบบละเอียดๆหาเยอะเลย ต้องออกตัวก่อนว่าจะเขียนชื่อเมืองกับชื่อสถานที่เป็นภาษาอังกฤษนะ เพราะว่าชื่อ(แม่ง)อ่านออกมาแล้วไม่ตรงกับการออกเสียงของชาวไต้หวันนีสเลย เวลาไปถามเค้านี่งงๆกันเป็นแถว ชื่อจีนอ่านจากอังกฤษนี่ยอมเลย

อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค

เริ่มที่ตั๋วเครื่องบิน เลือกช่วงเวลาที่ไม่ชนกับวันหยุดยาว แล้วก็ไปกลับวันธรรมดาเพราะว่าจะได้หลีกหนีความวุ่นวาย … แต่ก็เจอว่า Nok Scoot ขาไปขึ้นจากดอนเมือง เปิดช่องเช็คอินแค่ไม่กี่ช่อง ใช้เวลาในการเข้าแถวเช็คอินนานมากกก ไฟล์ขาไปออกตีสองกว่าๆ ถึงเจ็ดโมงเช้า เที่ยวต่อได้เลย ขากลับเลือก Tiger Air เพราะเวลาดีหน่อย ออกบ่ายสามกว่าถึงไทยเกือบๆทุ่ม เพิ่มเติมของ Nokscoot เครื่องบินจะเป็นลำใหญ่หน่อย Boeing 777 จะรู้สึกมั่นคงปลอดภัยมากกว่า

 

ถัดมาเป็นที่พัก … ตั้งงบไว้ที่ไม่เกิน 1,000 ต่อคนต่อคืน ก็เหมือนจะทำได้ตามนั้น เราพักกันสามเมือง คือ Taichung, Taipei และ Jiufen ยกเว้นคืนสุดท้ายที่เจ๊เจ้าของที่พักใน Jiufen ให้ดูห้องแบบใหม่แล้วตกลงใจ upgrade ไปจบที่สองห้องรวม 4000 TWD ที่พักใน Taipei รอบนี้ใช้ Airbnb ที่มีเครดิตค้างอยู่พันกว่าบาท ก็เลยถูกลงไปอีก อยู่ตรงสถานี MRT Songjiang Nanjing ใครสนใจลองดูที่นี่ Taipei-Cozy-room-1 MRT 捷運陽光舒適小屋

วิวจากที่พักในไทเป ขออนุญาติเซนเซอร์เพื่อนนิดนึง

ทริปนี้ไปกันแบบเตรียมตัวไม่เยอะมาก ชิลขนาดที่ว่าจะไปไหนบ้างค่อยไปคิดกันเอาที่นู่น หลักๆแต่จองตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมไว้ เดินเที่ยวกันแบบงงๆ มีถูกบ้างผิดบ้างก็ฮากันไป การท่องเที่ยวส่วนใหญ่เน้นกินมากกว่า มีที่เด่นๆที่ไปอยู่บ้างเช่น Chiangkaishek memorial hall ที่ดูอลังการงานสร้างสมกับเป็นจีน ที่เหลือก็ไม่ได้ตื่นเต้นไรมากนัก

 

… อ้อ มีที่ Gaomei ที่ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นชายฝั่งติดทะเลที่ลมแรง มีการติดตั้งกังหันผลิตไฟฟ้าด้วย แต่คือลมแรงมากจนรู้สึกได้ว่าถ้ายืนไม่ดีนี่โดนพัดปลิวได้เลย อีกที่ที่ประทับใจคือ ตลาดปลาที่สามารถบริหารจัดการได้ดีจนดู Premium แล้วก็ของสด ถูก อร่อย ถึงแม้ว่าที่กินจะแออัดไปนิด แต่โดยรวมก็ยังประทับใจ

ปลาดิบที่ตลาดปลาคือดีมาก

ของกิน … นี่ถือเป็นจุดเด่นของไต้หวันเลย เดินๆชิลๆ อากาศเย็นๆ กินอะไรไปเรื่อยเปื่อย นอกจากตลาดปลาที่พูดถึงไปด้านบนแล้ว อย่างอื่นที่ลองก็มี

