Sumi Sumi Grand

ห่างหายจากวงการอาหารไปหลายเพลา ….


คราวนี้ขอกลับมาด้วยร้านสไตล์ปิ้งย่าง … Sumi Sumi Grand


บุฟเฟต์มีสองราคา 499 และ 899 บาท …


และแน่นอนระดับเราไปกิน ต้องเลือกอันถูกอยู่แล้ว วะฮ่าๆๆๆ เมนูจำไม่ค่อยได้ แต่จำได้ว่าได้กิน หมู เนื้อ หมูดำ เนื้อนิวซะแลนด์ แกะ กุ้ง แซลมอน ปลาหมึก กั้ง ไส้กรอก ไก่ … แล้วก็มีหนมหวานเป็นไอติมมะพร้าว


… มื้อนี้ไปกินกับพี่ที่ทำงานเก่า (… เป็นครั้งแรกที่ได้เรียกว่า “ที่ทำงานเก่า” )


ไปกันทั้งหมด 17 คน จองโต๊ะไว้ตอนทุ่มครึ่ง แต่ไปถึงกันตั้งแต่ยังไม่ทุ่มนึง ผลก็คือ ต้องรอกันจนเหนื่อย … เท่านั้นยังไม่พอ โต๊ะที่กินอยู่กันไม่ตรงเวลาอีก กว่าจะได้เข้าป้าเข้าไปเกือบสองทุ่ม หงุดหงิดกันเป็นแถววว


มาดูรูปกันนนน 🙂


พนักงานเติมถ่าน + เปลี่ยนตะแกรงบ่อยดี 🙂


เบียร์ Asahi Refill 199.-


เจ้าของร้าน พี่ปุ๊ อัญชลี


 

แผ่นที่

[mappress mapid=”3″]


Airport Rail Link

อาทิตย์ก่อนเพิ่งจะได้มีโอกาสไปขึ้น Airport Rail Link (ARL) กับเค้าซักที ขอเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อยดีกว่า 🙂


ปล. มี Video ด้วยกำลังอัพโหลดอยู่ ใหญ่มากกกก เดี๋ยวจะอัพเดทอีกทีตอน Video เสร็จแล้วครับ


Video :

Airport Rail Link from ZiiT on Vimeo.



Gallery :


Pranburi Trip : Sep 2010


บล็อกนี้ขอสั้นๆ ง่ายๆ สองอาทิตย์ก่อนไปปราณบุรีมา … ไปเที่ยวส่งเพื่อนวะ  ไปเรียนต่อป.เอกที่ญี่ปุ่น …


ก่อนที่จะลงรูปจากกล้องใหญ่ ขอแปะรูปจากมือถือไว้ก่อนละกันนะ




จริงๆแล้วตั้งใจจะทำวิดีโอเล็กๆน้อยๆให้วะ .. แต่ไม่สำเร็จ .. ได้มาแค่นิดๆหน่อยๆ แถมเสียงลมก็ดังอีก … อัพไว้ให้ดูนิดหน่อยก็ยังดีเนอะ ^^

Goodluck my friend …



Va Farewell 2 from ZiiT on Vimeo.



Va Farewell 1 from ZiiT on Vimeo.

 


ปล. ช่วงนี้ ยายไม่ค่อยสบายๆ นอนรพ.อยู่หลายวันเลย ก็เลยต้องไปๆมาๆรพ.บ้าง บ้านน้าบ้าง … ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา  🙂

 


Shipito : บริการตู้ไปรษณีย์ส่วนตัวในต่างแดน

เนื่องมาจากได้รับคำสั่งให้สั่งซื้อของบางอย่างจาก Amazon แต่ว่าบางอย่างที่ว่านั้น ไม่มีบริการส่งออกนอก US (หรือไม่ก็มี..แต่ไม่อยากใช้)

… สิ่งที่เราทำได้นอกจากการบินไปซื้อเอง … ฝากเพื่อนซื้อ … ซื้อแล้วส่งให้เพื่อนหิ้วกลับมา


ก็มีอันนี้แหล่ะ Shipito.com ซึ่งได้รับการแนะนำโดย @Pakkardkaw (ก็ที่เป็นคนเีดียวกับคนที่สั่งให้ซื้อนั่นแหล่ะ)


บริการ Shipito.com คืออะไร ?

