เมื่อสามจีมาถึงมือเรา วิดีโอคอลก็บังเกิด

เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากได้ยินข่าวเรื่องเครือข่าย 3G มากันมานานนับสองสามปี วันนี้ก็มีโอกาสได้ใช้งานกันซักที ถึงแม้ว่าจะยังใช้งานจริงๆจังๆไม่ได้ แต่ตัวเครือข่ายของ TOT นั้นก็สามารถให้บริการได้บ้างบางส่วนแล้วเดี๋ยวเราจะมาลองดูกันว่าเป็นไงบ้าง

— คำเตือน : ข้อมูลต่อไปนี้อาจจะมีเนื้อหาไม่เหมาะสมแก่คนมีความรู้ด้านนี้เป็นอย่างดีแล้ว เนื้อหาทั้งหมดเขียนขึ้นเพื่อคนทั่วไปซึ่งยังไม่ได้รู้ว่า 3G มีไปทำไป และเพื่อความมันส์ส่วนบุคคล —

มาเริ่มกันก่อนว่า 3G คืออะไร

3G คือ ระบบเครือข่ายโทรศัพท์ยุคที่ 3  (ส่วนยุค 1 กับ 2 คืออะไรอย่าไปสนมันเลย)  ซึ่งจุดสำคัญมันอยู่ที่ว่า ยุคที่เรียกว่า 3G เนี่ย เค้ารับรองความเร็วขั้นต่ำในการส่งข้อมูลว่า ถ้าคุณจะเรียกเครือข่ายของตัวเองว่าเป็น 3G เนี่ย คุณต้องเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยความเร็วอย่างน้อยระดับนึงนะวะฮะๆๆๆ ซึ่งจะเร็วกว่าระบบที่เราใช้ๆกันอยู่อย่างเห็นได้ชัด

3G แล้วไง ? มีประโยชน์อาร๊ายย ?

3G ทำให้ริงโทนเพราะขึ้นมั๊ย ? ตอบ : ไม่

3G ทำให้รถไม่ติดมั๊ย ? ตอบ : ไม่

3G ทำให้โทรศัพท์แล้วชัดขึ้นมั๊ย ? ตอบ : ก็ไม่อยู่ดี

อ้าว แล้วมันมีประโยชน์ไงอ่ะ เห็นพูดกันนักพูดกันหนา

3G นั้น ไม่ได้ทำการการพูดคุยโทรศัพท์ธรรมดา (Voice) ชัดขึ้นแต่ประการใด แต่ 3G ทำให้การส่งข้อมูลเร็วขึ้น เหมือนกับคุณมี Internet ADSL ลากสายเดินตามตูดคุณไปทุกที่นั่นเอง ซึ่งเมื่อมีการส่งข้อมูลเร็วขึ้น Application ต่างๆจะเกิดขึ้นเพื่ออำนวยประโยชน์ให้ชีวิตเราอย่างมากมาย

แล้วที่ว่าส่งข้อมูลเร็วขึ้นแล้วยังไงต่อ ?

อย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือ เมื่อมันเชื่อมต่อได้เร็วมาก แทนที่เราจะคุยผ่านเสียงธรรมดา ไหนๆก็เร็วแล้ว เราก็คุยแบบเห็นหน้ากันไปเลย นั่นก็คือที่มาของ Video Call นั่นเอง เพราะเมื่อมันเร็วถึงระดับนึงการส่งภาพ(เยอะๆ) พร้อมเสียงไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก คราวนี้ก็เปลี่ยนการใช้งานไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะสังเกตุได้จากโทรศัพท์รุ่นหลังๆที่บอกว่ารองรับ 3G จะเพิ่มกล้องมาที่ด้านหน้าอีกหนึ่งตัวเพื่อไว้ทำ Video call นั่นเอง

อีกอย่างคือเมื่อมันเร็ว มือถือเราจะเล่นอะไรได้เยอะมาก การส่ง E-Mail ไฟล์ขนาด 5 MB เนี่ย สามารถเสร็จได้ในเวลาไม่กี่นาที อัพ Facebook Hi5 Twitter ได้อย่างง่ายดาย

แล้ว 3G ในไทยตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ?