  • อันนี้ชื่ออะไรก็ไม่รู้ อยู่ใน Taichung เดินเข้าไปชี้ๆเอา คนขายพูดอังกฤษไม่ได้ ไม่มีรูป ไม่มีเมนูอังกฤษ ยิ้มกันไปมา ก็ได้มากิน

    อาหารไต้หวัน
  • ชานมไข่มุกในตำนาน เจ้าแรก .. แต่ไม่ใช่สาขาแรก … ซึ่งพบว่ามันเป็นร้านชาที่หรูเลยทีเดียว

    ชานมไข่มุก
  • เต้าหู้เหม็น อันนี้ลองเจ้าที่เหม็นน้อยที่สุดล่ะ กะว่ารสชาติน่าจะไม่เหมือนกลิ่น … แต่สุดท้ายแล้วพอกินไป จากที่เหม็นทางจมูก ก็ไปเหม็นในปากต่อ – -“
  • ชาอู่หลง อันนี้เป็นร้านในตำนานที่ Jiufen …. วิธีชงคือ ชาหนึ่งกำมือเนื่ย ชงได้ห้าน้ำ รอบแรกเริ่มที่ใส่น้ำร้อนแล้วรอ 20 วิ ถึงจะรินเสิร์ฟ รอบถัดไปให้เพิ่มเวลาอีกรอบละ 10 วิ ร้านจะให้ชามาชงได้ทั้งหมด 4 รอบ รวมๆก็ประมาณ 4 * 5 = 20 จอก/คน เฉพาะเวลาชงใช้ไปทั้งหมด ((20 + 30 + 40 + 50 + 60) * 4) = 800 วินาที  .. ก็ตาค้างกันไปคืนนั้น ปล. สุดท้ายชงไม่ครบตามนั้นนะ กินฉี่กินฉี่ จนไม่ไหวละ มื้อนี่คนละ 300 TWD มีขนมเครื่องเคียงให้ 4 อย่าง

    ร้านชาในตำนาน (ตำนานแม่งเริ่มเยอะนะ)
  • ไก่ Hotstar ที่มาเปิดในบ้านเราแล้วไม่ค่อยมีคนกิน … แต่นี่นู้นนี่ต่อแถวกันยาวมากกกก รถชาติก็เหมือนๆกับ Hotstar บ้านเรานะ
  • ผัดใบเฟิร์นรังนก … เป็นผัดผักสั่งในร้านข้างทาง รสชาติอร่อยแปลกๆดี จนมารู้ทีหลังว่า .. มันคือเฟิร์นข้าหลวงที่ขึ้นในบ้านเราเพียบเลย !! ปล. ขอบคุณข้อมูลโดยเสี่ยเบิร์ด
    กุ้งคั่วพริกเกลือ ผัดใบเฟิร์ดรังนก ไข่เจียวกุ้ง แล้วก็ต้มเลือดหมูแบบไต้หวัน ข้าวเปล่าตักเองฟรี อันลิมิต

     

  • ไข่พะโล้อะไรซักอย่าง อันนี้ได้ลองจากโรงแรมคืนสุดท้ายพอดี เสิร์ฟเป็นอาหารเช้า อันนี้คือมีขายใน 7-11 ด้วยนะ … ไม่นับว่ามีคนในทริปพยายามจะซื้ออันที่ยังต้มไม่สุดด้วยนะ จนจนท.ถึงกับต้องเอาป้าย(ที่มีภาษาไทย)มาแปะ ว่าอันนี้แม่งยังไม่สุกนะ กินไม่ได้ ไอเราก็นึกว่ามีสองแบบ แบบพะโล้กับแบบสีขาว .. ฮากันไป

    ไข่ในร้านสะดวกซื้อ .. ถึงกะต้องบอกว่าอันนี้กินไม่ได้นะ !!