Shipito เป็นการสร้างที่อยู่ปลอมๆของเราใน US ซึ่งเมื่อเราสมัคร เราจะได้ที่อยู่มาอันนึงเป็นชื่อเรา ซึ่งสถานที่จริงๆก็คือ Warehouse ของ Shipito ตอนนี้ (23/10/2553) ค่าสมัครอยู่ที่ 8.5 $ ซึ่งก็จะนำมาเป็นเงินในบัญชีของเราต่อไป


เมื่อเราซื้อของ เราก็ให้ส่งไปยังที่อยู่ดังกล่าว …


และเมื่อของมาถึง Shipito เจ้า Shipito ก็จะเมลมาบอกรายละเอียดเรา ว่าของที่ได้รับมีหน้าตาอย่างไร (มีรูปด้วย) ขนาดเท่าไหร่ พร้อมกับประเมินราคาให้เสร็จสรรพ ว่าถ้าจะส่งมาให้เราที่บ้านเนี่ยจะเสียดังเท่าไหร่ …  (นั่นแปลว่าเราต้องหาข้อมูลเรื่องราคาการส่งของระหว่างประเทศไว้บ้าง !! ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะไม่มีปัญญาเอาของออกจาก Shipito – -“)

ก่อนที่ Shipito จะส่งของออกมาให้เรา จะมีขึ้นตอนอีกสองสามอันคือ

1. เราต้องเข้าไป Declare ของที่จะส่งมาที่บ้าน ว่าเป็นอะไร เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีของทางศุลกากร ว่าของที่ส่งนั้นเป็นอะไร เสียภาษีหรือไม่อย่างไร

2. เลือกวิธีที่จะจัดส่ง ว่าส่งโดยผู้ให้บริการรายไหน (มีหลายเจ้า หลายราคา)

3. ดูเรื่องที่อยู่ที่จะให้ส่งไปที่ไหน.. แต่โดยปกติเราจะกรอกที่อยู่ของบ้านเราไว้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ส่งไปให้คนอื่นก็ไม่ต้องแก้ไขในส่วนนี้

4. จ่ายตังค์ค่าส่งกลับบ้าน .. อย่างที่บอกไว้ตอนแรก ว่าเรามีค่าสมัคร 8.50 $ ไว้ในตอนแรกอยู่แล้วด้วย ค่าส่งที่เราต้องจ่ายเพิ่มก็หักส่วนนี้ออกไปด้วย (ในครั้งแรก)


สุดท้ายก็รอของมาถึงบ้าน โดยอาจจะต้องมีไปเสียภาษีบ้างตามเวลาและโอกาส แล้วระหว่างนั้นก็เอา ID ของการส่งที่ได้จาก Shipito มา Track ดูได้ว่าของถึงไหนแล้ว


ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ตอนนี้ Warehouse ของ Shipito มีอยู่หลายที่ ใน US มีใน 4 รัฐ แล้วก็เห็นแว๊บๆว่ามีในญี่ปุ่นด้วย … เป็นไปได้ว่าต่อไปอาจจะสั่งของจากที่อื่นได้ง่ายขึ้น สั่งไปส่ง Shipito ก่อน.. แล้วค่อยว่ากัน ประมาณนั้น
  • การจ่ายตังค์มีทั้ง Paypal และบัตรเครดิต


ปล. เพิ่งใช้ครั้งแรก ใครมีทริคเด็ดๆก็บอกกันมั่ง

ปล2. ช่วงนี้บาทแข็ง … จะซื้ออะไรก็รีบซื้อ 🙂


Android Tip : Brightness control in one touch

ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าไม่แน่ใจว่าเทคนิคนี้จะใช้กับ Android ทุกเครื่องรึป่าว แต่ที่ใช้ได้แน่ๆคือ Galaxy S และคิดว่า Android จาก Samsung ทั้งหมดก็น่าจะใช้ได้

การปรับความสว่างของหน้าจอเนี่ยทำได้หลายวิธีเลยครับ เช่น

การเข้าไปปรับในส่วนของ Sound and display ใน Settings หรือว่าจะเป็น การใช้ Power widget ในหน้า Home

แต่ที่ผมจะแนะนำวันนี้ คือ การรูดในส่วนของ Notification Bar ครับ (ใช้คำว่ารูดแล้วมันฟังดูแหม่งๆดี ชอบ อิอิ)  เอ้า.. ลองไปดูกัน

ปกติเวลาเราจะเปิด Notification Bar เนี่ย เราจะลากจากขอบจอด้านบนลงมาใช่มั๊ยครับ
ซึ่งตรงนี้แหล่ะ เมื่อเรากดไปตรงขอบจอด้านบน ปลายของหน้า Notification จะแหล่มออกมา

ตรงนี้เลยครับ ถ้าเราลากนิ้วของเราไปทางขวาจะทำให้จอสว่างขึ้น … ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราลากนิ้วไปทางซ้ายหน้าจอก็จะมืดลงครับ วิธีนี้จะสะดวกตรงที่เราไม่ต้องออกมาหน้า Home หรือเข้าหน้า Settings เลย อยากให้สว่างตอนในก็ลากขวา ให้มืดก็ลากซ้าย …. จบ !!

Scroll to top