ต้องมาร่ายกันก่อนว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไทยเดิมเนี่ย มีอยู่ 2 ระบบคือ

1. ระบบ GSM เดิมซึ่งก็คือ AIS, True Move, DTAC

2. ระบบ CDMA ซึ่งก็คือ Hutch ใน 22 จังหวัด และ CAT ในจังหวัดที่เหลือ

ระบบ CDMA นั้นจริงๆตัวเครือข่ายเกือบจะรองรับอยู่แล้ว แต่คาดว่าจากการที่มันใช้ได้ไม่ครอบคลุมเลยไม่มีตังไปลงทุนทำให้มัน 3G เต็มตัวซักที คงได้แต่รอว่าเมื่อไหร่จะใช้มือถือ CDMA เบอร์เดียวทั่วไทยได้ซะก่อน

ส่วน GSM นั้น AIS, True Move และ DTAC นั้นใช้ความถี่ซึ่งไม่ได้เป็นมาตรฐานที่ประเทศส่วนใหญ่เค้าใช้กัน (ที่ 2100 MHz) ก็เลยเปิด 3G ได้แค่บนความถี่ที่ตัวเองถืออยู่ ซึ่งก็มีเครื่องที่รองรับน้อยเหลือเกิน เลยเปิดให้บริการจริงจรังไม่ได้ ซึ่งจะใช้ความถี่มาตรฐาน 2100 MHz ได้นั้นก็ต้องรอประมูลคลื่นความที่ซึ่งเป็นสมบัติของชาติจาก กทช.ที่เพิ่งหมดวาระไป คาดว่าอีกประมาณ 3 ชาติถึงจะได้ใช้กัน

และที่เพิ่งเปิดให้บริการคือ TOT ให้บริการผ่านระบบที่เรียกว่า UMTS ซึ่งก็เป็นประมาณว่าอุปกรณ์เสริมของ GSM ที่ทำให้มันเข้าสู่บริการ 3G ได้ โดย TOT เปิดบริการผ่านผู้ให้บริการ 5 เจ้า (เดี๋ยวจะบอกว่าคืออะไร)

แล้ว 3G ของ TOT นี่ตกลงยังไงนะ ?

ส่วนพระเอก..อ๊ะหรือตัวโกงก็ไม่รู้.. ที่จะพูดถึงก็คือ ทีโอที..  TOT เนี่ยเป็นเจ้าของคลื่นความถี่ 2100 MHz อยู่ประมาณ 3 ชาติเศษแล้ว พึ่งจะมาได้รู้สึกตัวเอาช่วงนี้ว่าตัวเองมีทรัพย์สมบัติอยู่ในมือ ประกอบกับจังหวะ 3 ค่ายยักษ์กำลังติดประมูลไม่ได้อยู่ เลยฉวยโอกาสเปิดบริการ 3G บนเครือข่ายของตัวเองขึ้น

แต่ๆๆ TOT ก็ไม่ได้เป็นผู้ขายเองซะหมด TOT ได้ใช้การตลาดในลักษณะให้มีผู้บริการ 5 รายบนเครือข่ายของตัวเอง แบ่งๆเบอร์กันไปทำการตลาด เรียกว่า MNVO หรือ Mobile Network Virtual Operator (ประมาณทำนาบนหลังคน.. เอ้ย ทำโทรศัพท์บนเครือข่ายคนอื่น) ซึ่งก็ประกอบด้วย

• i-mobile ที่เปิดบริการในชื่อ I-Mobile 3GX
• บ. 365 คอมมูนิเคชัน
• Loxley เปิดบริการในชื่อ i-KooL 3G
• อีกรายนึงชื่อไม่ออก
• และรายสุดท้ายคือ TOT เอง

โอเค เข้าใจและ แล้วยังต่อ ?