 

อื่นๆก็จะเป็นของเดินกินในตลาดล่ะ พวกเนื้อย่าง (แบบใช้ไฟช่วยเผาเหมือนเบิร์นซูชิ) โมจิย่าง ที่ตอนแรกนึกว่ามาชเมลโล่ …. หมูสามชั้นทอด ผลไม้เคลือบน้ำตาล น้ำส้มเช้ง หอยย่าง ปลาหมึกอย่าง เสต๊กหมู ไอติมกับถั่วตัดห่อด้วยแป้งโรตีสายไหม

ไอติม ห่อด้วยแป้งโรตีสายไหม ใส่ถั่วตัด โรยผักชีด้วย .. งงกันไปเลยทีเดียว
ตรวจร่างกายกันไปแล้ว ก็จัดหมูสามชั้นสิครับ
โมจิย่าง ที่ตอนแรกนึกว่ามาชเมลโล

สุดท้ายก็ได้กินไข่ต้มนั่น

สิ่งอื่นๆ ที่ชอบในไต้หวันคงเป็นเรื่องอากาศเย็น กับความเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับเอาจีนมาอัพเกรดด้วยญี่ปุ่นกับเกาหลี … เลยไม่แปลกใจว่าทำไมเค้าอยากแยกประเทศ เพราะโดยภาพรวมแล้วคุณภาพประชากรและสภาพสังคมน่าจะนำจีนไปไกลพอสมควรแล้ว ระบบขนส่งดีเยี่ยม รถไฟใต้ดินเชื่อมกันอย่างสนิท (ต่างกับบ้านเราอย่างสิ้นเชิง) มีห้องน้ำสาธารณะในระบบรถไฟใต้ดินทั่วไป ระบบบัตรเงินสด (easycard) ใช้ได้ทุกที่ตั้งแต่รถใต้ดิน แท็กซี่ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ค่ารถเมล์ถูกมาก นั่งสิบกว่าป้ายราคา 8 TWD เอง จะติดก็คงเป็นที่คนยังไม่ค่อยพูดอังกฤษมากนัก

ที่เหลือเป็นภาพอื่นๆจิปาถะ

หินรูปเห็ดที่จิ่วเฟิ่น นั่งรถบัสออกไปจากไทเปประมาณชม.ครึ่ง
ตลาด Ximending
วัด Longshan
Gaomei ที่ซึ่งลมแรงมากกก จนเดินไปตามทางนั่นได้ไม่ถึงครึ่ง เจ้าหน้าที่ไล่กลับ
สวนดอกไม้ .. มุมสวยๆถ่ายมาแบบมีคนเลยไม่ได้ลง 555+
ปั๊มน้ำมันไต้หวัน มีน้ำมันออคเทน 98 ด้วย โหดดี
ของฝากที่ยังไม่ใช่เจ้าในตำนาน … เค้กสับปะรด

ปิดท้ายด้วยวิดีโอ … ทริปหน้าจะไปไหน แล้วจะมาเล่าใหม่นะฮาฟ

 

Security Risk : หลีกเลี่ยงการล็อกอินเข้าเว็บ starbuckscard ของประเทศไทย

หลายๆคนที่กินสตาร์บัคส์บ่อยๆ น่าจะมีสตาร์บัคส์การ์ดเป็นของตัวเอง เพราะจะได้สะสมดาวเอาไว้รับสิทธิพิเศษนู่นนี่นั่น … อย่างที่เหยื่อการตลาด(อย่างเรา)ควรจะเป็น

แต่การที่เป็นเหยื่อการตลาด ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นเหยื่อของการขโมยรหัสผ่านด้วยในคนเดียวกัน ..