เมื่อเข้าใจหลักการคร่าวๆกันแล้วก็มาดูว่า 3G ของ TOT ผ่านผู้ให้บริการคือ i-Mobile เนี่ย เป็นยังไงบ้าง

วันที่ 6 ธ.ค. ได้ซื้อซิมจากบูตของ I-Mobile ที่เซ็นทรัลเวิร์ล ซิมที่ได้ก็มีหน้าตาแบบนี้

ดูใกล้ๆกันอีกรูป

ซึ่ง Sim 3G แบบเติมเงิน ( Prepaid ) ของ I-Mobile นั้น ราคาแค่ 99 บาท โดยจะมีเงินใน Sim มูลค่า 50 บาท และสามารถใช้งานได้นาน 5 วัน หมายความว่าภายใน 5 วันต้องเติมเงินใหม่ไม่งั้นวันจะหมดแล้วโทรออกไม่ได้อยู่ดี

ราคาค่าบริการของค่าย I-Mobile แบบเติมเงินนั้น เป็นตามนี้

• Video Call นาทีละ 1.50 บาท … มันไม่แพงเลย สำหรับการโทรศัพท์แบบเห็นหน้ากันไปด้วย ^^
• โทรศัพท์ปกติ นาทีละ 1 บาท
• sms ครั้งละ 2 บาท

และการเติมเงินทุกๆครั้งจะได้ Data Transfer สำหรับเล่นเน็ตฟรี ตามนี้คือ

• เติมเงิน 50 บาท เล่นเน็ตฟรี 30 MB
• เติมเงิน 100 บาท เล่นเน็ตฟรี 100 MB
• เติมเงิน 300 บาท เล่นเน็ตฟรี 500 MB
• เติมเงิน 500 บาท เล่นเน็ตฟรี 1000 MB
• ส่วนเกินคิด MB ละ 50 สตางค์

ซึ่งตอนนี้บัตรเติมเงินมีจำหน่าที่ I-Mobile Shop ทุกสาขา

และเมื่อเราได้ซิมมาแล้ว ก็ต้องมาลองดูกัน โดยเมื่อใส่ Sim ไปในเครื่อง Nokia N96 จะได้หน้าตาดังนี้ สังเกตุว่าตรงเสาสัญญาณจะเปลี่ยนเป็นคำว่า 3G

ต่อมาก็ลองเสียบกับเครื่อง SE G900 ก็จะมี Icon 3G สีขาว โผล่มาข้างๆช่องแสดงสัญญาณโทรศัพท์

ขั้นต่อมาก็ต้องลอง Video Call ซึ่งก็ทำให้ประทับใจพอสมควร อาจจะเป็นเพราะยังมีผู้ใช้งานไม่เยอะ สัญญาณภาพและเสียงที่ได้ถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

 

อีกเรื่องคือการต่อ Internet จากที่ทดลองต่อ Bluetooth จากโน๊ตบุค เข้าโทรศัพท์ SE G900 แล้วเรียก 3G ขึ้นมาเล่นเนี่ย ปรากฏว่าความเร็วที่ได้นั้นน่าผิดหวังเล็กน้อย ได้เพียงประมาณเน็ต 512 K ตามบ้านทั่วๆไปเท่านั้นเอง ตามรูป

 

ซึ่งคาดว่าถ้าต่อด้วย Air Card ที่รองรับ 3G จริงๆน่าจะเร็วกว่านี้ได้อีก..

 

 

สุดท้ายนี้สรุปได้ว่า 3G บน TOT ทำได้ดีพอสมควร อาจจะได้คะแนนเยอะตรงทีมีให้เล่นเป็นเจ้าแรก (ไม่นับ AIS และ DTAC ที่ทำยิบย่อยออกมาบน ความถี่ตัวเอง) แต่ว่า.. ใครล่ะที่จะยอมเปลี่ยนซิมไปๆมาๆเพื่อใช้งานจริงๆจังๆ Video call มันยังไม่สำคัญขนาดต้องเปลี่ยนเบอร์หรือถือสองเบอร์พร้อมกัน อยากใช้เน็ตก็เอา Sim ใส่ใน Air card สุดท้ายมันยังเป็นได้แค่ของเล่นแค่นั้นใช่มั๊ย ?

ปล. ข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดไปก็ขออภัยนะครับ (ช่วยแก้ไขด้วยจะดีมาก 😛 ) เนื่องมาจากเขียนด้วยความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ

[ad#inline-1]

Reference :

http://www.i-mobile3gx.com/index_3gx_prepaid.php

http://www.blognone.com/node/14127

http://en.wikipedia.org/wiki/3G

http://www.thaiblognews.com/tot-3g-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/