 

เรื่องของเรื่องคือ เมื่อสักสองสามสี่ห้าปีก่อน สตาร์บัคส์ประเทศไทยได้รื้อระบบสตาร์บัคส์การ์ดที่ใช้ร่วมกับประเทศอื่นๆ แล้วทำของตัวเองขึ้น …

สิ่งที่ตามมาก็คือเปิดให้สมาชิกลงทะเบียนสตาร์บัคส์การ์ดของตัวเองได้ มีแอพเช็คยอดเงิน ตรวจสอบสิทธิพิเศษ บัตรหายก็ขอใหม่ได้เพราะเราผูกกับบัญชีผู้ใช้เราแล้ว (ควรจะ)ออกบัตรใหม่ได้เลย เงินอยู่ครบ

 

ก็เหมือนจะดี .. แต่แน่นอนว่าถ้าดีก็คงไม่บ่น 555+

 

เหตุผลคือ … ณ ไตรมาสสุดท้ายของปี 2016 แต่เว็บ www.starbuckscard.in.th ยังไม่บังคับให้เข้าเว็บแบบเข้ารหัส … เท่านั้นยังไม่พอ หน้าล็อกอินของ starbuckscard เองก็ไม่ได้บังคับให้เข้ารหัสเช่นเดียวกัน

หมายความว่า …. ตอนล็อกอิน … ทุกๆจุดที่ข้อมูลคุณผ่าน จากบ้านถึง server ของ starbucks สามารถเห็น email/password ของคุณได้หมด ตั้งแต่คนดูแลเน็ตเวิร์คที่ทำงาน ยันพนักงานที่ ISP ..

 

starbuckscard1
ตัวเว็บไม่บังคับ SSL ส่วนฟอร์มล็อกอินก็ไม่ระบุ URL เข้ารหัสเช่นกัน

 

ถ้าหากคุณรอดพ้นหน้า Login เข้ามาได้ (ยังไงวะ) … ท่าไม้ตายที่ทำให้มันแย่ได้อีกก็คือ .. การเปลี่ยนพาสเวิร์ด 

ปกติการเปลี่ยนพาสเวิร์ด เป็นการธรรมดามากที่จะต้องตรวจสอบรหัสผ่านเดิมก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเจ้าของเองจริงๆ ถึงแม้ว่าจะล้อกอินอยู่แล้วก็ตาม ซึ่งเว็บนี้ก็ทำนะ .. ทำฝั่ง Client คือ พี่แกส่งรหัสผ่านมาในหน้าเว็บเลย เวลาเรากรอกรหัสเดิม มันก็รู้ได้เลยโดยไม่ต้องถาม server ให้เหนื่อย … ซึ่งเหมือนเหมือนจะดี แต่มันไม่ !!

โดยปกติเว็บไซต์ควรจะเก็บพาสเวิร์ดของเราแบบเข้ารหัสทางเดียว หมายความว่าคนดูแลเว็บเอ็งก็ไม่(ควรที่จะ)สามารถรู้ได้ว่ารหัสผ่านของเราเป็นอะไร เพื่อที่ว่าเวลาข้อมูลหลุดไปอย่างน้อยผู้ไม่ประสงค์ดีก็จะไม่ได้เอาไปใช้ได้เลย

แต่เว็บนี้นอกจากจะไม่ได้เข้ารหัสทางเดียวแล้ว ยังส่งรหัสผ่านกลับมาที่ Client เพื่อตรวจสอบด้วย ประกอบกับความแย่ของการไม่บังคับเว็บให้เข้ารหัส SSL ผลก็คือ รหัสผ่านของคุณก็วิ่งพล่านไปทั่วระบบเครือข่าย รอใครซักคนมาหยิบเอาไป … ยิ่งถ้าคุณใช้รหัสผ่านและอีเมลเดียวกับบริการอื่นๆแล้วละก้อ …. ความซวยอาจจะมาเยือนได้

starbuckscard2
พาสเวิร์ดในฐานข้อมูลไม่แน่ใจว่ารหัสมั๊ย แต่ส่งกลับมาที่ Client แบบนี้โดนขโมยได้แน่นอน

คำแนะนำ

ถ้าการเลิกใช้ไม่ได้เป็นหนึ่งในทางเลือก ก็แนะนำให้

  1. เข้าเว็บด้วย https เป็นอันดับแรกที่ https://www.starbuckscard.in.th
  2. เปลี่ยนพาสเวิร์ดเป็นอันที่ไม่ซ้ำกับอันอื่นๆ
  3. ถ้าพาสเวิร์ดอันเก่าซ้ำกันบริการอื่นๆ แนะนำให้ไปเปลี่ยนพาสเวิร์ดเหล่านั้นทั้งหมด

ถ้าใครว่างลองแงะแอพบน Android กับ iOS ทีว่าเข้ารหัสด้วยมั๊ย ….

 

จริงๆแอบคาดหวังให้บริการที่เกี่ยวของกับการเงินมีความปลอดภัยมากกว่านี้ … บริการนี้มันเกือบจะเข้าข่ายบัตรเงินสดด้วยซ้ำไป มีหน่วยงานไหนจะต้องตรวจสอบบ้างมั๊ยน้า …

 

ปล. รหัสผ่านด้านบนนี่เอาไปลองได้ 555+

ปล2. อีกเรื่องที่ไม่ชอบคือ ทำไมต้องพิมพ์ชื่อนามสกุลของเราลงในใบเสร็จทุกครั้งที่ซื้อด้วย … privacy ของเราอยู่ที่ไหน !!

ปล3. ถ้าสังเกต code ที่ highlight ในรูปที่สอง จะพบว่าคนพัฒนาเอารหัสผ่านมาใส่ในช่อง input ที่มี type เป็น color !!!!! … มันก็ error เด๊ ….

 

Review: Huawei P9 Plus

เนื่องมาจากว่ามือถือ Samsung Galaxy S5 ได้ตายอย่างไม่สงบไปเมื่อสองวันก่อน ด้วยอาการ boot loop วนไปเรื่อยๆ ลอง flash rom ใหม่แล้วก็ไม่หาย (นี่มันปี 2016 แล้วนะ เรายังต้องมานั่ง flash rom โทรศัพท์อยู่อีกหรือนี่) เลยต้องขุด S3 ที่สภาพไม่ค่อยจะสู้ดีมาใช้ไปพลาง แล้วก็หาเครื่องใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะเปิด 2 steps verification เอาไว้ประมาณ 10 account มือถืออาการร่อแร่แล้ววุ่นวายชีวิตมาก เลยต้องรีบซื้อใหม่

ตอนซื้อ ตัดสินใจด้วยเงือนไขเดียวคือ เบื่อ Samsung แล้ว อยากลองอันอื่นบ้าง จริงๆแอบรอ Nexus Phone ตัวใหม่ (ที่เหมือนจะรีแบรนเป็นชื่อ Pixel) …

เลิกงานเลยเดินเข้า Shop AIS หาเครื่องใหม่ ตัวที่เข้าตาก็เป็น Huawei P9 Plus เลยจัดเลย แบบอารมณ์ชั่ววูบมาก ได้โปร Handset special อะไรซักอย่าง ลดเหลือ 15,900 บังคับค่าโปรอีก 3,000 รวมๆก็ลดไป หลายอยู่

และนี่คือความรู้สึกแรกหลังใช้มาประมาณ 3 วัน จากมุมมองของคนที่ใช้ Galaxy S1 , S3 และ S5 รวมๆกว่า 6 ปี ได้มั้ง (เรียกว่าสาวกมั๊ย)

  • ตัวเครื่องมันวาว … ตามมาด้วยรอยนิ้วมือเห็นชัดมาก น่าจะต้องเช็ดบ่อย
  • พอร์ทชาร์ตเป็น USB Type C (อันนี้พนง. AIS บอกว่าเป็นพอร์ทของมันเอง ใช้ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ ถือว่า miss leading เพราะจริงๆมันเป็นมาตรฐานที่ยังไม่แพร่หลาย) อาจจะต้องซื้อสายเพิ่มหลายเส้น
  • แต่ USB C ก็ทำให้เสียบชาร์ตง่ายขึ้น ไม่ต้องเล็งคว่ำหงายเหมือน micro USB
  • ตอนตั้งค่าครั้งแรก ถ้าเลือก ภาษาเป็นอังกฤษ จะไม่มีให้เลือก Region เป็นไทย .. ก็คือต้องเลือกภาษาไทยไปก่อนเพื่อให้ Region ถูก แล้วเปลี่ยนภาษาหลังจากเซ็ตเสร็จ ..
  • ตำแหน่ง fingerprint sensor อยู่ตรงกับนิ้วชี้ข้างหลังเครื่องพอดี เหมือนจะสะดวกดี
  • เอานิ้วทาบ fingerprint จะปลุกเครื่องอัตโนมัติ ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ
  • เปลี่ยนแบตไม่ได้
  • เครื่องเบาและบางมาก ใช้แบบไม่ใส่กรอบยังจับไม่ค่อยถนัด
  • มี Port IR (Infrared) ที่คนอื่นเค้าตัดทิ้งออกไปกันหมดแล้ว แต่เอาไว้ใช้เปิดแอร์ เปลี่ยนช่องทีวีได้ ก็สะดวกดีนะ
  • ไม่มีปุ่ม Physical แยกเหมือนตระกูล Galaxy พวกปุ่ม Home เป็นปุ่มในหน้าจอหมด เข้าใจว่า SS เองที่ไม่ทำตามมาตรฐาน (แต่ชินซะแล้วนี่สิ) ถ้าวางเครื่องบนพื้นราบเช่น โต๊ะทำงาน จะปลุกเครื่องยากมาก
  • มีแถมขาตั้งกล้อง .. ที่เวอร์ไปมากกกก
  • คุณภาพกล้องดูได้ด้านล่าง ถ่ายด้วยโหมด auto ทั้งหมด … ทั้งนี้ตัวเครื่องตั้งหมด pro ได้ คือกำหนดความกว้างรูรับแสง ความไว้ชัตเตอร์เอง ไรงี้ .. แต่ในชีวิตประจำว่าก็คงไม่มานั่งปรับหรอก .. มั้ง
  • เมื่อใช้ความละเอียดสูงสุดของกล้อง จะได้ภาพเป็นอัตราส่วน 4:3 ยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่
คอนเสิร์ตเฉลียง ซูมระดับนึง
คอนเสิร์ตเฉลียง ไม่ซูม ย้อนแสง
ขาตั้ง แถมมาด้วยกัน เวอร์วังมาก
ขาตั้ง แถมมาด้วยกัน เวอร์วังมาก
ใกล้ๆบ้าง

อันนี้ขบนรถวิ่งเข้ามากำลังจะจอด
อันนี้ขบนรถวิ่งเข้ามากำลังจะจอด

ยามฮะ

เรื่องมีอยู่ว่า ปกติที่บ้านไม่ค่อยมีคนอยู่ เลยแปะ post it ไว้ที่ตู้จดหมายว่าถ้ามี ems มาให้ฝากไว้ที่ป้อมยาม จะได้ไม่ต้องไปเอาเองที่ไปรษณีย์ …

 

วันนี้เลี้ยวรถเข้าป้อมยามมา ..  พี่ยามนี่โบกก่อนเลย พร้อมกับวิ่งไปหยิบซองที่น้ำตาลมา ตามด้วยบทสนทนา ดังนี้

พี่ยาม: พี่บ้านเลขที่ 68 ใช่มั๊ยครับ

เรา: ไม่ใช่ครับ บ้านเลขที่ 65

พี่ยาม: โอเคคับ งั้นของพี่ล่ะ ถูกแล้ว

กรู: ห๊ะ …

 

ถือเป็นการยืนยันตัวตนที่พี่ยามคิดมาแล้ว .. มีการถามหลอกด้วย ซับซ้อนมาก

อ้อ วันไหนเค้าเรียกรถไม่ทัน ค่ำๆมีขี่จักรยานเอาจดหมายมาให้ถึงบ้านด้วย เจ๋งมาก …  จบ

Scroll to top